กลายเป็นภาพชินตาของคนที่สัญจรผ่านไป-มา
ในละแวกนั้น กับภาพคุณยายชราท่านหนึ่งเข็นรถเข็นคู่ใจขายขนมหวานตามลำพัง
ตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิต
จนทำให้ไม่ว่าใครก็ตามผ่านมาเห็นมักจะแวะอุดหนุนคุณยายท่านนี้เสมอ
ทั้งนี้ คุณยายท่านดังกล่าวคือ นางสมัย บวรรัมย์ แม่เฒ่าวัย 83 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ถูกลูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพังมานานกว่า 30 ปี ต่อสู้ชีวิตโดดเดี่ยวด้วยการเดินขายมันนึ่ง และขนมหวานที่ทำเอง จากห้องเช่าบริเวณบ้านโสน (สะ-โหน) ต.บ้านยาง ไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ไปกลับเฉลี่ยวันละเกือบ 10 กิโลเมตร จนกลายเป็นภาพชินตา เพราะคุณยายจะเดินเข็นรถเร่ขายขนมเป็นประจำทุกวัน
แม้หลังจะค่อมจากสังขารที่มากขึ้น ทว่าไม่ทำให้คุณยายนั่งรอโชคชะตา กลับเดินตระเวนขายขนมทุกวันจนสร้างความประทับใจและสงสารแก่ผู้พบเห็น ต่างช่วยกันอุดหนุนซื้อขนมของคุณยาย ทั้งที่เป็นข้าราชการ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไปก็กลายเป็นลูกค้าขาประจำ
หากวันไหนมาซื้อไม่ทันที่คุณยายเข็นรถผ่าน ก็จะลงทุนขับรถจักรยานยนต์ตระเวนซื้อขนมของคุณยายให้ได้ เพราะหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ประทับใจในความสู้ชีวิตของคุณยาย และยกย่องให้คุณยายสมัยเป็นต้นแบบของการสู้ชีวิต ทำให้หลายคนมีพลังที่จะทำงานและต่อสู้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้อีกด้วย
ยายสมัย บวรรัมย์ กล่าวว่า หลังจากสามีเสียชีวิต และลูกขายที่ดินจนหมด ก็ทอดทิ้งให้อยู่ลำพังมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันก็กว่า 30 ปีแล้ว ตนจึงหาทางออกด้วยการทำขนมหวาน มันนึ่ง ใส่รถเข็น แล้วเดินเร่ขายตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเลี้ยงชีพ จะได้ไม่เป็นภาระของผู้อื่น
เมื่อยายไร้สิ้นที่ดิน ก็เลยกลายเป็นไม่มีบ้านไปโดยปริยาย ปัจจุบันจึงต้องไปอาศัยเช่าบ้านราคาถูกเดือนละ 1,000 บาท ขณะที่มีรายได้จากการเข็นรถขายขนมเฉลี่ยวันละ 400-500 บาท ซึ่งก็เพียงพอจะเลี้ยงตัวเองได้ คุณยายยังยืนยันว่าจะทำขนมเข็นขายไปจนวันสุดท้ายเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร แต่สิ่งที่อยากได้ในบั้นปลายชีวิตที่เหลือ คืออยากได้บ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเองสักหลัง จะได้ไม่ต้องเช่าบ้านอยู่
ทั้งนี้ คุณยายท่านดังกล่าวคือ นางสมัย บวรรัมย์ แม่เฒ่าวัย 83 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ถูกลูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพังมานานกว่า 30 ปี ต่อสู้ชีวิตโดดเดี่ยวด้วยการเดินขายมันนึ่ง และขนมหวานที่ทำเอง จากห้องเช่าบริเวณบ้านโสน (สะ-โหน) ต.บ้านยาง ไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ไปกลับเฉลี่ยวันละเกือบ 10 กิโลเมตร จนกลายเป็นภาพชินตา เพราะคุณยายจะเดินเข็นรถเร่ขายขนมเป็นประจำทุกวัน
แม้หลังจะค่อมจากสังขารที่มากขึ้น ทว่าไม่ทำให้คุณยายนั่งรอโชคชะตา กลับเดินตระเวนขายขนมทุกวันจนสร้างความประทับใจและสงสารแก่ผู้พบเห็น ต่างช่วยกันอุดหนุนซื้อขนมของคุณยาย ทั้งที่เป็นข้าราชการ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไปก็กลายเป็นลูกค้าขาประจำ
หากวันไหนมาซื้อไม่ทันที่คุณยายเข็นรถผ่าน ก็จะลงทุนขับรถจักรยานยนต์ตระเวนซื้อขนมของคุณยายให้ได้ เพราะหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ประทับใจในความสู้ชีวิตของคุณยาย และยกย่องให้คุณยายสมัยเป็นต้นแบบของการสู้ชีวิต ทำให้หลายคนมีพลังที่จะทำงานและต่อสู้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้อีกด้วย
ยายสมัย บวรรัมย์ กล่าวว่า หลังจากสามีเสียชีวิต และลูกขายที่ดินจนหมด ก็ทอดทิ้งให้อยู่ลำพังมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันก็กว่า 30 ปีแล้ว ตนจึงหาทางออกด้วยการทำขนมหวาน มันนึ่ง ใส่รถเข็น แล้วเดินเร่ขายตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเลี้ยงชีพ จะได้ไม่เป็นภาระของผู้อื่น
เมื่อยายไร้สิ้นที่ดิน ก็เลยกลายเป็นไม่มีบ้านไปโดยปริยาย ปัจจุบันจึงต้องไปอาศัยเช่าบ้านราคาถูกเดือนละ 1,000 บาท ขณะที่มีรายได้จากการเข็นรถขายขนมเฉลี่ยวันละ 400-500 บาท ซึ่งก็เพียงพอจะเลี้ยงตัวเองได้ คุณยายยังยืนยันว่าจะทำขนมเข็นขายไปจนวันสุดท้ายเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร แต่สิ่งที่อยากได้ในบั้นปลายชีวิตที่เหลือ คืออยากได้บ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเองสักหลัง จะได้ไม่ต้องเช่าบ้านอยู่