เงินถุงแดงนี้
เป็นเงินส่วนพระองค์ของพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)
ที่ทรงพระราชทานไว้ให้ใช้ในราชการแผ่นดิน
โดยห้ามมิให้นำเงินนี้ไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งหรือกลุ่มใดโดยเฉพาะ
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
3
ทรงมีความรู้ความสามารถในด้านการค้าขายทำธุรกิจกับต่างชาติจนเกิดดอกผลกำไรมากมายตั้งแต่พระองค์ยังดำรงยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ
จนกระทั่งในเวลาต่อมา พระองค์ได้เสวยราชสัมบัติขึ้นเป็นรัชกาลที่ 3
พระองค์ก็ยังคงดำเนินกิจการค้าขายกับต่างชาติอยู่และขยายกิจการใหญ่ขึ้น
ทำให้มีเงินเข้าท้องพระคลังอย่างมหาศาลทรงเก็บหอมรอมริบเงินที่ได้จากการค้าใส่"ถุงผ้าสีแดง"
ไว้ข้างพระแท่นที่บรรทม เรียกว่า "เงินข้างที่
"ซึ่งต่อมามีจำนวนเงินถุงแดงเพิ่มขึ้นหลายถุง
จึงย้ายเข้าก็เก็บไว้ในห้องข้างๆที่บรรทม
หลายท่านอาจคิดว่า"เงินถุงแดง"สามารถช่วยชาติได้อย่างไร!
เมื่อปี
พ.ศ. 2431 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่5
เกิดการล่าอณานิคมเป็นวงกว้างแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านก็ตกเป็นอณานิคมของชาติตะวันตกจนหมดสิ้น
ประเทศไทยเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
จึงมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น
เพราะฝรั่งเศสกล่าวหาว่าเขตแดนที่ไทยตั้งกองบรรชาการอยู่นั้นเป็นเขตญวณและเขมรซึ่งฝรั่งเศสได้ยึดครองเป็นอาณานิคมไว้แล้ว
ฝ่ายไทยจึงอ้างสิทธิบนเขตแดนนั้นว่าเป็นของไทยมาแต่เดิมแล้ว
ในเวลาต่อมาจึงได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
ปรากฏว่าฝรั่งเศสได้พ่ายให้กับไทยและได้รับการเสียหายจากการรบในครั้งนี้
ทำให้ฝรั่งเศสโกธและไม่พอใจสยามเป็นอย่างมาก
ในปี
พ.ศ. 2436หรือที่เรียกกันว่า วิกฤตการณ์ ร.ศ.112
ด้วยแสนยานุภาพของเรือรบและอาวุธที่ทันสมัยทำให้เรือรบฝรั่งเศสแล่นผ่านป้อมปืนของไทยเข้ามาได้
และไปจอดทอดสมออยู่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส
ซึ่งอยู่ใกล้ใกล้กับโรงแรมโอเรียนเต็ลในปัจจุบัน
เรือรบฝรั่งเศสได้หันปากกระบอกปืนไปทาง
พระบรมมหาราชวัง
ใช้อำนาจบังคับให้สยามชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือรบ
และทหารของฝรั่งเศสที่ตายและบาดเจ็บ
โดยฝรั่งเศสได้ยื่นเงื่อนไขให้สยามถอนทหารที่ตั้งมั่นอยู่บนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้เสร็จสิ้นภายใน
1 เดือน และให้จ่ายเงิน 3 ล้านฟรังก์ โดยชำระเป็นเงินเหรียญทันที
ปัญหาต่อมาคือ
จะหาเงินเหรียญที่ไหนไปชดใช้ให้ฝรั่งเศส
แต่สยามยังโชคดีเพราะยังมีเงินถุงแดงที่รัชกาลที่3ทรงเก็บไว้สำหรับใช้จ่ายแก่บ้านเมืองในยามเดือดร้อน
เงินถุงแดงทั้งหมดมี 3 หมื่นชั่ง เทียบกับเงินฟรังก์แล้วได้ประมาณ 2.4
ล้านฟรังก์ ยังขาดอยู่อีก 6 แสนฟรังก์
พระราชวงศ์ผู้หญิงทั้งหลายจึงได้ช่วยกันรวบรวมเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในครั้งนี้
เล่ากันว่าพระองค์เจ้าละม่อม กรมพระยาสุดารัตฯ ทรงพระราชทานเงินมากที่สุด
เพราะเป็นเงินที่พระองค์สะสมเก็บไว้ในใต้ถุนพระตำหนัก อีกพระองค์หนึ่งคือ
สมเด็จพระพันวัสสา(ย่าของในหลวงรัชกาลที่8-9)ซึ่งได้บริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในครั้งนี้มหาศาลเช่นกัน
เล่ากันว่าต้องใช้คนลากรถเข็นเงินกันอยู่หลายรอบจนเส้นทางขนเงินเหรียญในพระบรมมหาราชวังเป็นลอยล้อรถเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่าเงินถุงแดงนี้ได้นำมาใช้ไถ่บ้านไถ่เมืองจนสามารถดำรงเอกราชของชาติไทยไว้ได้ดังทุกวันนี้
สิ่งนี้จึงเป็นเครื่องย้ำเตือนใจให้คนไทยทุกคนรักสามัคคี
อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของเทศชาติ
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ที่มีต่อประเทศและชาวไทยของพระองค์เสมอมา
จากภาพ ลักษณะเงินถุงแดงในพระคลังข้างที่ และเงินเหรียญแมกซิกันที่อยู่ในถุงแดง