พระพยอม
กลยาโร(พระราชธรรมนิเทศ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว
ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์โพสทูเดย์ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๙
เรื่องของ"คดีพระธัมมชโย และวัดธรรมกาย" ในเรื่องการอวดอ้างอุตริของ
พระธัมมชโย ไว้โดยให้ข้อคิดไว้ดังนี้
ที่ผ่านมาทางวัดพระธรรมกายมีการอวดอ้างว่าสามารถไปพบพระพุทธเจ้าได้ และอีกสารพัดเรื่อง ซึ่งพระพยอม บอกว่า หากนำเรื่องทางพระธรรมวินัยมาเปรียบเทียบ กับการที่อ้างว่าไปพบพระพุทธเจ้า หรือพบสตีฟ จ็อบส์ได้ และยังอวดอ้างว่าไปเจอหลวงปู่มั่นอยู่ในนรกนั้น เกิดเพราะธัมมชโยสำคัญตัวเองผิด คิดว่าเป็นพระอรหันต์ และยังอ้างว่าไปเจอท่านพุทธทาสภิกขุไปอยู่ในที่ที่ไม่พึงปารถนา เพราะสอนธรรมะผิดๆนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นการอุตริ ...ชั่วที่สุด
"อาตมามองว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐไม่จำเป็นต้องนำเครื่องบินไปบินสำรวจหรอก เพราะการที่พระธัมมชโย บอกว่า ครูบาอาจารย์ตกนรกนั้นก็ถือว่าเป็นการหาเรื่องกัน ซึ่งเรื่องนี้กำลังบานปลาย แต่ถึงอย่างไรเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ทำให้เกิดเรียนรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูก หรืออะไรเป็นสิ่งที่ผิด อาตมาจึงขอถามกลับมายังพระธัมมชโยว่า การที่ให้ลูกศิษย์ไปนั่งเฝ้ากำแพงมนุษย์ เป็นสุข หรือเป็นทุกข์
เมื่อก่อนนี้ อาตมาเคยนึกแปลกใจ และเคยถามชาวพุทธว่า "พระพุทธเจ้าออกบวชแสวงหาทางดับทุกข์" แต่เดียวนี้ พระเอามาใช้เป็นเครื่องมือหาแสวงหาอะไร นี่คือความความวิปริตจนทำให้เกิดวิกฤต เพราะเป้าพลาดนิดเดียว ไม่เอาเรื่องดับทุกข์เป็นหลัก ดันผ่าเอาบุญเป็นหลัก จึงมีพระบางรูปหลุดปากมาว่า "ยิ่งทำยิ่งรวย" และมีคำที่เฮงซวยที่สุดว่า "จงรีบทำบุญให้หมดตัว ก่อนที่ตัวจะหมดบุญ" มีคนแก่คนหนึ่งคงเคลิ้มเลยทำบุญแบบทุ่มหมดตัว ที่นี้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้กิน ต่อมาลูกหลานพูดว่ากระแทกแดกดันให้กินบุญเข้าไป ทำไปตั้งเยอะ สุดท้ายผูกคอตาย นี่คือวิปริตที่สุด
พระพุทธเจ้าเคยเตือนไว้ว่า ถ้าคนที่เขามีศรัทธาอ่อนโยน พระอย่าไปขอมาก เขาจะให้หมดตัว กลับกันเดี๋ยวนี้ใครยิ่งอ่อนโยน ยิ่งศรัทธา ยิ่งขอใหญ่ อันนี้คือความเฮงซวย ความวิปริต
พระพยอม ได้เล่ายกตัวอย่างนิทานเซนให้ฟังว่า มีพระ 2 รูปเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพระรูปหนึ่งพูดจาอ่อนหวานจนเป็นที่นับถือของลูกศิษย์ ส่วนอีกรูปพูดจาโผงผาง ญาติโยมไม่ค่อยชอบมากนัก และเมื่อถึงวันที่พระรูปที่พูดจาอ่อนหวานไพเราะมรณภาพไป ลูกศิษย์ต่างร้องไห้เสียใจกับการจากไปของอาจารย์ และเมื่อถึงวันทำพิธีพระรูปที่พูดโผงผางก็ได้ไปที่งานและใช้ไม้เท้าเคาะโลงศพและพูดว่า "เมื่อเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็ทำให้คนลุ่มหลง ศรัทธา และเมื่อตายไป ก็ยังทำให้คนร้องไห้" และพูดทิ้งท้ายว่า ท่านควรเกิดมาทำให้คนมีความรู้ ความสุข ไม่ใช่ทำให้คนเป็นทุกข์ ซึ่งการสอนว่า ยิ่งถวายยิ่งรวย หรือรีบทำบุญให้หมดตัว ก่อนที่ตัวจะหมดบุญนั้น ถามว่าเมื่อให้ไปจนหมดตัวแล้ว ผู้ที่ให้ จะกินอะไร สุดท้ายหาทางออกไม่ได้ก็คิดฆ่าตัวตาย"
