ชีวิตของอดีตพระเอกภาพยนต์ คู่กรรม "โอ วรุฒ วรธรรม" ยังต้องรอลุ้นและเอาใจช่วยกันอย่างหนัก ให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ซึ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่า "อาการป่วยครั้งนี้" อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ"การดื่มเหล้าอย่างหนัก"มาก่อน แม้ว่าปัจจุบันนี้ "หนุ่มโอ" ได้บำบัดจนเลิกขาดแล้ว แต่สุขภาพก็คงไม่แข็งแรงอย่างเดิม ซึ่งเจ้าตัวเองก็เคยสารภาพถึงเรื่องนี้เอาไว้ในรายการ ชีวิตดี๊ดี ทางช่อง 3 เมื่อหลายเดือนก่อนว่า เคยติดเหล้าหนักจนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง กระทั่งเพื่อนรักอย่าง นีโน่ เมทนี ยัง ออกปากเตือนเมื่อเห็นสภาพตอนนั้นว่า"ให้หยุดดื่ม ถ้าไม่อยากตาย!!"
"ปัญหาพิษสุราเรื้อรัง เริ่มต้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เริ่มจากเรามีปัญหาครอบครัวก่อน เราก็เลยดื่มหนัก พอเช้าก็ลุกไม่ขึ้น ก็ส่งผลต่อการทำงาน นอนน้อยแล้วยังเมาอยู่ เลยถูกปลดงานกลางอากาศ เลยคราวนี้จากที่มีปัญหาครอบครัวอย่างเดียวก็มีเรื่องงานอีก ก็เครียดหนัก คราวนี้ก็กินหนักเข้าไปอีก กินเพื่อให้ลืมความเครียด กินวันละขวดลิตร จากนั้นก็ขายบ้าน ขายทรัพย์สิน แต่ขายไปก็อยู่ได้ไม่กี่เดือนเอง ได้เยอะ แต่ค่าใช้จ่ายเราเยอะ เพราะเราใช้เงินเยอะ ดื่ม เที่ยว แจกตังค์สาวๆ
เรารู้สึกว่าเงินซื้อความสุขได้ เราพยายามลืมความทุกข์ที่อยู่ในใจเรา เป็นแบบนี้ 2 ปี ผมเมาทุเรศเลย พี่โน่มาถามว่าทำไมไม่หยุดสักที มึงทำแบบนี้ไม่ได้ มึงตายนะ หลังจากนั้นก็เป็นจุดตกต่ำที่สุดในชีวิต หลังจากไม่มีบ้านอยู่ก็ไปอาศัยอยู่บ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ ก็ยังไม่หยุดดื่มนะ ดื่มในห้องเล็ก 3x3 เมตร มีแค่เตียงกับโทรทัศน์ ที่นี่คือแหล่งที่ดื่มเยอะสุด เหล้าอยู่ปลายเตียง ลุกมาก็ดื่ม
เมาก็ล้มตัวลงนอน ดื่มหนักแบบนี้ 2 ปี ไม่ออกไปไหนเพราะลุกออกมาไม่ได้ ประสาทไปหมดแล้ว เพราะดื่มจนตัวไม่มีบาลานซ์ ยืนอาบน้ำไม่ได้ต้องนั่ง เพราะถ้ายืนแล้วล้มเลย ยืนใส่กางเกงไม่ได้นะ ล้ม"
"จุดเปลี่ยนคือทนสภาพตัวเองไม่ไหว มันทุเรศ ย่ำแย่ จนวันหนึ่งลุกขึ้นยืนในห้อง มองสภาพตัวเอง เราไม่ใช่ โอ วรุฒ คนเก่า ไม่ใช่ วรุฒ วรธรรม ที่ประชาชนชาวไทยชื่นชอบ มองตัวเองในกระจกว่ามันเลว ทุเรศมากๆ เลยตัดสินใจชี้ไปที่ขวดเหล้าว่า เฮ้ย มึงกับกูเลิกกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้ววันนั้นก็หยุดกิน ก็นอนไม่หลับอยู่ 2 วัน จนวันที่ 3 ถึงหลับ พอหลับร่างกายมันได้พักผ่อนตื่นมาวันที่ 4 ชีวิตมันดีขึ้นเลย เฮ้ย กูลุกมาตื่นได้ ความรู้สึกที่ดีมันเกิดขึ้น เราตื่นมาในสภาพที่แอลกอฮอล์ไม่อยู่ในร่างกาย เรารู้สึกว่ากูสนุกกับชีวิตแบบนี้ มันดีกว่าอี 2 ปีที่เราใช้ชีวิตแบบนั้น"
---
ขอบคุณรายการ ชีวิต ดี๊ดี