ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน
ตำรวจหนุ่มสุโขทัยที่ชื่อ ด.ต.สุรัด ศรีบัว
ผู้บังคับหมู่ป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก
จังหวัดสุโขทัย วัย 47 ปี เปิดใจ ได้คบหากับแฟนสาว
ในระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสแวะไปบ้านพี่สาวของแฟน ซึ่งเปิดร้านเสริมสวย
แล้วได้เห็นพี่สาวของแฟนทั้งทำผม ทั้งแต่งหน้าให้ลูกค้า
ทั้งผู้ใหญ่และเด็กมือเป็นระวิงอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ช่วย
บ่อยครั้งเข้าเขาจึงเริ่มสนใจที่จะเรียนรู้การแต่งหน้าแบบ "ครูพักลักจำ"
จากพี่สาว
รวมทั้งกลับไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือและยูทูปต่อมาเลยขันอาสาเป็นผู้ช่วยแต่งหน้า
พี่สาวของแฟนแอบทำหน้าแปลกใจ ก่อนที่จะให้ทดลองทำ งานแรกเลยคือ
การแต่งหน้าเด็ก ๆ ที่มีงานกีฬาสีประจำโรงเรียน เป็นสิบ ๆ คนเลยทีเดียว
ซึ่งเขาก็สามารถพิสูจน์ฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์
ด้วยการแต่งแต้มใบหน้าให้กับเด็ก ๆ อย่างเป็นน่าพอใจทั้งกับพี่สาวแฟน
และเด็ก ๆ ที่ถูกเขาละเลงงานศิลป์นใบหน้าด้วย
"ผมสังเกตว่า พอแต่งหน้าเด็กได้ไม่กี่คน เด็กๆ ก็เริ่มมารอเข้าคิวให้ผมแต่งหน้า ก็กล้วพี่สาวแฟนนอยด์เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยตามเลย แต่งหน้าให้เด็กจนเสร็จหมดทุกคน"
จึงเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ตำรวจหนุ่มสุโขทัย เริ่มถือแปรงและพู่กันแต่งหน้าตั้งแต่งบัดนั้นเป็นต้นมา "ตราบใจที่ยังมีลมหายใจ แรงบันดาลใจเกิดขึ้นได้ทุกวัน"
ด.ต.สุรัด กล่าวว่า หลังจากการทดลองทำงานในวันนั้นได้กลับมาคิดว่า จริง ๆ แล้วการแต่งหน้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากเลย แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือ เราไม่กล้า เราอายที่จะทำต่างหากทั้งนี้ ได้ใช้ร้านเสริมสวยพี่สาวของแฟนเป็นสถานที่ฝึกวิทยายุทธ "อิทธิฤทธิ์พู่กัน อรหันต์ขนแปรง" ด.ต.สุรัด จึงตัดสินใจเปิดร้านรับแต่งหน้า พร้อมกับรับทำผม ซึ่งแอบเรียนมาจากพี่สาวของแฟนและจากยูทูปด้วยเช่นกัน ครบเซ็ต โดยมีแฟนสาวเป็นผู้ช่วย นับว่าเป็นช่องทางหารายได้เสริมอย่างงามมาช่วยจุนเจือครอบครัวได้อีกทางหนึ่งด้วย
วันหนึ่งได้เกิดความฮือฮาเป็นอย่างมาก เมื่อปรากฏชื่อของ "ด.ต.สุรัด บัวศรี" เป็นนักเรียนในคอร์สแต่งหน้าเจ้าสาว เดินทางไปที่โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ ที่เปิดคอร์สอบรมที่จังหวัดสุโขทัย เรียนเพิ่มพูนความรู้โดยเฉพาะ โดยได้ชวนภรรยามาเป็นนางแบบแต่งหน้าอนุรี อนิลบล กรรมการบริหาร บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่น จำกัด (เอ็มทีไอ) เล่าว่าให้ฟังว่า เขามาคู่กัน ทีแรกคิดว่า ฝ่ายชายมาส่งแฟนเรียน ที่ได้กับตาลปัตรเป็นฝ่ายชายเรียนแล้วดูในใบสมัครเรียน ระบุอาชีพว่าเป็น "ตำรวจ" ทีมงานยิ่งเซอร์ไพรส์กันยกใหญ่ เพราะที่ผ่านไม่เคยมีตำรวจชายมาเรียน
แม้แต่ผู้ชายแท้ ๆ ก็ยังไม่ค่อยมีมาเรียน ดูแล้วเขามีความตั้งใจและความพยายามมาก ผลงานการแต่งหน้าออกมาทั้งภาคปฏิบัติ และภาคการสอบ นับเป็นที่พึงพอใจอาจารย์ผู้สอน แถมเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนยังบอกว่าแต่งหน้าสวย ร้อยละร้อยเห็นต้องบอกว่า เป็นฝีมือผู้เหญิงแต่งแน่ ๆ
