สาธารณสุขอำเภอ
เร่งเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อน้ำวัดร้างที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา
ส่งตรวจหาสารปนเปื้อน หลังชาวบ้านเชื่อเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
จากการแสดงอิทธิฤทธิ์ ของอดีตเกจิดัง เนรมิตให้มีสีชมพูอมม่วงใช้รักษาโรค
จนชาวบ้านแห่ตักใช้อาบ-ดื่มกิน
พร้อมจัดกำลังอส.-ประกาศห้ามนำไปใช้อุปโภคบริโภคชั่วคราวจนกว่าผลตรวจจะมีบทสรุป
คาดใช้เวลา 1 สัปดาห์ ด้านชาวบ้านที่ก็ยอมทำตามคำเตือน
แต่ยังเชื่อมั่นศรัทธาหวังช่วยหายจากโรคร้าย
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 23 ก.พ. นพ.กุศล เชื่อมกลาง นายแพทย์สาธารณสุขอำเภอโนนสูง จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเก็บตัวอย่างน้ำภายในบ่อน้ำ วัดบ้านดอนเพกา ม.9 ต.ขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดร้างส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบหาสารปนเปื้อน, หาค่าสี รวมทั้งสารสังเคราะห์ต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่กับน้ำ โดยบ่อน้ำดังกล่าว มีลักษณะเป็นบ่อซีเมนต์เก่าแก่ รูปทรงคล้ายรูปหัวใจ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร มีน้ำขังอยู่ประมาณครึ่งบ่อ มีสีชมพูอมม่วง
สืบเนื่องจากชาวบ้านจำนวนมากเชื่อเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยก่อนหน้านี้มีหญิงชราวัย 71 ปี อ้างว่าเป็นร่างทรงของหลวงพ่อพรหมสร รอด พระเกจิชื่อดังในพื้นที่ ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ผู้เคยสร้างวัดดังกล่าว แสดงอิทธิฤทธิ์ เนรมิตบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำในบ่อเป็นสีชมพู ให้ชาวบ้านนำไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จึงสร้างความฮือฮาแก่ชาวบ้าน หลายคนตักน้ำมาประพรมตามใบหน้า แขนขา ปรากฏว่าน้ำ เย็นเฉียบ ช่วยให้สดชื่นผ่อนคลาย
พร้อมประสานผู้นำชุมชนช่วยกันนำเชือกปอขึงกั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบบ่อน้ำ ติดป้ายเขียนข้อความห้ามเข้า รอบบริเวณบ่อน้ำ และจัดกำลังอาสาสมัครในการดูแลความเรียบร้อยในบริเวณดังกล่าว ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปตักน้ำในบ่อมาดื่มกิน และใช้ล้างทำความสะอาดร่างกาย เนื่องจากเกรงว่าประชาชนที่ดื่มน้ำในบ่อไปอาจจะเกิดการล้มป่วยและเป็นโรคผิวหนังจากสารปนเปื้อน จนกว่าผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์จะออกมา ภายในสัปดาห์หน้า
นพ.กุศล เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำภายในบ่อเพื่อนำไปตรวจและวิเคราะห์ในเรื่องของเคมีและจุลวิทยา เนื่องจากสภาพของน้ำดูด้วยตาเปล่าแล้วพบว่า น้ำเป็นสีชมพูม่วงๆ มีสภาพขุ่น ดังนั้นต้องตรวจหาสารปนเปื้อนในน้ำ โดยตัวอย่างน้ำทั้งหมดจะส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดนครราชสีมา คาดว่าผลการตรวจทั้งหมดจะทราบได้ภายในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ทราบว่า น้ำในบ่อนั้นยังไม่ควรจะดื่มกิน เนื่องจากผลการตรวจยังไม่ยืนยันว่าสีของน้ำที่เป็นสีชมพูม่วงนั้น เกิดจากธรรมชาติหรือเป็นฝีมือของมนุษย์ จึงให้ผู้นำชุมชนกั้นแนวเขตห้ามเข้าและห้ามสัมผัสน้ำในบ่อโดย เด็ดขาด
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดบ้านดอนเพกา มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเป็นจำนวนมากต่างพากันทยอยเข้ามาดูบ่อน้ำภายในวัด ที่ชาวบ้านบอกต่อๆ กันว่าเป็นบ่อน้ำวิเศษ สามารถรักษาโรคได้ต่างๆ นานา จนทำให้หลายคนที่ทยอยเดินทางมาก็ต่างพากันถือขวดน้ำเปล่า กรอกน้ำภายในบ่อนำกลับไปบ้านเพื่อนำไปไว้ดื่มกินและล้างหน้า เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ เชื่อว่า บ่อน้ำดังกล่าวนั้นเป็นบ่อน้ำวิเศษสามารถรักษาโรคให้หายขาดได้
นางทอด ทับโคกสูง อายุ 60 ปี ชาว ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองและเพื่อนบ้านได้เดินทางมาที่วัดดอนเพกา เนื่องจากต้องการมาเอาน้ำในบ่อวิเศษกลับไปไว้ดื่มกิน เพื่อเป็นการรักษาโรค เนื่องจากช่วงนี้สายตาตัวเองเริ่มเกิดการ พร่ามัว คิดว่าเมื่อนำน้ำดังกล่าวไปดื่มกิน โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จะหายไป แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่อนุญาตให้ตักน้ำดังกล่าวกลับไปดื่มกิน ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร วันหลังจะกลับมาใหม่อีกรอบเพราะว่าบ้านเดิมอยู่ ไม่ไกลจากที่วัดดอนเพกาเท่าไร
