แต่ภาพที่กำลังเห็นอยู่นี้ ชวนน่าตั้งคำถามว่า ทำไมถึงต้องแต่งกาย ปิดหน้า ปิดหน้า ไม่ให้ใครเห็นถึงขนาดนี้ ?
ทั้งนี้ พระอาจารย์ ชาญณรงค์ อุตตโม พระประจำศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน อดีตนายทหาร ยศ พล.ท. สังกัดเจ้ากรมการเงินทหารบก แถลงชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พบการขุดพบร่องน้ำและถังน้ำมันเปล่า 200 ลิตร คาดว่า นำมาสกัดกำลังเจ้าหน้าที่นั้น ยืนยันว่า วัดไม่มีเจตนาขัดขวางแต่อย่างใด และถังน้ำมันเปล่าก็นำมาใช้เป็นเสาสำหรับขึงสแลนกันแดดกันลมเท่านั้น พร้อมปฏิเสธ กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่าวัดเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และพระธรรมวินัย เนื่องจากที่ผ่านมาทางวัดมีการส่งเสริมด้านพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ด้านกฎหมายวัดได้ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่
ในการตรวจค้นอย่างละเอียด ระหว่างวันที่ 16 - 18 ก.พ. ที่ผ่านมา และไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่กลับ และใช้ ม.44 ต่อเนื่อง ส่วนกล้องจรปิดบริเวณรอบวัดที่ถูกเจ้าหน้าที่ทำลายไป 11 ตัว นั้น ทางวัดจะดำเนินการติดตั้งกล้องใหม่ที่จุดเดิม พร้อมเชิญสื่อมวลชนไปดูการติดตั้ง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์และความโปร่งใสด้วย
ด้าน พระมหาทศพล กล่าวว่า กรณีที่มีการขุดร่องน้ำและพบถังน้ำมันนั้น เป็นการทำของลูกศิษย์ที่มีความห่วงใย เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่นำรถมาชนรั้ว และมีผู้บุกรุกเข้ามาโดยพลการ ยืนยันว่าทางวัดไม่ทราบมาก่อน ส่วนลักษณะคล้ายกับยุทธวิธีทางทหารนั้น เห็นว่าชาวบ้านที่มาทำก็มีหลายอาชีพ บ้างเคยเป็นทหารมาก่อน ก็อาจจะใช้ความรู้ความสามารถความถนัดที่มีแต่ละสาขาอาชีพมาขุด ส่วนหลังจากนี้จะมีการนำถังออกหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ แต่จะมีการหารือกับศิษย์อีกครั้ง ส่วนที่น้ำไหลเข้าร่วมบ้านเรือนประชาชนและสวนเตย ได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่าทางวัดก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน และยังไม่รู้ว่าใครปล่อยน้ำเข้ามา ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวพระแกนนำที่แถลงได้เดินข้ามบันไดเหล็กและปีนเข้าเนินดินเข้าไปด้านข้างของทางวัดด้วยความทุลักทุเล
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อกรณีวัดพระธรรมกายชี้แจง กรณีที่เอาถังน้ำมันเปล่าขนาด 200 ลิตร มาทับสแลนเพื่อบังแดดและป้องกันฝุ่น พร้อมตั้งข้อสังเกตไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร มีขนาดไม่สูงพอที่จะทับสแลน สำหรับการขุดคูน้ำบริเวณดังกล่าว จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และการกระทำดังกล่าวถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวพบว่าเป็นของเอกชน จึงเตรียมจะออกหนังสือเรียกเจ้าของที่มาพบเจ้าหน้าที่ ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ของวัดยืนขวางทางเข้าเป็นกำแพง ถือว่ากระทำผิดที่ขัดต่อมาตรา 44 รวมถึงในวันนี้จะมีการออกหมายเรียกมารายงานตัวอีก 96 คน ที่พบว่าเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ที่อยู่ในวัดพระธรรมกาย ซึ่งที่ผ่านมาได้การประสานงานให้นำรถออกแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตาม จึงต้องออกหมายเรียก
รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ดูแลระบบในอาคารบุญรักษา และอาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์ เข้ามารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 14 - 15 คน โดยเมื่อวานนี้ได้มาพบเจ้าหน้าที่แล้ว 2 คน จากทั้งหมด 19 คน
Cr.tnews