Home »
Uncategories »
ขอกอด ขอหอมสักครั้งในชีวิต แม่ตามหาลูกสาวหลังต้องพลักพราก นาน 13 ปี
ขอกอด ขอหอมสักครั้งในชีวิต แม่ตามหาลูกสาวหลังต้องพลักพราก นาน 13 ปี
เข้าสู่เดือนแห่งความรักหลายๆคนก็เอ่ยอยากมีรักแท้
บางคนโพสต์ภาพคู่กับคนรัก พ่อแม่บางคนก็โพสต์ภาพครอบครัวอบอุ่นรักกันดีมาก
แต่จะมีสักกี่คนที่ทุกวันนี้ก็ยังคงนั่งร่ำไห้หาคนที่รักต้องพลัดพราก
อย่างเช่นเรื่องราวความรักของคุณแม่ท่านหนึ่ง
โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ นางแรมจันทร์ อ่วมพรม อายุ 37 ปี
แม่บ้านโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี
ติดต่อเข้าพบผู้สื่อข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามหาลูกสาววัย 15 ปี
ที่พลัดพรากจากกันขณะที่ลูกน้อยอายุได้เพียง 2 ขวบ
มีเพียงภาพถ่ายเพียงใบเดียวไว้ดูต่างหน้า
นางแรมจันทร์ เล่าว่า ขณะที่ตนมีอายุ 16 ปี ได้ออกจากบ้านในอ.ทุ่งช้าง
จ.น่าน มาทำงานที่ร้านอาหารตามสั่งในอ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
และได้ชอบพอกับนายไก่ (นามสมมุติ) หลานชายเจ้าของร้าน
กระทั่งให้กำเนิดลูกสาวชื่อ น้องนิด (นามสมมุติ)
แต่ชีวิตรักระหว่างตนกับนายไก่ก็ได้จบลง เมื่อน้องนิด อายุได้เพียง 2
ขวบเศษ และตนก็ได้นำลูกสาวไปให้แม่ของตนเลี้ยงที่จ.น่าน
นางแรมจันทร์ เล่าต่อว่า ส่วนตนก็ไปทำงานเป็นสาวโรงงานในอ.บ้านบึง
จ.ชลบุรี ได้เพียง 1 สัปดาห์ ก็ได้รับแจ้งจากแม่ของตนว่า
นายไก่มารับเอาตัวน้องนิดไปอยู่ด้วย
ซึ่งตนพยายามติดต่อนายไก่ซึ่งเป็นสามีเก่า
เพื่อพูดคุยเรื่องลูกสาวที่นายไก่มารับเอาตัวไป
แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้จนมาถึงวันนี้
“ซึ่งต่อมาเมื่อหลายปีก่อน ตนก็มีครอบครัวใหม่กับหนุ่มชาวจ.อุบลราชธานี
และมีลูกสาวด้วยกันอีก 1 คน อายุ 6 ขวบ แต่ก็ยังคิดถึงน้องนิดลูกสาวคนแรก
และได้พยายามตามหาลูกสาว
โดยบางครั้งมีคนงานนำสินค้าจากโรงงานไปส่งที่จ.ชลบุรี
ก็ขอร้องให้ช่วยดูร้านขายอาหารตามสั่งที่เคยไปทำงานอยู่ว่าเห็นลูกสาวของตนบ้างหรือไม่
แต่คนขับรถก็บอกว่าร้านอาหารนั้นไม่มีอยู่แล้ว” นางแรมจันทร์ กล่าว
นางแรมจันทร์ เล่าอีกว่า ทำให้ตนหมดปัญญาที่จะตามหาลูกสาว
เพราะปัจจุบันก็มีรายได้เพียงเป็นแม่บ้านของโรงงาน
ไม่มีเงินทองพอใช้ไปติดตามหาลูกสาวคนนี้ได้
ที่ผ่านมาก็ได้แต่เล่าเรื่องราวความรักของแม่ให้ลูกสาวอีกคนฟังมาโดยตลอดว่า
ยังมีพี่สาวอยู่อีกคน และลูกสาวคนเล็กก็บอกอยากเจอพี่สาวเช่นกัน
ทำให้ช่วงที่ผ่านมา ก็ได้แต่คิดถึงอยากเจอหน้าน้องนิดสักครั้ง
แต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้เข้ามาขอความช่วยเหลือดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าน้องนิดทราบเรื่องแล้วไม่ต้องการเจอนางแรมจันทร์
เพราะไม่เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน นางแรมจันทร์ กล่าวว่า ตนเข้าใจเหตุผลนี้ดี
แต่ก็อยากอธิบายให้ลูกรู้ว่าเหตุใดที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน
และไม่ต้องการอะไร เพียงแต่อยากเห็นหน้าลูกสาวว่า ปัจจุบันนี้เป็นเช่นไร
เรียนหนังสืออยู่ชั้นไหน โตขนาดไหนแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอกอดและหอมลูกสักครั้งในชีวิตก็ยังดี
“เพราะเข้าใจดีที่เราไม่ได้เป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก
แต่ก็อยากเห็นหน้า หรือได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกสักครั้งก็ยังดี”
นางแรมจันทร์ กล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พา นางแรมจันทร์ เข้าพบ นายธรรมนูญ แจ่มใส
นายอำเภอสำโรง
เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดตามหาตัวน้องนิดที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 13 ปี
และจากการตรวจสอบจากข้อมูลของสำนักทะเบียนราษฏร กระทรวงมหาดไทย ทราบว่า
น้องนิดได้เข้ามาทำบัตรประชาชนเมื่ออายุได้ 7 ขวบ
โดยแจ้งที่อยู่ในต.บ่อกวางทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
แต่ไม่รู้ว่าตัวยังอยู่ตามภูมิลำเนาที่แจ้งไว้กับสำนักทะเบียนราษฏรหรือไม่
นายธรรมนูญ จึงโทรศัพท์แจ้งไปยังอ.บ่อทอง
ให้ช่วยเป็นธุระประสานตรวจสอบไปยังผู้ใหญ่ที่น้องนิดมีชื่ออยู่ในหมู่บ้านว่า
เด็กสาวคนนี้ยังคงพักอยู่ที่หมู่บ้านดังกล่าวหรือไม่
และทางน้องนิดและครอบครัวยินดีจะให้นางแรมจันทร์ไปพบหรือไม่
ซึ่งหากน้องนิดและนายไก่ไม่ขัดข้อง
ทางนายธรรมนูญก็ยินดีมอบเงินค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายให้นางแรมจันทร์
ซึ่งมีฐานะยากจนใช้เดินทางไปพบกับลูกสาว
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการประสานกลับมาจากผู้ใหญ่บ้านในต.กวางทอง
ที่น้องนิดมีภูมิลำเนาอยู่ครั้งสุดท้ายอยู่ที่นั่น
ขอขอบคุณ siamnews.com