"พล.ต.ต.วิสุทธิ์
วานิชบุตร" เผยเรื่องคดีวิศวกรหนุ่มใหญ่ยิงเด็กม. 4 ดับที่ชลบุรี ระบุ
ยังไม่เห็นการสอบสวนคนขับรถตู้ที่พาวัยรุ่นไปเที่ยว
แล้วกลับทำให้เกิดเหตุบานปลาย ขณะที่นายความชื่อดัง "อนันต์ชัย ไชยเดช"
ระบุฝ่ายหนุ่มใหญ่วิศวกร สู้เรื่องป้องกันตัวได้อยู่
แนะปชช.วางตัวเป็นกลางให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน...
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร อดีต รองผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผยในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์" ทางช่องช่องสปริงนิวส์ ถึงกรณีคดีของนายสุเทพ โภชน์สมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกรหนุ่มใหญ่ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่กรูเข้ามารุมล้อมรถยนต์เก๋ง จนทำให้นายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอนด์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.4 เสียชีวิต ว่า หลังจากดูคลิปทั้ง 3 คลิปแล้ว กลับไม่มีใครพูดถึงคนขับรถตู้เลย ถ้าคนขับรถตู้ไม่จอดซ้อนคันแต่แรก ถ้าคนขับรถตู้ไม่วิ่งไล่เปิดไฟสูงใส่รถของนายสุเทพ และถ้าหากคนขับรถตู้ ไม่ขับรถไปจอดเพื่อให้วัยรุ่นลงไปเอาเรื่อง ก็จะไม่มีเหตุทะเลาะวิวาท หรือเหตุบานปลายเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมองได้ว่าเรื่องนี้คนขับรถตู้เป็นตัวการด้วย จะมาอ้างว่าเด็กวัยรุ่นบังคับนั้นไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นผู้ขับขี่มีสิทธิ์จะห้ามปรามแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตามในสายตานักกฎหมายกรณีของนายสุเทพ จะมีส่วนร่วมทำให้เกิดเหตุหรือไม่ ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้นมีส่วนหรือไม่ หากมีส่วนร่วมแล้วจะไปอ้างว่าทำเพื่อป้องกันตัวก็คงจะไม่ได้ ตอนนี้ขอให้กระบวนการสอบสวนทางกฎหมายดำเนินต่อไปก่อน
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง กล่าวถึงคดีนี้ว่า ในมุมมองของนักกฎหมาย คุณสุเทพจำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้อาวุธปืนอันเป็นการสมควรแก่เหตุ ทั้งที่ข้อเท็จจริงพฤติการณ์ของคดีนี้เหมือน "ขิงก็ราข่าก็แรง" คือ "เดือดด้วยกันทั้งคู่" อย่าลืมว่ากฎหมายเขาไม่ต้องการให้ทะเลาะกัน ทั้งยังไม่ให้พกปืนไปในเมืองชุมชน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและสมควรแก่พฤติการณ์ แต่การพกปืนไปกินข้าวมันไม่มีเหตุ แล้วยิ่งในคลิปมีการแสดงความไม่พอใจ พูดจาเชิงจะยิงใส่คู่กรณีแต่แรก อาจส่อเป็นการเตรียมการมาแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตามในทิศทางการต่อสู้ของรูปคดีนี้ ก็ยังสามารถต้องสู้ในเรื่องป้องกันตัวเอาไว้ก่อนได้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารในคดีนี้ วางตัวเป็นกลางที่สุด ฝ่ายไหนมีพยานหลักฐานก็นำออกมาต่อสู้กันในทางกฎหมาย เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินต่อไป
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร อดีต รองผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผยในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์" ทางช่องช่องสปริงนิวส์ ถึงกรณีคดีของนายสุเทพ โภชน์สมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกรหนุ่มใหญ่ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่กรูเข้ามารุมล้อมรถยนต์เก๋ง จนทำให้นายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอนด์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.4 เสียชีวิต ว่า หลังจากดูคลิปทั้ง 3 คลิปแล้ว กลับไม่มีใครพูดถึงคนขับรถตู้เลย ถ้าคนขับรถตู้ไม่จอดซ้อนคันแต่แรก ถ้าคนขับรถตู้ไม่วิ่งไล่เปิดไฟสูงใส่รถของนายสุเทพ และถ้าหากคนขับรถตู้ ไม่ขับรถไปจอดเพื่อให้วัยรุ่นลงไปเอาเรื่อง ก็จะไม่มีเหตุทะเลาะวิวาท หรือเหตุบานปลายเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมองได้ว่าเรื่องนี้คนขับรถตู้เป็นตัวการด้วย จะมาอ้างว่าเด็กวัยรุ่นบังคับนั้นไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นผู้ขับขี่มีสิทธิ์จะห้ามปรามแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตามในสายตานักกฎหมายกรณีของนายสุเทพ จะมีส่วนร่วมทำให้เกิดเหตุหรือไม่ ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้นมีส่วนหรือไม่ หากมีส่วนร่วมแล้วจะไปอ้างว่าทำเพื่อป้องกันตัวก็คงจะไม่ได้ ตอนนี้ขอให้กระบวนการสอบสวนทางกฎหมายดำเนินต่อไปก่อน
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง กล่าวถึงคดีนี้ว่า ในมุมมองของนักกฎหมาย คุณสุเทพจำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้อาวุธปืนอันเป็นการสมควรแก่เหตุ ทั้งที่ข้อเท็จจริงพฤติการณ์ของคดีนี้เหมือน "ขิงก็ราข่าก็แรง" คือ "เดือดด้วยกันทั้งคู่" อย่าลืมว่ากฎหมายเขาไม่ต้องการให้ทะเลาะกัน ทั้งยังไม่ให้พกปืนไปในเมืองชุมชน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและสมควรแก่พฤติการณ์ แต่การพกปืนไปกินข้าวมันไม่มีเหตุ แล้วยิ่งในคลิปมีการแสดงความไม่พอใจ พูดจาเชิงจะยิงใส่คู่กรณีแต่แรก อาจส่อเป็นการเตรียมการมาแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตามในทิศทางการต่อสู้ของรูปคดีนี้ ก็ยังสามารถต้องสู้ในเรื่องป้องกันตัวเอาไว้ก่อนได้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารในคดีนี้ วางตัวเป็นกลางที่สุด ฝ่ายไหนมีพยานหลักฐานก็นำออกมาต่อสู้กันในทางกฎหมาย เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินต่อไป