"ฝีมือไม่ได้วัดที่สถานะทางเพศ คนที่มีฝีมือและประสบความสำเร็จนั้นได้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักฝัน แต่เขาเริ่มด้วยการลงมือทำ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า วันนี้เป็นกอหญ้า วันหน้าเป็นกอไผ่ ถ้าไม่ล้มความตั้งใจ วันต่อไปจะเป็นต้นไทรที่แข็งแรง ซึ่งถึงวันนี้จากการติดตามผลงาน โดยเฉพาะทางเฟสบุ๊ค (ผู้พิทักษ์ หน้าดำ) ดาบตำรวจสุรัดก็ได้พิสูจน์ฝีมือให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถทำได้ แล้วทำได้ดีด้วย มีการพัฒนาฝีมือ แม้คนภายนอกอาจจะตั้งแง่ว่า เป็นผู้ชายจะเป็นช่างแต่งหน้าได้จริง ๆ หรือ เป็นผู้ชายแท้ ๆ หรือเปล่า เชื่อว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเขาเลยแม้แต่น้อย เอ็มทีไอพร้อมที่จะให้กำลังใจผู้ที่รักศิลปะการแต่งหน้าทุกคนเสมอ...ถ้าคุณฝันได้ เราเชื่อว่าคุณก็ทำได้เช่นกัน ดั่งเช่นลูกศิษย์ของเอ็มทีไอที่ชื่อ..สุรัด บัวศรี"เมื่อชีวิตคู่เจอมรสุมชีวิต ทั้ง ๆ ที่ได้พยายามประคับประคองกันเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จผล สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตใหม่ ใช้ชีวิตโสดอีกครั้ง เหมือนเช่นชีวิตคู่ของ ด.ต.สุรัด เมื่อชีวิตคู่พบกับบทสรุปกับคำ 1 คำ คือ "หย่า" ด.ต.สุรัด เลือกที่จะใช้ชีวิตเลี้ยงดูทายาทหญิงชายทั้ง 3 คนคือ น้องฟิล์ม น้องแฟน และ น้องมาเฟีย เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก
ปัจจุบันอายุ 19,17 และ 7 ขวบตามลำดับ โดยมีอาชีพเสริมด้วยการแต่งหน้าและทำผม สามารถหาเงินนำมาจุนเจือครอบครัวได้เป็นอย่างดี ผมไม่เคยคิดเรื่องเหนื่อยเลย เพราะถือคติที่ว่า "เวลาทำงานเยอะ ๆ แล้วเหนื่อย ลองนึกถึงตอนที่ไม่มีงานให้ทำ แล้วไม่มีเงินใช้สิ เราจะเลือกอย่างไหน"
แล้วนับเป็นน่าภูมิใจที่ลูก ๆ ของ ด.ต.สุรัด เป็นคนดีตามที่พ่อสอนทุกคน แต่ทว่ายังไม่มีวี่แว่วว่าใครจะเจริญรอยตามพ่อ ทั้งอาชีพตำรวจ ทั้งอาชีพช่างแต่งหน้าด.ต.สุรัด เล่าว่า หลังจากแยกทางกับภรรยาแล้ว ผมพูดตรง ๆ เลยว่า เมื่อก่อนค่อนข้างแบดบอยเลิกชอบดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามประสาผู้ชาย แต่พอหลังจากเลิกกับภรรยา ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินเลี้ยงลูกอย่างเดียว พอเสร็จจากงานประจำที่โรงพักก็รีบมาเปิดร้าน แรก ๆ แค่รับแต่งหน้า จากนั้นได้เพิ่มทำผมอย่างจริงๆ จัง ๆ รวมทั้งให้เช่าชุดด้วย โดยเปิดร้านใช้ชื่อลูกชายคนกลางว่า "แฟนไฮไลต์" ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย สามารถแบ่งเวลาได้ ผู้บังคับบัญชาท่านก็ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจ
