Home »
Uncategories »
เจอแล้วใกล้ตัว 10 สูตรสมุนไพร “รักษาฝ้า” ปลอดภัย ได้ผลชัวร์
เจอแล้วใกล้ตัว 10 สูตรสมุนไพร “รักษาฝ้า” ปลอดภัย ได้ผลชัวร์
เชื่อเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือคุณผู้ชายหลายๆคน
จะต้องพบเจอกับปัญหาในเรื่องของผิวพรรณ หลายคนอาจจะทำงานตากแดด
หลายคนอาจจะอยู่ในร่ม แต่ก็อาจจะเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
และแน่นอนว่าในวันนี้เรามีเรื่องดีๆมาฝากเพื่อนๆกัน รับรองเลยว่า
ฝ้ากระจุดด่างดำของเพื่อนๆ จะต้องหายไปจากใบหน้าอย่างแน่นอน
มะนาว
คั้นเอาน้ำมะนาวออกมา นำน้ำมะนาวไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า โดยถูเบาๆ
ให้ทั่วประมาณ 1-2 นาที ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก
ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลประมาณภายใน 3 สัปดาห์
น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์
กรดน้ำส้มที่พบในน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์
เป็นสารฟอกผิวที่มีประสิทธิภาพมาก โดยกรดน้ำส้มนี้จะสามารถช่วยลบรอยฝ้า
รอยด่างดำ และทำให้ผิวนุ่นนวยและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการรักษาฝ้าด้วยน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีดังนี้
นำน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำเปล่ามาผสมกันในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน
น้ำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งเองโดยธรรมชาติ
จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดผิวให้แห้ง ควรทำอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
ขมิ้น
ขมิ้นสามารถช่วยลดสารเมลานินบนผิวหนังได้
อีกทั้งยังช่วยกำจัดฝ้าให้จางลงได้อีกด้วย
เคอคูมินเป็นส่วนประกอบหลักในขมิ้น
มีคุณสมบัติพิเศษทำให้ผิวเรากระจ่างใสขึ้น
และยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย สูตรขมิ้นรักษาฝ้า
สามารถทำได้ดังนี้ คือ
ผสมผงขมิ้นปริมาณ 5 ช้อนโต๊ะ กับนมปริมาณ 10 ช้อนโต๊ะ
แนะนำว่าควรเป็นนมชนิดที่ยังไม่ได้แยกไขมันออก
เพราะนมประเภทนี้จะยังมีกรดแลคติคและแคลเซี่ยมอยู่
เป็นตัวช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวนุ่มขึ้น
ผสมแป้งถั่วลูกไก่ลงไปเพื่อให้ส่วนผสมมันข้น
นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 20 นาที
หลังจากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก แล้วเซ็ดให้แห้ง เพื่อให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว
ควรทำสูตรนี้วันละครั้ง
น้ำหัวหอมใหญ่
สูตรรักษาฝ้าด้วยน้ำหัวหอมใหญ่เป็นอีกสูตรนึงที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ
ในหัวหอมใหญ่จะมีส่วนผสมของกำมะถันทำให้น้ำหัวหอมใหญ่สามารถแก้ฝ้าหรือทำให้ฝ้าจางลงได้
นอกจากนั้น น้ำหัวหอมใหญ่ยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวอีกด้วย
ขั้นตอนการทำน้ำหัวหอมใหญ่รักษาฝ้า มีดังนี้
นำหอมหัวใหญ่ 2-3 หัว มาสับให้ละเอียด นำผ้าขาวบางมาห่อ
จากนั้นก็บีบเอาน้ำหัวหอมใหญ่ออกมา
นำน้ำหัวหอมใหญ่ที่ได้มาผสมกับน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ในอัตราส่วนที่เท่ากัน
ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมที่ได้ จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ
20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำประมาณวันละ 2 รอบ
จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์
ว่านหางจระเข้
เชื่อหรือไม่ว่าเมือกเหนียวๆ
ในเนื้อว่านหางจระเข้มีสรรพคุณสามารถช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้
ทำให้สีผิวกลับไปเป็นสีปกติ
นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสียไปแล้วออกจากผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
วิธีรักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้ ทำได้ดังนี้ คือ
ตัดว่านหางจระเข้มา จากนั้นคว้านเอาเฉพาะเนื้อใสๆ ด้านใน
ทน้ำเนื้อว่านหางจระเข้ที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า นวดเบาๆ ประมาณ 1-2 นาที
ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออกให้สะอาด ควรทำวันละ 2
ครั้ง จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์
ข้าวโอ๊ต (Oatmeal)
ข้าวโอ๊ตเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว
โดยเฉพาะการทำให้จุดด่าง ดำบนใบหน้าลบเลือนลง
และข้าวโอ๊ตยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสียไปแล้ว
