ตัดขาผมทำไม..!!
โซเชียลเดือด ชายคนหนึ่ง "ขาแพลง" จึงไปหาหมอโรงพยาบาลดัง
แต่สุดท้ายกลับต้องถูก "ตัดขา" แฉการจัดการสุดชุ่ย ทำลายอนาคตคนไข้
แถมยังพูดแบบนี้..!! #รับไม่ได้
เป็นเหตุการที่น่าตกใจมากเมื่อมีการแชร์ต่อไกันในโลกโซเชียล จากเหตุการที่เหมือนจะไม่มีอะไรร้ายแรง แต่กลับกลายเป้นเรื่องที่ใหญ่โต แถมยังมีคนให้ความสนใจและพูดถึงมากมาย เรามาฟังกันเลยว่า เหตุการเป็นมาอย่างไร และจะจบอย่างไร... โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมตกเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองกันอีกครั้ง ในด้านการรักษาผิดพลาดของแพทย์ที่ทำให้คนไข้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างถึงที่สุด หลังจากที่เขาได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังด้วยอาการขาแพลง แต่ผลสุดท้ายกลับต้องถูกตัดขาเพราะความผิดพลาดของแพทย์และโรงพยาบาล แถมหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ติดต่อมาสอบถามอาการจนบัดนี้
ทำให้เขาต้องเผชิญกับชะตากรรมแสนโหดร้าย กลายเป็นคนพิการ สูญเสียทั้งงานและอนาคต ในขณะที่ทางโรงพยาบาลยังยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองเขาได้เดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากที่ตกบันได 1 ขั้นจนขาซ้ายแพลง ซึ่งแพทย์ได้ตรวจและเอกซเรย์ วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ จึงทำการใส่เฝือกให้และแอดมิทในคืนนั้น แต่แล้วในเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็รู้สึกเจ็บเท้ามากกว่าเดิม แพทย์จึงเข้ามาดูอาการและทำการขยายเฝือกออกให้ ซึ่งขณะนั้นนิ้วเท้าของเขาเริ่มมีสีเขียวช้ำและคล้ำเป็นจุด ๆ
จากนั้นทางโรงพยาบาลได้เปลี่ยนแพทย์คนใหม่มาดูแล และนำเขาไปทำเอกซเรย์กับ MRI วินิจฉัยว่าเอ็นฉีก จึงทำการรักษาใหม่อีกครั้งด้วยการเข้าเฝือกใหม่ให้แน่นกว่าเดิม ซึ่งทำให้คืนนั้นเขารู้สึกปวดตลอดเวลาจนนอนไม่ได้ แม้พยาบาลจะฉีดยาแก้ปวดให้ทั้งคืนแต่อาการก็ไม่ทุเลา นอกจากนี้เขายังเริ่มรู้สึกว่านิ้วเท้าข้างซ้ายเริ่มชาและมีรอยช้ำมากกว่าเดิมด้วย แพทย์จึงขยายเฝือกให้อีกรอบหลังจากนอนโรงพยาบาลไป 3 คืน เสียค่าใช้จ่ายไป 94,000 บาท แพทย์ก็ให้กลับบ้านได้ทั้ง ๆ ที่เขายังบ่นว่าเจ็บเท้า ซึ่งหลังจากกลับไปที่บ้าน ในคืนแรกเขาก็เริ่มเจ็บเท้ามากขึ้น จนเข้าคืนที่สองก็ทนไม่ไหวจนต้องกลับมาโรงพยาบาลแห่งเดิมอีกครั้งใน
หลังจากแจ้งอาการไปแพทย์ก็ผ่าเฝือกตรวจดู จากนั้นก็ให้แพทย์ที่เกี่ยวกับเส้นเลือดโดยตรงมาตรวจอาการ ก่อนสั่งให้ไปฉีดสีซึ่งมีค่าใช้จ่ายอีก 20,000 บาท ซึ่งผลที่ได้แพทย์วินิจฉัยว่าเลือดที่ปลายเท้าของเขาแข็งตัวไปแล้ว ทำให้เลือดไปเลี้ยงปลายเท้าไม่ได้ ต้องผ่าตัดด่วนภายใน 4 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000 บาท และเร่งให้ชำระค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดภายในวันนั้นเลย เขาจึงตัดสินใจโทรหาญาติเพื่อปรึกษาและเล่ารายละเอียดของการรักษาของทางโรงพยาบาลให้ญาติฟังจากนั้นเขาและญาติจึงตัดสินใจขอย้ายโรงพยาบาลเพื่อไปรักษาที่อื่น เนื่องจากค่ารักษาแพงเกินไป แต่เมื่อทำการติดต่อทางโรงพยาบาลศิริราชแล้ว ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้กลับยืนยันว่าจะขอทำการรักษาและผ่าตัดเอง โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัดทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด จึงได้ผ่าตัดในเวลา 23.00 น. ซึ่งแพทย์แจ้งว่าหลังจากผ่าตัดเพียง 1 สัปดาห์ก็จะหายเอง
