“หมาก ปริญ” เล่าเหตุการณ์คดีการ์ดตื๊บลูกนายพล ”คิมเบอร์ลี่” สภาพจิตใจดีขึ้น

หมาก ปริญ ขอพูดครั้งแรก หลังเหตุอื้อฉาวคดีรุมทำร้ายลูกชายนายพล ยืนยันเข้าใช้ห้องน้ำตามปกติ เตรียมพร้อมไปเชียงใหม่ เข้าให้ปากคำตำรวจ

งานเข้าเต็มๆ สำหรับ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” ที่เข้าตัวซึ่งหนุ่ม “หมาก” ก็ถูกโยงเอี่ยวกับคดีการ์ดตื๊บลูกนายพลกลางผับดังที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ล่าสุดได้เจอเจ้าตัวในงานรอบปฐมทัศ 15 หนังสั้น โปรเจกต์ เราเกิดบนแผ่นดินรัชกาลที่ 9 ก็เลยชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกับอัพเดทสภาพจิตใจของ “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” ให้ฟังว่า...

"เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอก ส่วนตัวยอมรับว่าไปที่นั่นแต่ยืนยันว่าเราไม่รู้เรื่องจริงๆ กับเรื่องการ์ดคือเราไม่ได้สังเกต แรกเริ่มเรานั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วเดินไปถามพี่คนหนึ่งว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน พอรู้ก็เดินไปกับพี่ที่กอง ก็เข้าห้องน้ำกันปกติ จนออกจากห้องน้ำมาก็ยังปกติ ในห้องไม่ได้มีเฉพาะเราคนเดียว"

"ก็ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่แถวนั้นบ้าง ที่บอกเราเข้าห้องน้ำนาน อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยรู้อะไรหรือเปล่า แต่อย่างที่บอกว่าเราเข้าห้องน้ำปกติทุกอย่าง ทำธุระส่วนตัวเสร็จเราก็ออกมาเลย กับที่คนโยงไปเรื่องยาเสพติดก็เข้าใจแหละว่าทุกคนสามารถคิดได้ แต่เรายืนยันได้ว่าการที่เราเข้าห้องน้ำก็เพื่อไปทำธุระส่วนตัวจริงๆ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นแน่นอน เอาจริงๆ ก็คือเข้าห้องน้ำประมาณ 1-2 นาทีได้"

"พอเรากลับมาที่โต๊ะก็ไม่เห็นเหตุการณ์วุ่นวายในร้านเลย จนกระทั่งตอนเช้าที่เป็นข่าวนั่นแหละ เรายังคุยกันเลยว่ามีเหตุการณ์นี้จริงๆ เหรอ เสียงโวยวายก็ไม่มี วันนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเราต้องถ่ายละคร คือเราไม่ได้สังเกตและไม่รู้เรื่องนี้เลย"

"จริงๆ ตอนนั้นเราไปที่ร้านประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ เพราะก่อนหน้านี้เราแวะอีกร้านเพื่อเลี้ยงส่งพี่ที่จะไปเรียนต่อก่อน หลังจากจบงานทางพี่ที่กองเขาก็ชวนเราเลยแวะไปสักพักเพราะมันไม่ไกลกันมาก เราก็บอกคุณพ่อคุณแม่ไว้ว่าเที่ยงคืนให้มารับกลับบ้านหน่อยนะ พอถึงเวลาท่านก็มารับ ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ทราบข่าวนี้แล้ว ท่านเครียดกว่าเราอีก กลัวว่าเราจะเกี่ยวด้วยแต่ตามจริงเราไม่รู้เรื่องเลย"

"กับทางพี่ “อุ้ม ลักขณา” ก็ไม่ได้คุยเลยแต่พี่เขาก็ฝากขอโทษมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ถามว่าเครียดกับเรื่องนี้ไหมก็ยอมรับว่าเครียด กังวลว่าทำไมเราถึงมีชื่ออยู่ในนั้น เราก็ยอมรับว่าไปจริงๆ ที่แบบนั้นก็สามารถจะเกิดเรื่องอะไรก็ตามได้ ก็ขอเตือนทุกๆ คนเลยแล้วกันว่าให้ระวังกันด้วย"

