ผมเลิกเห็นแก่ตัวได้ เพราะบะหมี่สอนใจของพ่อ

ผมเลิกเห็นแก่ตัวได้ เพราะบะหมี่สอนใจของพ่อ

ตอนยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ผมเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัว

มีอะไรที่เป็นของดีๆ ผมก็คิดถึงแต่ตัวผมเพียงผู้เดียว

ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ปรากฎว่า

เพื่อนฝูงห่างหายไปจากผมทีละคน ทีละคน

กับเรื่องนี้แล้ว ผมกลุ้มใจมาก

บ่อยครั้งที่ตำหนิผู้อื่นลับหลัง

 

คืนวันหนึ่ง คุณพ่อทำบะหมี่มาสองชาม

ชามหนึ่งบนบะหมี่มีไข่อยู่ใบหนึ่ง

ส่วนอีกชามหนึ่งเมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรเลย

คุณพ่อถามผมว่า “ลูกจะกินชามไหน?”

เวลานั้นไข่ไก่เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก

หากไม่ตรงกับวันตรุษหรือวันเทศกาลแล้ว

ยากนักที่จะได้กิน

ผมย่อมไม่ละทิ้งโอกาสอันดีนี้ไป

ฉะนั้นผมไม่ลังเลเลยที่จะเลือกชาม

ที่เห็นมีไข่อยู่ด้านบนบะหมี่

แท้จริงแล้วสิ่งที่ผมได้เลือกมันคือ

#ความผิดพลาด

ในยามที่ผมกำลังหลงดีใจกินไข่ใบนั้นอยู่

ผมประหลาดใจที่เห็นว่า

ในก้นชามบะหมี่ของคุณพ่อนั้น

ซ่อนไข่ไว้สองใบ ผมเสียใจมาก

และโกรธตัวเองที่ใจร้อนเกินไป

รีบร้อนเลือกโดยไม่ทันได้คิด

 

คืนวันที่สอง คุณพ่อทำบะหมี่

มาสองชามอีก ยังคงเหมือนเดิม

ชามหนึ่งด้านบนเห็นมีไข่ใบหนึ่ง

วางอยู่ส่วนอีกชามดูไปแล้วไม่มีอะไร

คุณพ่อให้ผมเลือกก่อน

ครั้งนี้ผมฉลาดขึ้นแล้ว

เลือกชามที่ด้านบนไม่มีไข่

คุณพ่อได้แต่จ้องมองฉัน

ไม่พูดไม่จาสักคำ

ผมรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา

เขี่ยบะหมี่ให้แยกออก

ผมคิดแต่เพียงว่าข้างใต้บะหมี่

ต้องซ่อนไว้ด้วยไข่ไก่สองใบ

แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง

ก้นชามนอกจากน้ำซุปแล้ว

อะไรก็ไม่มี ยามนี้ คุณพ่อได้บอกผมว่า

“ลูกเอ๋ย…ลูกต้องจำไว้ว่า…อย่าเชื่อมั่น

ในประสบการณ์ที่ผ่านมาให้มากนัก

เพราะว่าชีวิตบางครั้งก็หลอกลวงเรา

แต่ว่าลูกอย่าเพิ่งโมโหและไม่ต้องเศร้าใจ

ทั้งหมดนี้ ให้ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง

ในชีวิตซึ่งลูกไม่สามารถเรียนรู้จากหนังสือได้”

 

คืนวันที่สาม คุณพ่อทำบะหมี่เช่นเดิมอีกสองชาม

ยังคงเป็นชามหนึ่งด้านบนมีไข่หนึ่งใบ

ส่วนอีกชามมองดูแล้วไม่มีอะไรเลย

คุณพ่อให้ผมเลือกก่อนเช่นเดิม

ครั้งนี้ผมจะไม่เลือกอย่างผลีผลามอีกแล้ว

แต่บอกกับคุณพ่อจากใจจริงว่า

“คุณพ่อ ท่านเป็นผู้อาวุโส

อีกทั้งได้เสียสละ

ให้แก่ผมและครอบครัวมากมาย

ให้คุณพ่อเลือกก่อนเถอะ”

คุณพ่อไม่ได้ปฏิเสธ

เลือกชามที่มีไข่อยู่ด้านบนโดยไม่ลังเล

ผมเดาว่า อีกชามที่เหลือต้องไม่มีไข่แน่ๆ

แต่นอกเหนือการคาดเดา

ผมโชคดีมากที่ก้นชามมีไข่อยู่ตั้งสองใบ

คุณพ่อเงยหน้าขึ้น

ในนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู

ท่านบอกผมอย่างราบเรียบว่า

“ลูกเอ๋ย ลูกต้องจำให้มั่น

ยามที่ลูกคิดเพื่อคนอื่นแล้ว

ความโชคดีก็จะเข้ามาหาตัวลูกเอง”

คำพูดของคุณพ่อทำให้ผมละอายใจยิ่งนัก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมนำคำสอนนี้

มาเป็นเกณฑ์ในการดำรงชีวิต

ไม่ว่าต่อผู้คนหรือต่อหน้าที่การงาน

สิ่งแรกที่ผมนึกคิดได้ก่อนอื่นใด

ก็คือผลประโยชน์ที่ผู้อื่นจะได้รับก่อน

ตรงตามที่ท่านพ่อได้สอนไว้

ความโชคดีได้ทยอยเข้าหาผม

ทำให้หน้าที่การงานของผม

เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้น

 

นุสนธิ์บุคส์