Home »
Uncategories »
เผยผลกรรมที่ทำให้ “เงินขาดมือ ชีวิตไม่รุ่ง”
เผยผลกรรมที่ทำให้ “เงินขาดมือ ชีวิตไม่รุ่ง”
เชื่อว่าหลายคนคงเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษที่เราเคยสร้างมาหรือกระทำการไปโดยไม่เจตนาไม่ตั้งใจเกิดเป็นผลกรรมส่งต่อให้ชีวิตเราทำอะไรก็ไม่เจริญหรือเงินขาดมือ
วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกท่านมาดูกรรมที่ทำให้ “เงินขาดมือ ชีวิตไม่รุ่ง”
หมายถึงว่าอดีตชาติของเราทำทานไปเเล้วยังคิดเสียดายกับสิ่งที่เราทำ
ส่งผลให้ในชาตินี้เราเงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลังมีปัญหาเรื่องการเงิน
เอาเป็นว่าเราไปดูรายละเอียดทางด้านล่างกันเลยดีกว่าเราจะได้รู้เพิ่มเติมมากขึ้น…
อย่างเช่น ตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง
พอเอาเข้าจริงหรือเวลาลงมือปฏิบัติในทานนั้นกลับรู้สึกเสียดายหรือว่าด้วยเหตุอะไรก็ตามจึงทำทานนั้นน้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้
ไปลดปริมาณของลงเสีย ให้เหลือเพียงอย่างหรือ สองอย่าง
อีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่วัตถุทานนั้นไม่บริสุทธิ์มีบาปเจือปน คือ
ทานนั้นอาจจะซื้อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นเงินมาจากการเล่นการพนัน
เงินมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้าย
ทำลายชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น เช่น การไปฆ่าไก่มาต้มข่าถวายพระ
การไปเด็ดดอกไม้จากสวนเพื่อนบ้านโดยไม่ขออนุญาตเอามาถวายพระ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้บุญกุศลที่เคยทำมาจึงมีลักษณะแบบครึ่งๆ กลางๆ เดี๋ยวมีเงิน
พอผ่านไประยะเงินหมดขาดมือหมุนไม่ทัน จะไปหยิบยืมใครเขาก็ยาก
หรือเกิดความยากลำบากที่เขาจะช่วยเหลือ
บางครั้งต้องโดนเขาต่อว่าต่อขานหรือดูถูกเอาด้วยซ้ำ
คนที่เขาต่อว่าดูถูกเหล่านี้
เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรคือเคยเป็นเจ้าของวัตถุทานที่เราเคยไปขโมยเขามานั่นเอง
ส่วนเหตุจากกรรมใหม่ ในภพชาติปัจจุบัน
การที่เราหาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลังนั้นไม่ใช่ว่าเกิดจากกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว
เราต้องมาพิจารณาว่าเราทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่
สิ่งที่เราทำนั้นสมบูรณ์เพียงพอที่จะทำให้มีเงินทองใช้อย่างไม่ขาดมือหรือไม่
ถ้าดูแล้วว่ายังไม่พอ ยังไม่ถึงเหตุต้องเปลี่ยนกรรมของตนเสีย
ทำให้สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้น
เรายังเป็นคนใจเร็วตัดสินในเร็วบางครั้งทำให้ชวดโอกาสสำคัญ
ก็ให้ใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
หากบอกว่าไม่มีความรู้ความสามารถก็ต้องพยายามขวนขวายเรียนรู้
เพื่อเอาความรู้นั้นมาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเงิน
เราอาจยังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
ก็หันกลับด้านความคิดเสีย
ให้ดูว่าของที่เราจะซื้อนั้นสมควรหรือไม่ที่จะซื้อ
เมื่อซื้อแล้วทำให้เราต้องเงินขาดมือหรือไม่ ของที่จะซื้อรอได้อีกหรือไม่
พิจารณาให้ดีๆ
ส่วนหนึ่งที่เงินขาดมือมาจากการซื้อของโดยไม่คิดเน้นซื้อของโดยมุ่งประโยชน์เทียมมากกว่าประโยชน์แท้
เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้วแต่ชอบซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เป็นประจำ
เปลี่ยนมือถือทุก 3
เดือนโดยเน้นเรื่องฟังก์ชั่นใช้งานให้หลากหลายอยู่ตลอดเวลา
ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ก็เป็นเพียงอุปกรณ์เอาไว้ติดต่อสื่อสารรับส่งข้อมูลเท่านั้น
คือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมโดยหันมาประหยัดเน้นประโยชน์แท้มากกว่าประโยชน์เทียม
การแก้ไขควรเป็นไปทั้งสองทางทั้งทางโลกและทางธรรมเพื่อให้เกิดการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน
ควรให้หมั่นทำทานเสียใหม่ประกอบไปด้วยทาน 3
อย่างที่เกิดบุญมากอย่างสม่ำเสมอ คือ วัตถุทาน ธรรมทาน และ อภัยทาน
