วันนี้สาวย้อ พลัดถิ่นแห่งเพจอัพยิ้มจะพาแฟนคลับทุกคนมาดูดวงกันจ้า
ว่าด้วยเรื่องดวงชะตาของแต่ละคนนั้นย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และช่วงนี้
อ.คฑา ก็มีคำทำนายออกมาแล้วว่า 3 ราศี ในช่วงวันหวยออกก่อนสิ้นปีแบบนี้
หลายคนคงเฝ้ารอและคาดหวังว่าจะได้โชคส่งท้ายปี ทางอ.คฑา ชินบัญชร
จึงได้ทำนายดวงชะตาของ 3 ราศี ที่ดวงจะปังสุด งานเริ่ด รวยยิ่งกว่าพลุแตก
นั่นคือ ชาวราศีมังกร ชาวราศีพฤษภ และชาวราศีมิถุน
ถือเป็นเรื่องดีมากสำหรับผู้ที่เกิดใราศีนี้ ส่วนจะมีราศีอะไรบ้างนั้น
เราไปชมกันเลยจ้า
ความเชื่อ…
1. โชคชะตา กับ พรหมลิขิต เป็นคนละเรื่องกัน ขอตอบเพียงเรื่องโชคชะตา ซึ่งจะจำกัดความลงเพียง ดวงชะตาของบุคคล ตามทัศนะของผู้ตอบ ดวงชะตานั้นคือแผนที่ของกรรม วันเดือนปีเวลาเกิดเป็นปัจจัยในการหาแผนที่ดังกล่าว เมื่อหาพบก็สามารถจะพยากรณ์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ได้ (ซึ่งขออธิบายให้ละเอียดว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคต นั้นนับจากเกิดจนถึงหมดอายุขัย มิได้หมายถึงภพชาติอื่นๆนะครับ)
2. คำทำนายอนาคตนั้นหากทำนายถูกต้อง จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะกระทำอย่างไรก็ตาม เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงได้ คำทำนายนั้นก็ผิด เพราะทำนายไว้วว่าจะเป็นอย่างหนึ่ง แล้วเจ้าชะตาไปทำอะไรก็ตาม ทำให้ผลไม่เป็นไปตามคำพยากรณ์นั้น มันไม่มีทางแปลไปได้อย่างอื่นนอกจาก พยากรณ์ผิดเท่านั้นเอง
3. เปลี่ยนนิสัยได้ หรือไม่ได้ ดวงชะตานั้นบอกได้ ในโลกนี้คนที่เปลี่ยนนิสัยได้มีมากมาย และที่เปลี่ยนไม่ได้เลยก็มีมากมาย เราไม่สามารถใช้ตรรกะมาคาดเดาได้ว่า เปลี่ยนนิสัยแล้ว คำพยากรณ์ดวงชะตาหรือคำทำนายลายมือจะเปลี่ยนได้หรือไม่ มันเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้
โหราศาสตร์นั้นไม่มีคำตอบที่สอง มีเพียงคำตอบเดียว เมื่อพยากรณ์ไปแล้วก็มีแต่ถูกกับผิด และเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วก็ไม่มีใครสามารถย้อนอดีตกลับมาลองได้อีกครั้ง ขอยกตัวอย่างเป็นเรืองที่เล่ากันมาในวงการโหราศาสตร์ว่า
บิดามารดาได้รับคำพยากรณ์ว่า ลูกของตนนั้นจะจมน้ำตาย ทั้งคู่จึงไม่ยอมให้ลูกเข้าใกล้น้ำโดยเด็ดขาด วันหนึ่งงานค้าขายที่บ้านยุ่งมาก ทั้งสองจึงขังลูกไว้ในห้อง พอเสร็จการงาน ก็รีบกลับมาดูลูกที่อยู่ในห้อง ปรากฏว่าลูกนั้นเอาหน้าจิ้มลงไปในชามข้าวต้มซึ่งเป็นชามอาหารที่เตรียมไว้ให้รับประทาน จมน้ำข้าวต้มเสียชีวิต
เรื่องนี้จะจริงเท็จประการใดก็ไม่ทราบ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า หากในวันนั้น บิดามารดาไม่ขังลูกไว้ในห้องพร้อมชามข้าวต้ม ลูกจะเสียชีวิตหรือไม่ มันไม่มีคำตอบที่สอง เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปลองใหม่ได้อีกครั้ง