"แรก ๆ เพื่อนตำรวจไม่รู้ว่าผมรับแต่งหน้าพอรู้ก็ตกใจ เพราะมันคนละเรื่องกัน ต่างกันสุดขั้ว ตำรวจจะบู๊ดูแมนๆ ส่วนแต่งหน้าดูออกซอฟท์ ๆ จะทำได้จริงเหรอ แต่สุดท้ายทุกคนยอมรับในฝีมือของเรา บอกกันแบบปากต่อปาก ถามว่ามีคนอื่นมองเราแปลกมั้ยว่า เราไม่แมนก็มี มีเกย์มาจีบก็มี แซวว่า เป็นช่างแต่งหน้า(ศพ)ทีมคุณหญิงหมอพรทิพย์ก็มี แต่เราขออยู่เฉย ๆ ของเราดีกว่า ไม่ตอบโต้ใด ๆ ใครไม่รู้จักเราไม่เป็นไร แต่เรารู้ตัวว่าเราเป็นอะไร ทำอะไรอยู่ ผมจะเตือนตัวเองเสมอว่า...อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา..."นอกจากทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และช่างแต่งหน้า (ทั้งคิดเงินและไม่คิดเงิน) แล้ว ด.ต.สุรัด ยังมีจิตอาสาใช้เวลาว่าง ด้วยการเดินทางไปตัดผมให้กับผู้สูงวัย ผู้เจ็บป่วยที่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านไปตัดผมที่ร้านได้อีกด้วย รวมทั้งเด็ก ๆ จนเป็นข่าวฮือฮาออกรายการทีวี ทำให้เขาได้รับประกาศเกียรติคุณจากต้นสังกัด "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" โดยรับมอบจาก พลตำรวจโทนเรศ นันทโชติ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะข้าราชการตำรวจดีเด่น ประจำปี 2559
ดาบตำรวจหนุ่มแห่งเมืองสุโขทัย เจ้าของฉายา "โปลิศจับพู่กัน" กล่าวถึงอาชีพช่างแต่งหน้าหรือเมคอัพอาร์ตทิสต์ว่า ผมว่า เปรียบเสมือนจิตรกรที่ทำงานโดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องเดิมพันในผลงาน เพราะเรา สร้างสรรค์งานศิลปะแบบมีชีวิต ต้องแต่งแต้มงานศิลปะบนใบหน้า โดยมีนางแบบ รวมทั้งผู้คนที่ได้เห็นผลงานเป็นผู้ตัดสินผลงานว่าสอบ "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" เราต้องมีใจรักและความคิดสร้างสรรค์เป็นต้นทุน เพื่อผู้เสพผลงานเกิดความสุขมีความปีติในผลงานของเรา
อาชีพช่างแต่หน้านั้นผมว่า เราทำไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะทำไม่ไหว เรียกว่า ความรู้ติดตัวเราไปจนวันตาย ไม่มีใครสามารถขโมยไปจากตัวเราได้ นอกจากเราจะแผ่แพร่วิชาความรู้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจ หากใครสนใจผมสามารถให้คำแนะนำ แต่ทั้งนี้ต้องรู้จักพัฒนาฝีมือ เพราะเทรนด์ใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ต้องตามต้องก้าวให้ทัน ซึ่งผมคงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำไม่ไหว และถึงกระนั้นผมเปิดใจกว้างยอมรับข้อผิดพลาดการทำงานนะ ใครจะแนะนำอะไร ติติงอะไร ผมยินดีรับฟังเสมอ เพื่อจะได้แก้ไขและพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
"ผมสังเกตว่า พอแต่งหน้าเด็กได้ไม่กี่คน เด็กๆ ก็เริ่มมารอเข้าคิวให้ผมแต่งหน้า ก็กล้วพี่สาวแฟนนอยด์เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยตามเลย แต่งหน้าให้เด็กจนเสร็จหมดทุกคน"
จึงเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ตำรวจหนุ่มสุโขทัย เริ่มถือแปรงและพู่กันแต่งหน้าตั้งแต่งบัดนั้นเป็นต้นมา "ตราบใจที่ยังมีลมหายใจ แรงบันดาลใจเกิดขึ้นได้ทุกวัน"
ด.ต.สุรัด กล่าวว่า หลังจากการทดลองทำงานในวันนั้นได้กลับมาคิดว่า จริง ๆ แล้วการแต่งหน้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากเลย แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือ เราไม่กล้า เราอายที่จะทำต่างหากทั้งนี้ ได้ใช้ร้านเสริมสวยพี่สาวของแฟนเป็นสถานที่ฝึกวิทยายุทธ "อิทธิฤทธิ์พู่กัน อรหันต์ขนแปรง" ด.ต.สุรัด จึงตัดสินใจเปิดร้านรับแต่งหน้า พร้อมกับรับทำผม ซึ่งแอบเรียนมาจากพี่สาวของแฟนและจากยูทูปด้วยเช่นกัน ครบเซ็ต โดยมีแฟนสาวเป็นผู้ช่วย นับว่าเป็นช่องทางหารายได้เสริมอย่างงามมาช่วยจุนเจือครอบครัวได้อีกทางหนึ่งด้วย
