Home »
Uncategories »
“หัวปลี” ราคาขึ้นสูง กก.ละ 1,000 บาท พอรู้ประโยชน์แล้วกระจ่างเลย
“หัวปลี” ราคาขึ้นสูง กก.ละ 1,000 บาท พอรู้ประโยชน์แล้วกระจ่างเลย
หัวปลี
เป็นหนึ่งในผักสมุนไพรที่ใช้มาเป็นทางเลือกในการประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู
และที่สำคัญเหมาะมากๆสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและอยากบำรุงสุขภาพร่างกายของตัวเอง
ซึ่งในประเทศเยอรมัน ได้นิยมนำหัวปลี
มาเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ใช้มาประกอบอาหารแทนเนื้อสัตว์
คนบางกลุ่มที่ทานมังสวิรัติ หรือวีแกน เป็นอย่างมาก ทำให้ในตลาดเยอรมนี
มีความต้องการหัวปลีเพิ่มมากขึ้นสูง
ความเหนียวแน่นของเส้นใยหัวปลี
จึงถูกนำมาใช้เป็นทางเลือกในการปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์
และมีข้อดีที่ไม่ทำให้อ้วน ให้พลังงาน 17 แคลอรีต่อ 100 กรัม
ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นอีกด้วย
โดยถูกนำมาประยุกต์ใช้ประกอบอาหารหลายเมนู เช่น สลัด ยำ
หรือแกงกะหรี่ประเภทต่างๆ นำไปชุบแป้งหรือเกล็ดขนมปังทอดกรอบ ทำเมนู Fish
and Chips สำหรับวีแกน
หัวปลีจึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับใช้ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวีแกน
และยังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนทั่วไปที่สนใจลิ้มลองและทดลองทำเมนูอาหารใหม่ๆ
หรือแม้แต่กลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนัก จนทำให้หัวปลีหาซื้อยากและมีราคาแพง
ปัจจุบัน หัวปลีสดและหัวปลีกระป๋องแช่น้ำเกลือ
สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายสินค้าเอเชีย ร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าเอเชีย
และสินค้าวีแกน ซึ่งมักวางไว้ใกล้กับขนุน
แต่หัวปลีก็ไม่ได้หาซื้อได้ง่ายนัก โดยราคาหัวปลีสดหัวละประมาณ 6-8 ยูโร
ตามน้ำหนัก 200-300 กรัม หรือกิโลกรัมละประมาณ 25-32 ยูโร หรือกว่า 1
พันบาท
คุณค่าที่ร่างกายจะได้รับจากการกินหัวปลี 100 กรัม ให้พลังงาน 17 แคลอรี
แถมยังประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร 0.8 กรัม แคลเซียม 28 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส
40 มิลลิกรัม และวิตามินซี 25 มิลลิกรัม
สรรพคุณทางยาของหัวปลีที่คนโบราณว่าไว้
– บำรุงน้ำนมของแม่ลูกอ่อ นที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
– เป็นตัวช่วยในการรักษาโรคกระเพราะ
– แก้อาการร้อนในได้เป็นอย่างดี
– ยางจากปลีกล้วยก็ใช้รักษาแผลหรือนำไว้มาทาบริเวณที่แมลงกัดต่อยได้
– นักวิจัยชาวอินเดียยังพบว่า หัวปลีมีคุณสมบัติในการลดระดับน้ำตาลในโลหิตด้วย
วิธีการเตรียมหัวปลีก่อนนำไปปรุงอาหาร คือให้ลอกกาบสีแดงข้างนอกออก
จนถึงกาบสีขาวนวล ผ่านครึ่งตามยาว นำไปแช่ในน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเจือจาง
เพื่อไม่ให้หัวปลีสีคล้ำจนไม่น่ากิน
จากนั้นเฉือนแกนกลางทิ้งและดึงดอกที่แก่ออก
เท่านี้ก็นำไปปรุงเป็นอาหารจานเด็ดได้แล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : khaosod , prayod