“ควรสังเกตรถ” ของตัวเองว่าแสดงอาการสัญญานเตือนว่ารถใกล้พังแล้วหรือยัง

การใช้งานรถยนต์ทุกวัน ใช้งานบ่อยๆ ก็ย่อมจะก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ซึ่งบางอย่างอาจทำให้ รถเสีย และยิ่งอาการที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ มันก็ชวนให้หงุดหงิดไม่ใช่น้อย

ซึ่งอาการที่ว่านี้ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หลายปัจจัย เป็นไปได้อย่าปล่อยไว้นาน ให้รีบนำรถไปตรวจเช็กให้ไว ก่อนที่มันจะลามไปยังส่วนอื่นๆ

อาการรถเสียที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำ มีดังนี้

-ไฟเตือน

คือสัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถยนต์ หากมีสัญลักษณ์ไฟเตือนใดเกิดขึ้นมาก็ตาม สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจจะต้องมีอะไรขัดข้อง และควรจะรีบตรวจสอบทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเด็ดขาดนะคะ ไม่เช่นนั้นเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ค่ะ

-พฤติกรรมการขับรถ

พฤติกรรมการขับรถถือว่ามีผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของรถยนต์นะคะ เพราะบางคนมีพฤติกรรมการขับรถแบบบ้าระห่ำ กระชากเกียร์ เหยียบคันเร่งราวกับแข่งแรลลี่

ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างได้อย่างใหญ่หลวง ซึ่งในระยะสั้น อาจจะไม่ส่งผล

แต่หากขับรถแบบนี้เป็นระยะเวลานานสะสม รับรองว่าเครื่องยนต์พังก่อนเวลาอันควรแน่นอนค่ะ

-มีร่องรอยของน้ำหยดที่พื้น

หากรถยนต์ของคุณมีร่องรอยของน้ำ หรือน้ำมันหยดลงที่พื้น อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น หม้อน้ำรั่ว น้ำมันเบรกรั่ว หรือแม้กระทั่งน้ำมันรั่ว

ซึ่งถือว่าค่อนข้างไม่ปลอดภัย อาจจะทำให้เกิดอันตรายระว่างที่คุณขับรถอยู่ได้นะคะ ควรรีบนำรถเข้าเช็กโดยด่วนเลยค่ะ

-สตาร์ทเครื่องนานกว่าปกติ

หากรถของคุณ ต้องใช้เวลาในการสตาร์ทเครื่องนานกว่าปกติ แสดงว่ารถของคุณมีแนวโน้มว่าแบตเตอรี่รถอาจเสื่อม หรือใกล้หมดเต็มทีแล้ว จึงควรรีบนำรถเข้าเช็กนะคะ

เพราะถ้ารถไปดับกลางทางแล้วสตาร์ทไม่ติดในที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะในที่เปลี่ยวอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อตัวคุณเองได้ เพราะอาจจะมีมิจฉาชีพอยู่บริเวณนั้น

-มีควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย

หากรถของคุณมีควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้วล่ะค่ะ ดังนั้นก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ ควรนำรถเข้าตรวจเช็กโดยด่วน

เพราะสัญญาณนี้หมายถึงระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์มีปัญหา โดยเฉพาะปะเก็นที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์ท่อนบนและล่างอาจจะปริ

ทำให้น้ำเล็ดลอดเข้าห้องเผาไหม้ และเผาน้ำจนออกมาเป็นไอน้ำ เห็นเป็นควันสีขาวออกมา ถ้าอาการหนัก น้ำอาจจะปนเข้ากับน้ำมันเครื่อง ท้ายที่สุดทำให้น้ำมันเครื่องเป็นโคลน และทำให้เครื่องยนต์น็อกในที่สุดค่ะ

-กลิ่นเหม็นไหม้

หากรถของคุณมีกลิ่นเหม็นไหม้ แสดงว่ารถยนต์ของคุณเกิดความเสียหายแน่นอน อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เบรกไหม้ สายพานไหม้ ท่อไอเสียปริแตก ลูกสูบไหม้ หรือแม้แต่สายไฟภายในเครื่องยนต์ไหม้

ซึ่งล่วนแต่เป็นอันตรายหากใช้งานรถยนต์ต่อไปโดยไม่แก้ไข ดังนั้น ควรนำเข้าอู่โดยด่วนค่ะ

-เสียงแปลก ๆ

บางครั้งรถยนต์ของคุณอาจเกิดเสียงแปลก ๆ ที่ไม่คุ้นเคยดังในรถ โดยปกติแล้วเสียงเครื่องยนต์หรือการขับขี่ต่าง ๆ เราจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ถ้าเมื่อใดเราได้ยินเสียงแปลกๆ เกิดขึ้น ก็ควรหาที่มาของเสียง

หนึ่งในกรณีเสียงแปลกๆ นี้ อาจเกิดจากผ้าเบรกใกล้หมด ซึ่งอันตรายมากหากคุณต้องใช้รถ เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เลย ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบโดยด่วนนะคะ

-เร่งไม่ขึ้น รถใกล้พัง

แม้จะไม่มีร่องรอยน้ำมันรั่ว แต่หากเกิดอาการรถยนต์เร่งไม่ขึ้น ก็อาจจะถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ หรือกรองน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วนะคะ เพราะถ้าปล่อยไว้นานจะยิ่งแย่แน่ ๆ ค่ะ

-รถนุ่มนวลผิดปกติ

หากคุณรู้สึกว่ารถนุ่มนวลผิดปกติ ก็อาจจะเป็นเพราะช่วงล่างเริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นโช้กเสื่อม ลมยางอ่อน และอื่น ๆ อีกหลายสาเหตุ จึงไม่ควรเสี่ยงขับไปนาน ๆ นะคะ เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับอาการต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณล่อว่ารถของคุณเริ่มจะมีปัญหาขึ้นแล้ว เมื่อรู้อย่างนี้แล้วควรรีบป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ

ทั้งหมดนี้คืออาการรถเสียที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำ แม้บางครั้งจะดูแลดีแค่ไหน มันก็อาจเกิดขึ้นได้ตามกาลเวลา และหากเกิดเหตุการณ์ข้อใดข้อหนึ่งขึ้นจริงๆ อย่าได้นิ่งนอนใจ ให้รีบนำรถเข้าไปซ่อมแซมทันที ไม่เช่นนั้นมันอาจลามไปยังส่วนอื่นๆ ได้

เรียบเรียงโดย : item2day.com