ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อใจมากที่ทางรัฐบาลที่ร่วมมือกับหน่วยงานหรือธนาคารต่างๆ
เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือประชาชนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงิน
ประชาชนจะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบ เป็นการลดปัญหาหนี้นอกระบบด้วย
และก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่ทางธอส.
ก็ได้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ
บัตรคนจน ประชาชนทั่วไป กู้ได้ 1ล้านบาท และผ่อนชำระเดือนละ 4,200บาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ที่ต้องการขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 30,000 ล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา กรณีจะขอสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท จะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อเดือนประมาณ 12,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่เกิน 4,200 บาท และเพื่อให้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่มีงานทำสามารถกู้เงินได้ ธอส.เปิดให้สามารถขอกู้ร่วมในโครงการได้ “ผู้ถือบัตรคนจนสามารถขอกู้ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ ธอส.จึงเปิดให้สามารถยื่นขอกู้ร่วมได้ มีบ้าน มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะหากเป็นการกู้ร่วม ก็ไม่ต้องเดินบัญชีไว้ แต่หากต้องการขอสินเชื่อด้วยตัวเอง และมีความสามารถในการขอสินเชื่อ ก็ต้องมีการเดินบัญชีไว้เหมือนลูกค้าปกติ
นายฉัตรชัย กล่าว อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ที่ 4 ปีแรกและวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ที่ 4 ปีแรก เช่นกัน โดยจะเปิดรับคำขอสินเชื่อตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือน ม.ค.2561 เป็นต้นไป นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 87% ของวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไปทั้งหมด โดยการปล่อยสินเชื่อต่ำกว่า 1 ล้านบาทเชื่อว่าจะมีความน่าสนใจ ทั้งนี้โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 30,000 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน โดยครอบคลุมสิทธิถึงผู้ที่ถือบัตรคนจน ทั้งที่ประกอบอาชีพประจำ และอาชีพอิสระ เพื่อใช้ซื้อ ปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย โดยแบ่งเป็น 10,000 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ที่ 4 ปีแรกและวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ที่ 4 ปีแรก เช่นกัน โดยจะเปิดรับคำขอสินเชื่อตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือน ม.ค.2561 เป็นต้นไป
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 87% ของวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไปทั้งหมด โดยการปล่อยสินเชื่อต่ำกว่า 1 ล้านบาทเชื่อว่าจะมีความน่าสนใจ และช่วยกระตุ้นผู้ประกอบการในการปล่อยที่อยู่อาศัยออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยจากข้อมูลพบว่ายังมีที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท คงเหลืออีกกว่า 20,000 ยูนิต ทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มีที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ที่ต้องการขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 30,000 ล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา กรณีจะขอสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท จะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อเดือนประมาณ 12,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่เกิน 4,200 บาท และเพื่อให้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่มีงานทำสามารถกู้เงินได้ ธอส.เปิดให้สามารถขอกู้ร่วมในโครงการได้ “ผู้ถือบัตรคนจนสามารถขอกู้ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ ธอส.จึงเปิดให้สามารถยื่นขอกู้ร่วมได้ มีบ้าน มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะหากเป็นการกู้ร่วม ก็ไม่ต้องเดินบัญชีไว้ แต่หากต้องการขอสินเชื่อด้วยตัวเอง และมีความสามารถในการขอสินเชื่อ ก็ต้องมีการเดินบัญชีไว้เหมือนลูกค้าปกติ
นายฉัตรชัย กล่าว อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ที่ 4 ปีแรกและวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ที่ 4 ปีแรก เช่นกัน โดยจะเปิดรับคำขอสินเชื่อตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือน ม.ค.2561 เป็นต้นไป นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 87% ของวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไปทั้งหมด โดยการปล่อยสินเชื่อต่ำกว่า 1 ล้านบาทเชื่อว่าจะมีความน่าสนใจ ทั้งนี้โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 30,000 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน โดยครอบคลุมสิทธิถึงผู้ที่ถือบัตรคนจน ทั้งที่ประกอบอาชีพประจำ และอาชีพอิสระ เพื่อใช้ซื้อ ปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย โดยแบ่งเป็น 10,000 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ที่ 4 ปีแรกและวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ที่ 4 ปีแรก เช่นกัน โดยจะเปิดรับคำขอสินเชื่อตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือน ม.ค.2561 เป็นต้นไป
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 87% ของวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไปทั้งหมด โดยการปล่อยสินเชื่อต่ำกว่า 1 ล้านบาทเชื่อว่าจะมีความน่าสนใจ และช่วยกระตุ้นผู้ประกอบการในการปล่อยที่อยู่อาศัยออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยจากข้อมูลพบว่ายังมีที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท คงเหลืออีกกว่า 20,000 ยูนิต ทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มีที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