วันหนึ่งได้เกิดความฮือฮาเป็นอย่างมาก เมื่อปรากฏชื่อของ "ด.ต.สุรัด บัวศรี" เป็นนักเรียนในคอร์สแต่งหน้าเจ้าสาว เดินทางไปที่โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ ที่เปิดคอร์สอบรมที่จังหวัดสุโขทัย เรียนเพิ่มพูนความรู้โดยเฉพาะ โดยได้ชวนภรรยามาเป็นนางแบบแต่งหน้าอนุรี อนิลบล กรรมการบริหาร บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่น จำกัด (เอ็มทีไอ) เล่าว่าให้ฟังว่า เขามาคู่กัน ทีแรกคิดว่า ฝ่ายชายมาส่งแฟนเรียน ที่ได้กับตาลปัตรเป็นฝ่ายชายเรียนแล้วดูในใบสมัครเรียน ระบุอาชีพว่าเป็น "ตำรวจ" ทีมงานยิ่งเซอร์ไพรส์กันยกใหญ่ เพราะที่ผ่านไม่เคยมีตำรวจชายมาเรียน
แม้แต่ผู้ชายแท้ ๆ ก็ยังไม่ค่อยมีมาเรียน ดูแล้วเขามีความตั้งใจและความพยายามมาก ผลงานการแต่งหน้าออกมาทั้งภาคปฏิบัติ และภาคการสอบ นับเป็นที่พึงพอใจอาจารย์ผู้สอน แถมเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนยังบอกว่าแต่งหน้าสวย ร้อยละร้อยเห็นต้องบอกว่า เป็นฝีมือผู้เหญิงแต่งแน่ ๆ
"ฝีมือไม่ได้วัดที่สถานะทางเพศ คนที่มีฝีมือและประสบความสำเร็จนั้นได้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักฝัน แต่เขาเริ่มด้วยการลงมือทำ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า วันนี้เป็นกอหญ้า วันหน้าเป็นกอไผ่ ถ้าไม่ล้มความตั้งใจ วันต่อไปจะเป็นต้นไทรที่แข็งแรง ซึ่งถึงวันนี้จากการติดตามผลงาน โดยเฉพาะทางเฟสบุ๊ค (ผู้พิทักษ์ หน้าดำ) ดาบตำรวจสุรัดก็ได้พิสูจน์ฝีมือให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถทำได้ แล้วทำได้ดีด้วย มีการพัฒนาฝีมือ แม้คนภายนอกอาจจะตั้งแง่ว่า เป็นผู้ชายจะเป็นช่างแต่งหน้าได้จริง ๆ หรือ เป็นผู้ชายแท้ ๆ หรือเปล่า เชื่อว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเขาเลยแม้แต่น้อย เอ็มทีไอพร้อมที่จะให้กำลังใจผู้ที่รักศิลปะการแต่งหน้าทุกคนเสมอ...ถ้าคุณฝันได้ เราเชื่อว่าคุณก็ทำได้เช่นกัน ดั่งเช่นลูกศิษย์ของเอ็มทีไอที่ชื่อ..สุรัด บัวศรี"เมื่อชีวิตคู่เจอมรสุมชีวิต ทั้ง ๆ ที่ได้พยายามประคับประคองกันเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จผล สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตใหม่ ใช้ชีวิตโสดอีกครั้ง เหมือนเช่นชีวิตคู่ของ ด.ต.สุรัด เมื่อชีวิตคู่พบกับบทสรุปกับคำ 1 คำ คือ "หย่า" ด.ต.สุรัด เลือกที่จะใช้ชีวิตเลี้ยงดูทายาทหญิงชายทั้ง 3 คนคือ น้องฟิล์ม น้องแฟน และ น้องมาเฟีย เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก
ปัจจุบันอายุ 19,17 และ 7 ขวบตามลำดับ โดยมีอาชีพเสริมด้วยการแต่งหน้าและทำผม สามารถหาเงินนำมาจุนเจือครอบครัวได้เป็นอย่างดี ผมไม่เคยคิดเรื่องเหนื่อยเลย เพราะถือคติที่ว่า "เวลาทำงานเยอะ ๆ แล้วเหนื่อย ลองนึกถึงตอนที่ไม่มีงานให้ทำ แล้วไม่มีเงินใช้สิ เราจะเลือกอย่างไหน"