ทั้งนี้อาจจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง หมั่นเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลให้ทานแก่คนที่ด้อยกว่า อย่างมงายจนเกินไปฟังเพื่อเป็นแนวทาง จงใช้ชีวิตอย่างมีสติเพราะทุกอย่างยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า
ความเชื่อ…
1. โชคชะตา กับ พรหมลิขิต เป็นคนละเรื่องกัน ขอตอบเพียงเรื่องโชคชะตา ซึ่งจะจำกัดความลงเพียง ดวงชะตาของบุคคล ตามทัศนะของผู้ตอบ ดวงชะตานั้นคือแผนที่ของกรรม วันเดือนปีเวลาเกิดเป็นปัจจัยในการหาแผนที่ดังกล่าว เมื่อหาพบก็สามารถจะพยากรณ์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ได้ (ซึ่งขออธิบายให้ละเอียดว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคต นั้นนับจากเกิดจนถึงหมดอายุขัย มิได้หมายถึงภพชาติอื่นๆนะครับ)
2. คำทำนายอนาคตนั้นหากทำนายถูกต้อง จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะกระทำอย่างไรก็ตาม เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงได้ คำทำนายนั้นก็ผิด เพราะทำนายไว้วว่าจะเป็นอย่างหนึ่ง แล้วเจ้าชะตาไปทำอะไรก็ตาม ทำให้ผลไม่เป็นไปตามคำพยากรณ์นั้น มันไม่มีทางแปลไปได้อย่างอื่นนอกจาก พยากรณ์ผิดเท่านั้นเอง
3. เปลี่ยนนิสัยได้ หรือไม่ได้ ดวงชะตานั้นบอกได้ ในโลกนี้คนที่เปลี่ยนนิสัยได้มีมากมาย และที่เปลี่ยนไม่ได้เลยก็มีมากมาย เราไม่สามารถใช้ตรรกะมาคาดเดาได้ว่า เปลี่ยนนิสัยแล้ว คำพยากรณ์ดวงชะตาหรือคำทำนายลายมือจะเปลี่ยนได้หรือไม่ มันเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้
โหราศาสตร์นั้นไม่มีคำตอบที่สอง มีเพียงคำตอบเดียว เมื่อพยากรณ์ไปแล้วก็มีแต่ถูกกับผิด และเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วก็ไม่มีใครสามารถย้อนอดีตกลับมาลองได้อีกครั้ง ขอยกตัวอย่างเป็นเรืองที่เล่ากันมาในวงการโหราศาสตร์ว่า
บิดามารดาได้รับคำพยากรณ์ว่า ลูกของตนนั้นจะจมน้ำตาย ทั้งคู่จึงไม่ยอมให้ลูกเข้าใกล้น้ำโดยเด็ดขาด วันหนึ่งงานค้าขายที่บ้านยุ่งมาก ทั้งสองจึงขังลูกไว้ในห้อง พอเสร็จการงาน ก็รีบกลับมาดูลูกที่อยู่ในห้อง ปรากฏว่าลูกนั้นเอาหน้าจิ้มลงไปในชามข้าวต้มซึ่งเป็นชามอาหารที่เตรียมไว้ให้รับประทาน จมน้ำข้าวต้มเสียชีวิต
เรื่องนี้จะจริงเท็จประการใดก็ไม่ทราบ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า หากในวันนั้น บิดามารดาไม่ขังลูกไว้ในห้องพร้อมชามข้าวต้ม ลูกจะเสียชีวิตหรือไม่ มันไม่มีคำตอบที่สอง เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปลองใหม่ได้อีกครั้ง
ทั้งนี้อาจจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง หมั่นเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลให้ทานแก่คนที่ด้อยกว่า อย่างมงายจนเกินไปฟังเพื่อเป็นแนวทาง จงใช้ชีวิตอย่างมีสติเพราะทุกอย่างยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า