วัตถุทาน ที่จะทำเอาแบบที่ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหนให้ทำแบบนั้น อยากทำ
1บาท ก็ 1 บาท อยากทำ 100 บาท ก็ 100 บาท
อยากถวายข้าวเปล่าก็ข้าวเปล่าไม่ต้องเสียดาย
อย่าให้จิตตกไปพะวงว่าคนที่รับทานนั้นเขาจะเอาไปทำอะไรไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์
คนทั่วไปแม้แต่ขอทานก็อย่าไปคิด เอาแบบให้แล้วให้เลยขาดกัน
เป็นการทำด้านวัตถุทาน
ธรรมทาน คือ การเอาความรู้ไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์
ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทาง เช่น ไปสอนเขาปลูกผักให้ถูกต้อง
ไปสอนเขาทำอาหารให้ดีให้เก่งไปทำเป็นอาชีพได้บอกทางให้เขาได้เดินชีวิตถูกต้อง
การให้กำลังใจเขาให้สู้ชีวิต การไปร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์
หรือแม้แต่เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
ก็เป็นผู้นำบุญไปบอกไปเชิญชวนให้คนมาร่วมพิมพ์หนังสือหรือชวนคนทำบุญ ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้น
อภัยทาน เรื่องนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุด
ทำลักษณะการทำนั้นทำได้ง่ายด้วยตัวเองไม่ต้องเสียเงินทอง
แต่อภัยทานแม้รูปแบบจะทำได้ง่าย
แต่ทว่ากลับทำได้ยากที่สุดในทานทั้งหมดเพราะว่าวิสัยของปุถุชนย่อมมีความโกรธเคือง,อาฆาตพยาบาท
อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนทำให้เป็นประจำ
การให้อภัยนั้นควรเริ่มจากการตั้งจิตให้สงบเสียก่อน
คือให้ละจากอารมณ์โกรธเคียดแค้นใด ๆให้ได้ก่อน
แม้ความขัดเคืองในใจยังมีอยู่แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้
จากนั้น ให้อโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเขาเสียไม่ให้มีเวรกรรมติดค้างกันอีก
ต้องให้อภัยต่อคนรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก
ญาติมิตร คนร่วมงานกัน คู่ค้า ลูกค้า สัตว์เลี้ยง สรรพสัตว์ต่างๆ
หมั่นให้อภัยทานบ่อยๆ จิตเราจะมีกำลังมาก
ทำอะไรก็สำเร็จไม่มีกรรมมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้
แต่ต้องให้อภัยทั้งหมดทั้งกาย วาจา และใจ
และที่สำคัญพยายามให้คนรอบข้างที่มีส่วนในชีวิตของเราให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน
เคล็ดลับสำคัญ คือ
เมื่อทำทานครั้งใดเสร็จสิ้นให้อุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาทันที
พูดด้วยภาษาง่ายๆ ก็ได้ให้เขามารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว
ยินดีในบุญแล้วขอให้เขาอโหสิกรรมให้ ถอนตัวไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินนี้
ระบุไปอย่างเจาะจงเลย และต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว
ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเราอยู่ ซึ่งจะบอกให้ทราบว่า
ทุกคนมีเทวดาประจำตัวแน่นอนอย่างน้อย 2
ตนขึ้นไปและดวงวิญญาณที่คุ้มครองด้วย
ท่านเหล่านี้มาจากคนที่รักเรา
เมตตาเราอย่างจริงใจและมีกรรมดีผูกพันกันมา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตชาติ
พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ลูก ญาติหรือเพื่อนสนิท
ครูบาอาจารย์ที่ตายไปแล้วและอยู่ในภพภูมิอื่น
หมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่านเพื่อให้ท่านมีบุญเพิ่มขึ้น
และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่นมั่นคง ท่านจะรักและเมตตาเรามากขึ้นไปอีก
ท่านเหล่านี้มีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะช่วยดลใจให้เราพบช่องทางการหาเงินที่ถูกต้องถูกธรรม
ไม่มีกรรมชั่วติดมาด้วย ช่วยดลใจให้เราพบคนดีที่จะช่วยเหลือ
ดลใจให้เราพบโชคลาภที่ถึงเวลาจะได้จากที่เคยช้าก็จะเร็วขึ้น
ส่งผลให้มีเงินทองไม่ขาดมือแน่นอน
การสร้างทานใหญ่ด้วยวัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทานแล้วอุทิศบุญไปตามที่บอกไว้
ควรทำในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ ทุกท่านจะเห็นผลแบบอัศจรรย์
พร้อมกับเปลี่ยนกรรมใหม่ให้ตรงกับผลที่อยากได้คือ
อยากมีเงินทองใช้จ่ายไม่ขาดมือ