Home »
Uncategories »
อ.เจษฎา เตือนบอระเพ็ดดองโค้กแก้เกาต์ไม่ได้ แถมอันตราย
อ.เจษฎา เตือนบอระเพ็ดดองโค้กแก้เกาต์ไม่ได้ แถมอันตราย
กำลังเป็นกระแสโด่งดังและแชร์กันไปทั่วโลกออนไลน์เลยทีเดียว
กับการกล่าวอ้าง ยาขนานใหม่ นำบอระเพ็ดมาดองกับน้ำอัดลม
อ้างว่าสามารถรักษาโรคเกาต์ และโรคเบาหวานได้
จึงมีชาวเน็ตที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
อยากลองทำกินดูบ้างเผื่อจะดีจริงตามที่มีการแชร์ต่อๆกันมา
ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาเตือนถึงเรื่องนี้ว่า
ไม่สามารถรักษาโรคได้จริงตามกล่าวอ้าง และหากกินในปริมาณมากๆ
ก็จะทำอันตรายต่อร่างกายได้ด้วย โดยอาจารย์ได้ระบุว่า
"บอระเพ็ดดองโค้ก ไม่ได้แก้เก๊าท์
แถมกินมากเกินไปอันตรายนะครับ" สูตรสมุนไพรใหม่ที่กำลังฮิตตอนนี้ คือ
เอาบอระเพ็ด มาดองกับน้ำอัดลม อย่างโค้กหรือโค้กซีโร่
อ้างว่าดื่มรักษาเกาท์ได้ ไปจนถึงรักษาเบาหวานได้ จริงหรือไม่ ? ...
ไม่จริงนะครับ!! บอระเพ็ด (รวมถึงน้ำอัดลมด้วย) ไม่ได้มีสรรพคุณด้านนั้น
แถมก็กินมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อตับด้วยครับ
บอระเพ็ด ปกติแล้ว
มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรในการเป็นยาแก้ไข้ เจริญอาหาร อายุวัฒนะ ช่วยย่อย
บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะ บำรุงร่างกาย ขับเหงื่อ ดับกระหาย
แก้ร้อนใน
ส่วนการใช้บอระเพ็ดรักษาโรคเก๊าท์หรือปวดตามข้อนั้น
ไม่เคยปรากฏว่ามีผลวิจัยระบุว่าทำได้ ทำได้เพียงแค่แก้ปวดและต้านการอักเสบ
โดยสารสกัดเอทานอลจากเถาบอระเพ็ด
สามารถลดอาการปวดและอักเสบบวมในหนูทดลองได้
สารสกัดน้ำจากเถาบอระเพ็ด
พบว่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองที่กระตุ้นให้เป็นเบาหวานได้
แต่นั่นก็เป็นการบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการรักษาโรคเบาหวาน
(แถมใครเอาไปแช่โค้กรุ่นธรรมดานี่ ได้น้ำตาลไปเต็มๆเลยนะ)
แก้เกาต์ไม่ได้
ที่สำคัญคือ
มีรายงานถึงความเป็นอันตรายของบอระเพ็ด
โดยพิษแบบเรื้อรังของสารสกัดเอทานอลของเถาบอระเพ็ดพบว่ามีแนวโน้มก่อให้เกิดความผิดปกติของตับและไตในหนูทดลอง
และยังเคยมีรายงานว่าบอระเพ็ดก่อให้ความเป็นพิษต่อตับในชายชาวเวียดนาม
อายุ 49 ปี ที่รับประทานยาเม็ดจากบอระเพ็ด วันละ 10 เม็ด ติดต่อกัน 4
สัปดาห์ ทำให้เป็นดีซ่าน สรุปคือ เป็นเรื่องยาผีบอกอีกแล้ว อย่าไปเชื่อง่ายๆ นะครับ
เรื่องยาผีบอกเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน
ไม่รู้ว่าเคล็ดลับตำราถูกเผยแพร่มาจากใคร น่าเชื่อถือหรือไม่
แต่ก็มีคนหลงเชื่ออยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าหากกินไปโดยไม่ได้ศึกษาให้ถี่ถ้วน
อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้