ไฟเขียว ผู้ป่วยโควิด 19 กลุ่มใดบ้าง ได้ใช้ รพ.สนาม อิมแพ็ค เมืองทองธานี 5,200 เตียง

 

ครม. ไฟเขียว เตรียมใช้อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับผู้ป่วยโควิด 19 กลุ่มสีเหลือง 5,200 เตียง ลดภาระ รพ. ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้มีพื้นที่รักษาผู้ป่วยกลุ่มสีแดง



          เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวไทย รายงานว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการดำเนินการตั้งโรงพยาบาลสนามที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

          โดยจะให้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเหลือง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการ แต่อาการไม่รุนแรงและเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว จากเดิมผู้ป่วยกลุ่มนี้จะถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยกลุ่มสีแดง ซึ่งเป็นกลุ่มมีอาการรุนแรง คือ มีอาการหอบ เหนื่อย หายใจลำบาก ปอดอักเสบรุนแรง มีภาวะปอดบวม


          กระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินแล้วว่าการตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองนี้ จะช่วยลดภาระของโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้ส่วนของโรงพยาบาลมีพื้นที่รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีแดงที่มีอาการหนักได้มากขึ้น

          ส่วนของพื้นที่รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว คือ ผู้ป่วยที่มีผลยืนยันว่าติดโควิด 19 แต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ตาแดง ผื่นขึ้น ซึ่งใช้โรงพยาบาลสนามทั่วไปและใช้ Hospitel อยู่นั้น เวลานี้มีพื้นที่เพียงพอ ยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดหาพื้นที่เพิ่ม

          สำหรับข้อมูลโรงพยาบาลสนาม  อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จะรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 5,200 เตียง โดยใช้พื้นที่อาคาร 1 และ 2 อาคารละ 2,000 เตียง ส่วนอาคาร 3 เตรียมพร้อมสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการ ภายในจะตั้งเต็นท์ความดันลบ มีเครื่องช่วยหายใจ สามารถรองรับได้ 1,200 เตียง


          หลังจากนี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะเข้าไปจัดการในพื้นที่ ทั้งระบบระบายอากาศ, ระบบระบายน้ำ, ระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบกล้องวงจรปิด ให้ได้ตามมาตรฐาน และร่วมกับภาคเอกชนอื่น ๆ เพื่อติดตั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ตต่อไป

          นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้รายงานเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วย COVID-19  ว่า ขณะนี้ขั้นตอนการรักษาเริ่มมีการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการในระยะเริ่มต้นด้วย เพื่อเป็นการหยุดยั้งการอักเสบของปอด

          ยืนยันว่า ขณะนี้ปริมาณยามีเพียงพอ จากที่ได้มีการนำเข้ามา 2 ล้านเม็ด ในช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งมีการกระจายไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนแล้ว 1 ล้านเม็ด อยู่ในคลังกลาง 1 ล้านเม็ด อยู่ระหว่างการสั่งซื้ออีก 3 ล้านเม็ด โดยจะเข้ามาในประเทศภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และองค์การเภสัชกรรมยังมีแผนการผลิตยาชนิดนี้เองในประเทศด้วย