ทำให้ผิวของคุณดูสว่างใสมากยิ่งขึ้น สูตรข้าวโอ๊ตรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้ คือ
นำข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ และ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ผสมให้เข้ากัน นำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือมีรอยจุดด่าง ดำ ทิ้งไว้ประมาณ
20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง
ควรทำสูตรนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำต่อเนื่องประมาณ 1
เดือนจะเริ่มเห็นผล
อัลมอนด์
ปกติแล้วในอัลมอนด์จะมีโปรตีนในปริมาณสูง
หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนั้นยังมีวิตามิน อี
ช่วยบำรุงผิวและลบรอยหมองคล้ำบนผิวของเราได้ สูตรอัลมอนด์รักษาฝ้า ทำง่ายๆ
ดังนี้
ผสมผงอัลมอนด์กับน้ำผึ้งในปริมาณที่พอเหมาะ
นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ควรทำอาทิตย์ละ 3-4
ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่าจะเห็นผล
อีกทางเลือกนึง นำอัลมอนด์แช่ลงไปในน้ำนมให้ชุ่ม
จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด เติมน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
แล้วผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมครีมแก้ฝ้าที่ได้ไปทาบริเวณที่เกิดฝ้า
แนะนำให้ทำก่อนนอนแล้วทิ้งไว้จนถึงตอนเช้า
พอตื่นขึ้นมาก็ล้างออกด้วยน้ำเย็น แนะนะว่าควรทำทุกวันๆละ 1 ครั้ง ประมาณ 2
อาทิตย์จะเริ่มเห็นผล
ฮอร์สแรดิช (Horseradish)
หัวฮอร์สแรดิชสามารถนำมาใช้ในการรักษาฝ้าได้
ซึ่งวิธีนี้มีการใช้มานานแล้ว บ้านเราค่อนข้างหายากหน่อย
ฮอร์สแรดิชจะมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์ผิวเพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่
ลดรอยหมองคล้ำของผิวหนัง รวมถึงรักษาฝ้า หรือทำให้ฝ้าจางลงได้
วิธีใช้ฮอร์สแรดิชรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้
หั่นหัวฮอร์สแรดิชเป็นแว่นๆ จากนั้นก็นำไปถูบริเวณที่มีรอยฝ้า
ให้น้ำที่ซึมออกมาจากหัวฮอร์สแรดิชซึมเข้าไปในผิวหนัง ปล่อยไว้ให้แห้งเอง
หลังจากที่แห้งแล้วให้ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง
ควรทำอาทิตย์ละครั้งจนกว่ารอยดำจากฝ้าจะจางหายไป ผสมผงฮอร์สแรดิช 2
ช้อนโต๊ะกับครีมเปรี้ยวปริมาณ 1 ถ้วย ให้เข้ากัน
จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือรอบหมองคล้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผล
มะละกอ
แปปเพ็น เป็นเอนไซม์ชนิดนึงที่พบในมะละกอ
เอนไซม์ตัวนี้มีฤทธิ์ในการช่วยให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิวได้ดี
โดยช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่เสียหรือเสื่อมโทรม
ขั้นตอนการใช้มะละกอรักษาฝ้า ทำได้ตามนี้
นำมะละกอสุกมาบดให้เละ
ผสมน้ำผึ้งสองช้อนโต๊ะต่อมะละกอสุกบดหนึ่งถ้วยครึ่ง
นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำตามสูตรนี้อาทิตย์ละครั้ง
ต่อเนื่องกันหลายเดือนถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
ไม้จันทน์
ไม้จันทน์เป็นวัตถุดิบอีกตัวนึงที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวดูสว่าง ใส
ขึ้น นอกจากนั้นไม้จันทน์ยังช่วยให้สภาพผิวดีขึ้นและลดการเกิดฝ้า
รอยด่างดำ ต่างๆที่อาจจะเกิดกับผิวได้ มาดูวิธีใช้ไม้จันทน์รักษาฝ้า
กันได้เลย
นำผงไม้จันทน์ ผงขมิ้น และนมมาในอัตราส่วนที่เท่ากัน
จากนั้นผสมให้เข้ากันจนได้ส่วนผสมที่เหนียวๆ
นำส่วนผสมที่ได้จากการเตรียมข้อ 1 มาทาให้ทั่วบริเวณที่เกิดฝ้า
แล้วทิ้งไว้จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะแห้งไปเอง
หลังจากที่ส่วนผสมทั้งหมดแห้งแล้ว
ให้ใช้น้ำสะอาดลูบบริเวณที่ทาส่วนผสมลงไปให้พอเปียกๆ
จากนั้นก็ถูเป็นวงกลมรอบๆ บริเวณที่เป็นฝ้า สุดท้าย
ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ควรทำตามสูตรนี้ประมาณอาทิตย์ละ 3-4
ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน
ควบคู่ไปกับการใช้สมุนไพรรักษาฝ้า เราควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดด
อย่าโดนแดดแรงๆ เป็นเวลานานๆ และอย่าลืม
หากต้องออกไปสถานที่ที่ต้องโดนแสงแดดเป็นประจำ
เราควรทาโลชั่นป้องกันแสงแดดเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ผิวของเราโดนรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ทำร้าย
ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง
ดื่มน้ำในประมาณที่มากเพียงพอเพื่อกำจัดท็อกซินและป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า
จำไว้ว่าการป้องกันคือวิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด
ขอขอบคุณ : nomoremelasma