‘เสี่ยเกาะเต่า’ ตั้งกท.เล่ามรสุมชีวิตก่อนเห็นภาพบาดตา ถูกคนที่รักที่สุดหักหลัง!



‘เสี่ยเกาะเต่า' ตั้งกระทู้ ระบายปัญหาชีวิตในเวบดัง pantip.com! ก่อนสุดท้ายสวมชุดบิ๊กไบก์ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนจะลั่นไกยิงตัวตายคาบ้านหรู สร้างความสะเทือนใจให้แก่เพื่อนและคนในครอบครัว

ก่อนเกิดเหตุ นายพัธรพล ได้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปเพื่อระบายปัญหาชีวิตส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า



10 กว่าปีที่ลงหลักปักฐานในพื้นที่ที่เรียกว่าเกาะเต่า เริ่มแรก ผมเลือกมาสอนดำน้ำลึก Scuba Diving ที่นี่ จนมาพบกับแฟนคนปัจจุบัน เนื่องจากประสบการณ์การเป็นเชฟอาหารฝรั่งในต่างแดนร่วม 8 ปีที่นิวซีแลนด์ จึงมาเช่าร้านจากครอบครัวแฟนซึ่งเป็นคนเกาะท้องถิ่นและเป็นเจ้าของสถานที่

เงินทุกบาทที่หาได้ นำมาซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงร้านให้ดีขึ้น รวมถึงสามารถกู้ซื้อบ้านราคาร่วมสามล้าน คนเดียวได้โดยไม่มีผู้ค้ำ ต่อมาก่อตั้งบริษัท เป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ ในพื้นที่ของเจ้าของเดียวกัน คือครอบครัวแฟน ในเมื่อขาดเงินทุนหมุนเวียน จึงตัดสินใจขายที่มรดก 22 ไร่ มาลงทุนเพิ่ม บริษัทเดินหน้าไปด้วยดีจนสามารถอยู่ได้และทำเงิน เงินที่หามาได้ลงทุนพัฒนาพื้นที่ เทปูน ทำถนน ขุดบ่อน้ำใช้ สร้างบ้านให้เช่า ตึกที่ต่อเติมจากโครงสร้างอาคารของบริษัท รวมถึงบาร์ชายหาด ทั้งหมดที่ลงทุนคือในพื้นที่ของครอบครัวของแฟน

แน่นอน การอยู่ด้วยกันย่อมมีเรื่องทะเลาะกันบ้าง แฟนเป็นคนขี้หึง ในระยะแรกไม่ปล่อยแม้กระทั่งให้ออกนอกบ้านคนเดียว จนกระทั่งเพื่อนที่มาจากกรุงเทพมาดำน้ำหลายครั้ง แต่แทบทุกครั้ง จบด้วยการทะเลาะหึงหวง การจินตนาการคิดมาก เมื่อทะเลาะกันแรงขึ้น บางครั้งมีการใช้กำลัง แต่สุดท้ายจบด้วยการออกปากไล่

แฟนมีน้องสาวคนหนึ่ง เวลาดีทุกอย่างก็ดี จนถึงเวลาที่ขัดใจ คำว่า "ที่แม่กู ของแม่กู" ก็ออกมา ต้องยอมรับว่า คนเกาะเวลาด่านี่ยิ้มมาก ผมเป็นผู้ใหญ่กว่า ทุกอย่างใช้เหตุผล มาเจอเด็กเมื่อวานซืนด่าเหมือนหมา มันก็จริงที่ไปทำมาหากินในที่เค้าเอง

การทะเลาะกันในแต่ละครั้ง ความอดทนเพื่อลูก ในขณะนั้นยังเล็ก ยังมีมาก ปัญหาหายไป แล้วก็กลับมาอีกเรื่องเดิมๆ จากการจินตนาการว่าต้องมีใครมาคบหาพัวพันสนใจ หลายปีผ่านมาถูกไล่มากกว่า 5 ครั้ง ลั่นปากว่า "ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ต้องใช้เงิน หนึ่งครั้ง" ปัจจุบันลูกร่วม 10 ขวบ มีลูกคนเล็กมาอีกหนึ่ง

