เป็นสาวสวยที่มีประเด็นดราม่าให้เคลียร์ตลอดเวลาจริงๆ สำหรับ "น้ำตาล ชลิตา" Miss Universe Thailand
2016 ที่ล่าสุดเจ้าตัวเจอกับกระแสวิจารณ์หนักจากแฟนๆ ในโลกโซเชียลฯ
เรื่องการตัดสินใจย้ายสถานที่เรียน จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
มาเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
โดยหลายคนมองว่าเธอนั้นเนรคุณมหาวิทยาลัยเก่า
และยังใช้เส้นสายนางงามในการย้ายที่เรียนในครั้งนี้!!!
ซึ่งงานนี้นอกจากนางงามคนดัง "น้ำตาล ชลิตา" จะออกมายืนยันแบบชัดเจนว่า ขั้นตอนการย้ายมหาวิทยาลัยของเธอเป็นไปตามระเบียบทุกอย่างไม่ได้มีการใช้เส้นสายใดๆ แล้วนั้น เจ้าตัวก็ยังบอกอีกด้วยว่า สาเหตุในการย้ายมหาวิทยาลัยครั้งนี้ก็เป็นเพราะเธอต้องการให้สามารถทำงานและเรียนไปพร้อมกันได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบกับอย่างใดอย่างหนึ่ง...
"จริงๆ ตาลทำเรื่องก่อนที่จะเปิดเทอมอีกค่ะ ประมาณ 2-3 เดือนเลยก็ว่าได้ เพราะทางอาจารย์เขาก็แนะนำว่าถ้าหากเราไม่มีเวลาจริงๆ ก็อยากให้มาตรงนี้ เนื่องจากมันจะได้สะดวกกับเราทั้งในด้านของการทำงานและก็การเรียน คือทำควบคู่กันไปได้ แต่ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นมหาวิทยาลัยนี้ ก็คือว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามเคยเป็นเครือเดียวกันกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และก็ยังมีคณะวิทยาศาสตร์ สาขาจุลชีววิทยา ที่ตาลเรียนคล้ายๆ กัน ดังนั้นตาลก็เลยเข้าไปขอคำปรึกษาอาจารย์ว่าถ้าในกรณีนี้ตาลจะต้องทำยังไงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นเกรด หรือการโอนหน่วยกิตที่สามารถโอนได้ อะไรประมาณนี้ค่ะ"
"ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทั้งหมดเลยค่ะ ตาลต้องคุยกับอาจารย์คณะบดีคณะวิทยาศาสตร์ทั้งของที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามและก็ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รวมถึงตาลต้องมาดูเอกสารต่่างๆ ทั้งหมดว่าตาลจะต้องยื่นอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ตาลมีชื่อเสียงแล้วมันจะได้เข้าเลย ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือตาลต้องเดินเรื่องทำเรื่องโดยที่ไม่มีใครเห็นเลยว่าก่อนหน้านี้ตาลทำอะไรบ้าง ทั้งเอกสาร ทั้งสารพัด"
"ถามว่าตาลนอยด์กับกระแสดราม่าไหม โหย...ก็มาเรื่อยๆ ไหมอ่ะ (หัวเราะ) ไม่รู้จะนอยด์ทำไมค่ะ เพราะนอยด์ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราขอทำให้สำเร็จในหน้าที่ของเราดีกว่าค่ะ"
หลายคนมองว่าเราเนรคุณมหาวิทยาลัยเก่า ?