"สำหรับทางเจ้าหน้าที่ก็มีหมายเรียกพยานส่งมาถึงเรา ก็เพิ่งทราบเมื่อ 2-3 วันนี้เองเพราะจดหมายเขาส่งไปทางเชียงใหม่ เดี๋ยวเสร็จจากงานนี้เราก็จะบินไปทำธุระที่เชียงใหม่พอดีเลยคิดว่าจะทำเรื่องให้เรียบร้อยไปเลย ก็ไม่กังวลที่จะเจอเจ้าหน้าที่เลยเพราะทุกอย่างที่เรารู้คือความจริง ถ้าจะพูดก็พูดแบบนี้แหละ เราก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ สำหรับคนอื่นๆ เราไม่ทราบเหมือนกัน"

"ถามว่าเข็ดไปเที่ยวสถานบันเทิงไหมก็ยอมรับว่าเข็ดแต่บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้ ประสบการณ์ก็คงสอนให้เรารู้ว่าควรระวังตัวมากขึ้น มันก็ถือว่า..นะ อยู่ดีๆ ก็มีชื่อ เราก็คงต้องทำบุญบ้าง ล่าสุดนี้ก็เพิ่งไปบริจาคเลือดมาแต่ไม่ได้เกี่ยวกับแก้เคล็ดอะไรนะ จริงๆ เป็นความตั้งใจของเราอยู่แล้ว คือเป็นกิจกรรมของที่บ้านด้วย วันนั้นเราก็ไปปกติ"

"สำหรับเรื่องนี้ก็อยากจะบอกไปถึงผู้เสียหายว่าเรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย ส่วนคนอื่นๆ ก็อยากให้เสพข่าวสารกันอย่างมีสตินิดหนึ่ง เพราะการที่เราอยู่ในที่สว่างเราก็ต้องยอมรับว่าทุกคนเห็น สิ่งไหนที่เราผิดเราก็ต้องขอโทษ สิ่งไหนที่ดีคนชมเราก็ต้องขอบคุณ แต่สิ่งไหนที่เรายังไม่ได้ทำก็อยากให้ใช้สติกันนิดหนึ่ง"

"กับข่าวที่พี่ “บอล กฤษณะ” ถูกจับเราก็รู้สึกเป็นห่วงนะ ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะยาวไปถึงไหน ส่วนตัวเคยเจอพี่บอลพร้อมกับพี่อุ้ม 2 ครั้งที่กองถ่ายเพราะเขาสนิทกับผู้กำกับ ก็มีซื้อของกินไปฝากไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น"

"ส่วน “คิมเบอร์ลี่” ที่สูญเสียคุณพ่อไป เราก็ให้กำลังใจเขา ให้ความดูแลอย่างใกล้ชิด ตัวเราเองก็เสียใจเหมือนกันครับ เราเชื่อว่าถ้าถึงวันนั้นทุกคนก็ต้องการใครสักคนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา เราก็จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ สภาพจิตใจเขาตอนนี้ก็ดีขึ้นเพราะมีคนมาให้กำลังใจเขาเยอะมาก เขายังพูดเลยว่าถ้าพ่อรู้พ่อก็คงดีใจ"

"ส่วนที่ “มิ้นต์ ชาลิดา” ไปร่วมงานศพด้วยก็ไม่ได้เจอเพราะวันนั้นเราไม่ได้ไป พอดีติดถ่ายละครอยู่ ดีใจที่คนที่เคยเจอกันได้มาเจอกันในวันนั้น ก็รุ้สึกดี ไม่มีอะไร ถ้ามีการกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งก็ยินดี”


ที่มา  http://news.sanook.com/2112506/