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 23 ก.พ. นพ.กุศล เชื่อมกลาง นายแพทย์สาธารณสุขอำเภอโนนสูง จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเก็บตัวอย่างน้ำภายในบ่อน้ำ วัดบ้านดอนเพกา ม.9 ต.ขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดร้างส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบหาสารปนเปื้อน, หาค่าสี รวมทั้งสารสังเคราะห์ต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่กับน้ำ โดยบ่อน้ำดังกล่าว มีลักษณะเป็นบ่อซีเมนต์เก่าแก่ รูปทรงคล้ายรูปหัวใจ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร มีน้ำขังอยู่ประมาณครึ่งบ่อ มีสีชมพูอมม่วง
สืบเนื่องจากชาวบ้านจำนวนมากเชื่อเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยก่อนหน้านี้มีหญิงชราวัย 71 ปี อ้างว่าเป็นร่างทรงของหลวงพ่อพรหมสร รอด พระเกจิชื่อดังในพื้นที่ ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ผู้เคยสร้างวัดดังกล่าว แสดงอิทธิฤทธิ์ เนรมิตบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำในบ่อเป็นสีชมพู ให้ชาวบ้านนำไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จึงสร้างความฮือฮาแก่ชาวบ้าน หลายคนตักน้ำมาประพรมตามใบหน้า แขนขา ปรากฏว่าน้ำ เย็นเฉียบ ช่วยให้สดชื่นผ่อนคลาย
พร้อมประสานผู้นำชุมชนช่วยกันนำเชือกปอขึงกั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบบ่อน้ำ ติดป้ายเขียนข้อความห้ามเข้า รอบบริเวณบ่อน้ำ และจัดกำลังอาสาสมัครในการดูแลความเรียบร้อยในบริเวณดังกล่าว ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปตักน้ำในบ่อมาดื่มกิน และใช้ล้างทำความสะอาดร่างกาย เนื่องจากเกรงว่าประชาชนที่ดื่มน้ำในบ่อไปอาจจะเกิดการล้มป่วยและเป็นโรคผิวหนังจากสารปนเปื้อน จนกว่าผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์จะออกมา ภายในสัปดาห์หน้า
นพ.กุศล เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำภายในบ่อเพื่อนำไปตรวจและวิเคราะห์ในเรื่องของเคมีและจุลวิทยา เนื่องจากสภาพของน้ำดูด้วยตาเปล่าแล้วพบว่า น้ำเป็นสีชมพูม่วงๆ มีสภาพขุ่น ดังนั้นต้องตรวจหาสารปนเปื้อนในน้ำ โดยตัวอย่างน้ำทั้งหมดจะส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดนครราชสีมา คาดว่าผลการตรวจทั้งหมดจะทราบได้ภายในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ทราบว่า น้ำในบ่อนั้นยังไม่ควรจะดื่มกิน เนื่องจากผลการตรวจยังไม่ยืนยันว่าสีของน้ำที่เป็นสีชมพูม่วงนั้น เกิดจากธรรมชาติหรือเป็นฝีมือของมนุษย์ จึงให้ผู้นำชุมชนกั้นแนวเขตห้ามเข้าและห้ามสัมผัสน้ำในบ่อโดย เด็ดขาด
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดบ้านดอนเพกา มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเป็นจำนวนมากต่างพากันทยอยเข้ามาดูบ่อน้ำภายในวัด ที่ชาวบ้านบอกต่อๆ กันว่าเป็นบ่อน้ำวิเศษ สามารถรักษาโรคได้ต่างๆ นานา จนทำให้หลายคนที่ทยอยเดินทางมาก็ต่างพากันถือขวดน้ำเปล่า กรอกน้ำภายในบ่อนำกลับไปบ้านเพื่อนำไปไว้ดื่มกินและล้างหน้า เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ เชื่อว่า บ่อน้ำดังกล่าวนั้นเป็นบ่อน้ำวิเศษสามารถรักษาโรคให้หายขาดได้
นางทอด ทับโคกสูง อายุ 60 ปี ชาว ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองและเพื่อนบ้านได้เดินทางมาที่วัดดอนเพกา เนื่องจากต้องการมาเอาน้ำในบ่อวิเศษกลับไปไว้ดื่มกิน เพื่อเป็นการรักษาโรค เนื่องจากช่วงนี้สายตาตัวเองเริ่มเกิดการ พร่ามัว คิดว่าเมื่อนำน้ำดังกล่าวไปดื่มกิน โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จะหายไป แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่อนุญาตให้ตักน้ำดังกล่าวกลับไปดื่มกิน ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร วันหลังจะกลับมาใหม่อีกรอบเพราะว่าบ้านเดิมอยู่ ไม่ไกลจากที่วัดดอนเพกาเท่าไร