ไม่มีความคิด ไม่มีแรงที่จะสานงานต่อ อยู่ไปวันๆเหมือนไร้ค่าไร้ความหมาย แทบไม่ทำงาน ออกทริปขี่มอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าจะมีกำลังใจมาลุยทำงาน แฟนเป็นคนที่ชอบเที่ยวมาก่อน เคยแต่งงานมาแล้วแต่จบไม่สวย เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย และคนชอบใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้ชาย เวลาเมาคุยสนุก ชอบถึงเนื้อถึงตัว แม้กระทั่งลูกน้องเรือยังยอมให้ลูบหน้าลูบหลัง ขณะที่ผมยังนั่งมองอยู่ จนถึงลูกน้องฝรั่งที่เป็นครูสอนของบริษัท

มีอยู่ช่วงที่คุมทำเรือของบริษัทร่วมสองเดือน พอกลับมาเห็นแฟนยืนคร่อมขาลูกน้องฝรั่งคุยกันสนุกสนาน แต่ไม่เคยทัก เค้าเลยไม่เฉลียวใจกัน คิดว่าคงทำกันเป็นเรื่องปกติ การทะเลาะรึการกระทำตัวที่เกินเลยกับลูกน้อง เคยคุยทุกครั้งหลังกลับมาที่บ้านไม่เคยทำให้เสียหน้า โดยการใช้เหตุผล ก็เข้าใจและยอมรับทุกครั้ง แต่เหตุผลไม่เคยใช้ได้กับความงี่เง่าและการใช้อารมณ์ และความไม่เคยจำ

จากความที่ไว้ใจเพราะตัวเองก็ไม่ทำกับใคร คิดว่าแฟนคงไม่ทำ แต่เรื่องพวกนี้ ป่วยการที่ต้องไปจับตาดู คนที่ไม่ซื่อสัตย์ อยากมีอะไรกัน 5 นาที 10 นาทีก็แอบมีอะไรกันได้ในทุกที่ เวลามาบ้านที่สุราษฎร์ที่ซื้อไว้ ถ้าผมออกทริปมอเตอร์ไซด์ ก็มักจะมีเพื่อนชายหรือฝรั่งตามมาอยู่ด้วยกับเด็กๆ แต่พอกลับจากออกทริป ผู้ชายเหล่านั้นกลับคุยเข้าหน้ากันไม่สนิท เหมือนอึดอัดใจ

แน่นอน ถ้าถามว่าไว้ใจแฟนมั้ย เดี๋ยวนี้ตอบได้ว่าไม่ หลังจากมีลูกคนเล็ก แฟนก็ทำหมันความต้องการมีอาจเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเค้า ถ้าแอบมีอะไรกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องป้องกัน ถ้าถามว่าทำไมไม่ไว้ใจ ขนาดเพื่อนพรรคพวกที่สนิทกันเองที่มีครอบครัวอยู่แล้ว ยังเคยทักมาคุยในลักษณะหวังผล อันนี้เคยเล่าให้ฟังเอง

โทษใครมั้ย ไม่โทษ เพราะคนของเราเองที่ทำตัวให้คนอื่นหวังในเรื่องอย่างว่า เคยทะเลาะจนยอมตัดเพื่อนทิ้งทั้งหมด ไม่สื่อสารกับใคร แต่แฟนเองกลับไม่สามารถหยุดโซเชียลได้ ไม่เคยค้นโทรศัพท์ว่าคุยกับใครบ้างเพราะคิดง่ายๆ ถ้าคนซื่อสัตย์คงไม่ทำ ถ้าถามว่าเชื่อว่าแอบคุยกับใครมั้ย ตอนนี้ตอบได้ว่าเชื่อ เคยเข้าไปดูใน Facebook ก็มีผู้ชายมาโพสต์ว่าโสด

ถ้าถามว่าคิดมั้ยว่าแฟนไม่ซื่อสัตย์เคยไปนอนกับคนอื่น ตอบว่าคิดเพราะหมาเคยกินอุจาระแล้ว มันก็ต้องแอบไปกินอีกจนได้ ผม Negative คนคนนี้ ครอบครัวนี้ เกาะนี้ไปแล้ว จากที่เคยเป็นคนอารมณ์ดี เกาะนี้เปลี่ยนผมจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนละคนไปแล้ว ทุกรอยยิ้มที่ไม่เคยออกมาจากใจ