แล้วนับเป็นน่าภูมิใจที่ลูก ๆ ของ ด.ต.สุรัด เป็นคนดีตามที่พ่อสอนทุกคน แต่ทว่ายังไม่มีวี่แว่วว่าใครจะเจริญรอยตามพ่อ ทั้งอาชีพตำรวจ ทั้งอาชีพช่างแต่งหน้าด.ต.สุรัด เล่าว่า หลังจากแยกทางกับภรรยาแล้ว ผมพูดตรง ๆ เลยว่า เมื่อก่อนค่อนข้างแบดบอยเลิกชอบดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามประสาผู้ชาย แต่พอหลังจากเลิกกับภรรยา ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินเลี้ยงลูกอย่างเดียว พอเสร็จจากงานประจำที่โรงพักก็รีบมาเปิดร้าน แรก ๆ แค่รับแต่งหน้า จากนั้นได้เพิ่มทำผมอย่างจริงๆ จัง ๆ รวมทั้งให้เช่าชุดด้วย โดยเปิดร้านใช้ชื่อลูกชายคนกลางว่า "แฟนไฮไลต์" ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย สามารถแบ่งเวลาได้ ผู้บังคับบัญชาท่านก็ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจ
"แรก ๆ เพื่อนตำรวจไม่รู้ว่าผมรับแต่งหน้าพอรู้ก็ตกใจ เพราะมันคนละเรื่องกัน ต่างกันสุดขั้ว ตำรวจจะบู๊ดูแมนๆ ส่วนแต่งหน้าดูออกซอฟท์ ๆ จะทำได้จริงเหรอ แต่สุดท้ายทุกคนยอมรับในฝีมือของเรา บอกกันแบบปากต่อปาก ถามว่ามีคนอื่นมองเราแปลกมั้ยว่า เราไม่แมนก็มี มีเกย์มาจีบก็มี แซวว่า เป็นช่างแต่งหน้า(ศพ)ทีมคุณหญิงหมอพรทิพย์ก็มี แต่เราขออยู่เฉย ๆ ของเราดีกว่า ไม่ตอบโต้ใด ๆ ใครไม่รู้จักเราไม่เป็นไร แต่เรารู้ตัวว่าเราเป็นอะไร ทำอะไรอยู่ ผมจะเตือนตัวเองเสมอว่า...อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา..."นอกจากทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และช่างแต่งหน้า (ทั้งคิดเงินและไม่คิดเงิน) แล้ว ด.ต.สุรัด ยังมีจิตอาสาใช้เวลาว่าง ด้วยการเดินทางไปตัดผมให้กับผู้สูงวัย ผู้เจ็บป่วยที่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านไปตัดผมที่ร้านได้อีกด้วย รวมทั้งเด็ก ๆ จนเป็นข่าวฮือฮาออกรายการทีวี ทำให้เขาได้รับประกาศเกียรติคุณจากต้นสังกัด "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" โดยรับมอบจาก พลตำรวจโทนเรศ นันทโชติ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะข้าราชการตำรวจดีเด่น ประจำปี 2559
ดาบตำรวจหนุ่มแห่งเมืองสุโขทัย เจ้าของฉายา "โปลิศจับพู่กัน" กล่าวถึงอาชีพช่างแต่งหน้าหรือเมคอัพอาร์ตทิสต์ว่า ผมว่า เปรียบเสมือนจิตรกรที่ทำงานโดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องเดิมพันในผลงาน เพราะเรา สร้างสรรค์งานศิลปะแบบมีชีวิต ต้องแต่งแต้มงานศิลปะบนใบหน้า โดยมีนางแบบ รวมทั้งผู้คนที่ได้เห็นผลงานเป็นผู้ตัดสินผลงานว่าสอบ "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" เราต้องมีใจรักและความคิดสร้างสรรค์เป็นต้นทุน เพื่อผู้เสพผลงานเกิดความสุขมีความปีติในผลงานของเรา
อาชีพช่างแต่หน้านั้นผมว่า เราทำไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะทำไม่ไหว เรียกว่า ความรู้ติดตัวเราไปจนวันตาย ไม่มีใครสามารถขโมยไปจากตัวเราได้ นอกจากเราจะแผ่แพร่วิชาความรู้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจ หากใครสนใจผมสามารถให้คำแนะนำ แต่ทั้งนี้ต้องรู้จักพัฒนาฝีมือ เพราะเทรนด์ใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ต้องตามต้องก้าวให้ทัน ซึ่งผมคงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำไม่ไหว และถึงกระนั้นผมเปิดใจกว้างยอมรับข้อผิดพลาดการทำงานนะ ใครจะแนะนำอะไร ติติงอะไร ผมยินดีรับฟังเสมอ เพื่อจะได้แก้ไขและพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