ที่ผ่านมาทางวัดพระธรรมกายมีการอวดอ้างว่าสามารถไปพบพระพุทธเจ้าได้ และอีกสารพัดเรื่อง ซึ่งพระพยอม บอกว่า หากนำเรื่องทางพระธรรมวินัยมาเปรียบเทียบ กับการที่อ้างว่าไปพบพระพุทธเจ้า หรือพบสตีฟ จ็อบส์ได้ และยังอวดอ้างว่าไปเจอหลวงปู่มั่นอยู่ในนรกนั้น เกิดเพราะธัมมชโยสำคัญตัวเองผิด คิดว่าเป็นพระอรหันต์ และยังอ้างว่าไปเจอท่านพุทธทาสภิกขุไปอยู่ในที่ที่ไม่พึงปารถนา เพราะสอนธรรมะผิดๆนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นการอุตริ ...ชั่วที่สุด
"อาตมามองว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐไม่จำเป็นต้องนำเครื่องบินไปบินสำรวจหรอก เพราะการที่พระธัมมชโย บอกว่า ครูบาอาจารย์ตกนรกนั้นก็ถือว่าเป็นการหาเรื่องกัน ซึ่งเรื่องนี้กำลังบานปลาย แต่ถึงอย่างไรเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ทำให้เกิดเรียนรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูก หรืออะไรเป็นสิ่งที่ผิด อาตมาจึงขอถามกลับมายังพระธัมมชโยว่า การที่ให้ลูกศิษย์ไปนั่งเฝ้ากำแพงมนุษย์ เป็นสุข หรือเป็นทุกข์
เมื่อก่อนนี้ อาตมาเคยนึกแปลกใจ และเคยถามชาวพุทธว่า "พระพุทธเจ้าออกบวชแสวงหาทางดับทุกข์" แต่เดียวนี้ พระเอามาใช้เป็นเครื่องมือหาแสวงหาอะไร นี่คือความความวิปริตจนทำให้เกิดวิกฤต เพราะเป้าพลาดนิดเดียว ไม่เอาเรื่องดับทุกข์เป็นหลัก ดันผ่าเอาบุญเป็นหลัก จึงมีพระบางรูปหลุดปากมาว่า "ยิ่งทำยิ่งรวย" และมีคำที่เฮงซวยที่สุดว่า "จงรีบทำบุญให้หมดตัว ก่อนที่ตัวจะหมดบุญ" มีคนแก่คนหนึ่งคงเคลิ้มเลยทำบุญแบบทุ่มหมดตัว ที่นี้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้กิน ต่อมาลูกหลานพูดว่ากระแทกแดกดันให้กินบุญเข้าไป ทำไปตั้งเยอะ สุดท้ายผูกคอตาย นี่คือวิปริตที่สุด
พระพุทธเจ้าเคยเตือนไว้ว่า ถ้าคนที่เขามีศรัทธาอ่อนโยน พระอย่าไปขอมาก เขาจะให้หมดตัว กลับกันเดี๋ยวนี้ใครยิ่งอ่อนโยน ยิ่งศรัทธา ยิ่งขอใหญ่ อันนี้คือความเฮงซวย ความวิปริต
พระพยอม ได้เล่ายกตัวอย่างนิทานเซนให้ฟังว่า มีพระ 2 รูปเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพระรูปหนึ่งพูดจาอ่อนหวานจนเป็นที่นับถือของลูกศิษย์ ส่วนอีกรูปพูดจาโผงผาง ญาติโยมไม่ค่อยชอบมากนัก และเมื่อถึงวันที่พระรูปที่พูดจาอ่อนหวานไพเราะมรณภาพไป ลูกศิษย์ต่างร้องไห้เสียใจกับการจากไปของอาจารย์ และเมื่อถึงวันทำพิธีพระรูปที่พูดโผงผางก็ได้ไปที่งานและใช้ไม้เท้าเคาะโลงศพและพูดว่า "เมื่อเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็ทำให้คนลุ่มหลง ศรัทธา และเมื่อตายไป ก็ยังทำให้คนร้องไห้" และพูดทิ้งท้ายว่า ท่านควรเกิดมาทำให้คนมีความรู้ ความสุข ไม่ใช่ทำให้คนเป็นทุกข์ ซึ่งการสอนว่า ยิ่งถวายยิ่งรวย หรือรีบทำบุญให้หมดตัว ก่อนที่ตัวจะหมดบุญนั้น ถามว่าเมื่อให้ไปจนหมดตัวแล้ว ผู้ที่ให้ จะกินอะไร สุดท้ายหาทางออกไม่ได้ก็คิดฆ่าตัวตาย"