"ทุกคนก็สนับสนุนหมด ถามว่าตาลอยากไปเรียนที่เดิมไหม ตาลอยากนะคะ แต่ด้วยความที่เรามีหน้าที่การงานที่เราต้องทำ มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ และเมื่อตอนนี้เราเองก็มีกำลังที่จะสามารถช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากทิ้งการเรียน ดังนั้นถ้าหากเราสามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยได้ มันก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า หนูเชื่อนะคะว่าทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ ที่สถาบันเก่าเข้าใจตาล เพราะที่ผ่านมาทุกคนให้ความช่วยเหลือตาลหมด เพื่อนๆ ตาลยังบอกเลยว่าถ้าหากมีเรื่องเอกสารอยากให้ช่วยเหลือก็บอกเขาได้ ส่วนทางด้านอาจารย์ที่ปรึกษาก็พร้อมให้คำแนะนำตลอด"
"ล่าสุดที่ไปร่วมรับน้องในงานค่ายอัตลักษณ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รู้สึกอบอุ่นมากเลยค่ะ เหมือนตัวเองเป็นเฟรชชี่ (ยิ้ม) สนุกมาก ทุกคนต้อนรับดีมากๆ เหมือนกับเป็นพี่เป็นน้องกันเลยค่ะ (ยิ้ม)"
ซึ่งงานนี้นอกจากนางงามคนดัง "น้ำตาล ชลิตา" จะออกมายืนยันแบบชัดเจนว่า ขั้นตอนการย้ายมหาวิทยาลัยของเธอเป็นไปตามระเบียบทุกอย่างไม่ได้มีการใช้เส้นสายใดๆ แล้วนั้น เจ้าตัวก็ยังบอกอีกด้วยว่า สาเหตุในการย้ายมหาวิทยาลัยครั้งนี้ก็เป็นเพราะเธอต้องการให้สามารถทำงานและเรียนไปพร้อมกันได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบกับอย่างใดอย่างหนึ่ง...
"จริงๆ ตาลทำเรื่องก่อนที่จะเปิดเทอมอีกค่ะ ประมาณ 2-3 เดือนเลยก็ว่าได้ เพราะทางอาจารย์เขาก็แนะนำว่าถ้าหากเราไม่มีเวลาจริงๆ ก็อยากให้มาตรงนี้ เนื่องจากมันจะได้สะดวกกับเราทั้งในด้านของการทำงานและก็การเรียน คือทำควบคู่กันไปได้ แต่ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นมหาวิทยาลัยนี้ ก็คือว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามเคยเป็นเครือเดียวกันกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และก็ยังมีคณะวิทยาศาสตร์ สาขาจุลชีววิทยา ที่ตาลเรียนคล้ายๆ กัน ดังนั้นตาลก็เลยเข้าไปขอคำปรึกษาอาจารย์ว่าถ้าในกรณีนี้ตาลจะต้องทำยังไงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นเกรด หรือการโอนหน่วยกิตที่สามารถโอนได้ อะไรประมาณนี้ค่ะ"
"ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทั้งหมดเลยค่ะ ตาลต้องคุยกับอาจารย์คณะบดีคณะวิทยาศาสตร์ทั้งของที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามและก็ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รวมถึงตาลต้องมาดูเอกสารต่่างๆ ทั้งหมดว่าตาลจะต้องยื่นอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ตาลมีชื่อเสียงแล้วมันจะได้เข้าเลย ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือตาลต้องเดินเรื่องทำเรื่องโดยที่ไม่มีใครเห็นเลยว่าก่อนหน้านี้ตาลทำอะไรบ้าง ทั้งเอกสาร ทั้งสารพัด"
"ถามว่าตาลนอยด์กับกระแสดราม่าไหม โหย...ก็มาเรื่อยๆ ไหมอ่ะ (หัวเราะ) ไม่รู้จะนอยด์ทำไมค่ะ เพราะนอยด์ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราขอทำให้สำเร็จในหน้าที่ของเราดีกว่าค่ะ"
หลายคนมองว่าเราเนรคุณมหาวิทยาลัยเก่า ?
"ทุกคนก็สนับสนุนหมด ถามว่าตาลอยากไปเรียนที่เดิมไหม ตาลอยากนะคะ แต่ด้วยความที่เรามีหน้าที่การงานที่เราต้องทำ มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ และเมื่อตอนนี้เราเองก็มีกำลังที่จะสามารถช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากทิ้งการเรียน ดังนั้นถ้าหากเราสามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยได้ มันก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า หนูเชื่อนะคะว่าทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ ที่สถาบันเก่าเข้าใจตาล เพราะที่ผ่านมาทุกคนให้ความช่วยเหลือตาลหมด เพื่อนๆ ตาลยังบอกเลยว่าถ้าหากมีเรื่องเอกสารอยากให้ช่วยเหลือก็บอกเขาได้ ส่วนทางด้านอาจารย์ที่ปรึกษาก็พร้อมให้คำแนะนำตลอด"
"ล่าสุดที่ไปร่วมรับน้องในงานค่ายอัตลักษณ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รู้สึกอบอุ่นมากเลยค่ะ เหมือนตัวเองเป็นเฟรชชี่ (ยิ้ม) สนุกมาก ทุกคนต้อนรับดีมากๆ เหมือนกับเป็นพี่เป็นน้องกันเลยค่ะ (ยิ้ม)"