ขณะนี้ความเชื่อใจมันหมดไปพร้อมกับกำลังใจที่จะสร้างครอบครัวต่อ อยู่ไปไร้ประโยชน์ เพราะคำว่า "จะไปไหนก็ไป ให้ไปแต่ตัว" มันก้องอยู่ตลอดเวลา รวมถึง "ถ้าไม่ทำงาน ก็ไม่ต้องใช้เงิน" อะไรกัน นี่มันคือธุระกิจที่ผมสร้างมากับมือ จากประสบการณ์ แนวคิดคนเกาะ (ถึงจะไม่ทั้งหมด) จะเสนอให้มาลงทุน "ถ้ามันทำไม่รอด มันก็แบกไปไม่ได้"

เห็นมาหลายเคส แต่ไม่นึกว่าจะมาโดนกับตัว "อย่าลงทุนทำกินในที่คนอื่น" นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะถ้าวันใดถูกไล่จะเหลือแต่ตัว ใช่ ผมเหลือแต่ตัวจริงๆ โดยไม่เฉลียวใจมาก่อน เสียดายเวลา เสียดายความคิดที่ทุ่มเท ตอนนี้ตัวเองสุขภาพไม่ดีเหมือนตอนหนุ่มๆ เพราะอีกไม่กี่ปีจะถึงห้าสิบแล้ว

ด้วยสถานะปัจจุบัน เป็นหมอนรองกระดูกสามข้อ เป็นนิ้วล็อกทั้งสองข้าง มีปัญหาบ่อยกับระบบทางเดินอาหาร สายตาที่เริ่มไม่ปกติ ปีที่แล้วผ่าตัดไปสองครั้ง วัวแก่ ยามหมดประโยชน์ก็ต้องเข้าโรงฆ่าสัตว์ ผมคงไม่มีประโยชน์สำหรับคนที่นั่นแล้ว เมื่อถึงทางแยกแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกครั้ง

สามเดือนที่จากไปร่อนเร่ข้างนอกคิดแต่ว่าอาจจะมีอะไรดีขึ้น กลับมารอบนี้ก็ยิ่งปวดใจมากกว่าเดิม เคยเจรจาแต่คำขอคืนดีกลับขอแบบพูดไปที ระบบงานทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดตัดสินใจทำกับลูกน้องโดยไม่มีผม ถามตรงๆวามีใครคุยด้วยมั้ย ก็ยอมรับตรงๆว่ามีหลายคน เค้าคงมีโครงการมากมายในหัวหลังจากที่ผมออกปากยกทุกอย่างให้ เพื่อเด็กทั้งสองจะได้มีอนาคต

เค้าคงคิดว่าตัวเค้าเองเก่งทางด้านธุรกิจ ทั้งๆที่ตอนแรกพบกันเค้าแค่ทำอาหารในร้านแม่เค้าและเที่ยวดื่มไปวันๆ ผมเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจ จึงมีแนวคิดและพาเค้าสร้างตัวจนมาถึงปัจจุบัน คำว่าบ้านที่เคยคิดลงหลักปักฐานมันกลับไม่ใช่ ผมไม่มีบ้าน ไม่มีอนาคตให้กับเด็กทั้งสอง ที่เกาะตอนนี้ไม่เหลือที่ให้ผมกลับไปแล้ว มันน่าเศร้ามากมาย

หมดทุกอย่าง ไม่มีแม้แต่ ความคิดที่จะใช้ชีวิตต่อ หลังจากที่ครอบครัวนี้ได้ครอบครองทุกอย่างไปแล้ว เงินทุกอย่างถูกเปลี่ยนไปบัญชีใหม่ บิลทุกอย่างที่เป็นชื่อของผม ถูกระงับการจ่าย เช่นบัตรเครดิตที่ใช้ร่วมกัน หรือบิลโทรศัพท์ นึกไม่ถึง และไม่เคยเตรียมตัวที่จะเจอสถานะการณ์แบบนี้ นึกไม่ถึง ว่า คนที่ไว้ใจที่สุดจะกลายมาเป็นงูเห่า








ที่มาจาก https://pantip.com/topic/38051039