แต่เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น แพทย์ที่ผ่าตัดกลับบอกว่าเซลล์ของเนื้อส่วนเท้าของเขาเสีย เพราะเลือดไม่ไปเลี้ยงที่เท้า จำเป็นต้อง "ตัดขาทิ้ง" เขาจึงโทรศัพท์หาญาติ ทางญาติจึงขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้งและทำเรื่องไว้ตั้งแต่ 09.00 น. แต่ทางโรงพยาบาลเอกชนกลับยื้อไว้ไม่ยอมทำเรื่องย้าย จนญาติของเขาต้องโวยวายเพราะไม่มั่นใจในการรักษาของโรงพยาบาลอีกต่อไป กระทั่งเวลา 17.00 น. จึงได้ย้ายโรงพยาบาลในที่สุด
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ คุณวรพัทธ์ สุพลนพนันท์ ได้ถามความคิดเห็นจากชาวเน็ตว่าเขาควรทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยชาวเน็ตที่ได้ทราบเรื่องต่างก็เข้ามาให้กำลังใจแก่เขา พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการดำเนินคดี และเรียกร้องค่าเสียหายจากโรงพยาบาลเอกชน โดยการฟ้องโรงพยาบาลเองหรือไม่ก็แจ้งเรื่องไปยังแพทยสภา เพื่อให้เข้ามาดำเนินการกับเรื่องดังกล่าว
เป็นเหตุการที่น่าตกใจมากเมื่อมีการแชร์ต่อไกันในโลกโซเชียล จากเหตุการที่เหมือนจะไม่มีอะไรร้ายแรง แต่กลับกลายเป้นเรื่องที่ใหญ่โต แถมยังมีคนให้ความสนใจและพูดถึงมากมาย เรามาฟังกันเลยว่า เหตุการเป็นมาอย่างไร และจะจบอย่างไร... โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมตกเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองกันอีกครั้ง ในด้านการรักษาผิดพลาดของแพทย์ที่ทำให้คนไข้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างถึงที่สุด หลังจากที่เขาได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังด้วยอาการขาแพลง แต่ผลสุดท้ายกลับต้องถูกตัดขาเพราะความผิดพลาดของแพทย์และโรงพยาบาล แถมหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ติดต่อมาสอบถามอาการจนบัดนี้
ทำให้เขาต้องเผชิญกับชะตากรรมแสนโหดร้าย กลายเป็นคนพิการ สูญเสียทั้งงานและอนาคต ในขณะที่ทางโรงพยาบาลยังยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองเขาได้เดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากที่ตกบันได 1 ขั้นจนขาซ้ายแพลง ซึ่งแพทย์ได้ตรวจและเอกซเรย์ วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ จึงทำการใส่เฝือกให้และแอดมิทในคืนนั้น แต่แล้วในเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็รู้สึกเจ็บเท้ามากกว่าเดิม แพทย์จึงเข้ามาดูอาการและทำการขยายเฝือกออกให้ ซึ่งขณะนั้นนิ้วเท้าของเขาเริ่มมีสีเขียวช้ำและคล้ำเป็นจุด ๆ
จากนั้นทางโรงพยาบาลได้เปลี่ยนแพทย์คนใหม่มาดูแล และนำเขาไปทำเอกซเรย์กับ MRI วินิจฉัยว่าเอ็นฉีก จึงทำการรักษาใหม่อีกครั้งด้วยการเข้าเฝือกใหม่ให้แน่นกว่าเดิม ซึ่งทำให้คืนนั้นเขารู้สึกปวดตลอดเวลาจนนอนไม่ได้ แม้พยาบาลจะฉีดยาแก้ปวดให้ทั้งคืนแต่อาการก็ไม่ทุเลา นอกจากนี้เขายังเริ่มรู้สึกว่านิ้วเท้าข้างซ้ายเริ่มชาและมีรอยช้ำมากกว่าเดิมด้วย แพทย์จึงขยายเฝือกให้อีกรอบหลังจากนอนโรงพยาบาลไป 3 คืน เสียค่าใช้จ่ายไป 94,000 บาท แพทย์ก็ให้กลับบ้านได้ทั้ง ๆ ที่เขายังบ่นว่าเจ็บเท้า ซึ่งหลังจากกลับไปที่บ้าน ในคืนแรกเขาก็เริ่มเจ็บเท้ามากขึ้น จนเข้าคืนที่สองก็ทนไม่ไหวจนต้องกลับมาโรงพยาบาลแห่งเดิมอีกครั้งใน
หลังจากแจ้งอาการไปแพทย์ก็ผ่าเฝือกตรวจดู จากนั้นก็ให้แพทย์ที่เกี่ยวกับเส้นเลือดโดยตรงมาตรวจอาการ ก่อนสั่งให้ไปฉีดสีซึ่งมีค่าใช้จ่ายอีก 20,000 บาท ซึ่งผลที่ได้แพทย์วินิจฉัยว่าเลือดที่ปลายเท้าของเขาแข็งตัวไปแล้ว ทำให้เลือดไปเลี้ยงปลายเท้าไม่ได้ ต้องผ่าตัดด่วนภายใน 4 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000 บาท และเร่งให้ชำระค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดภายในวันนั้นเลย เขาจึงตัดสินใจโทรหาญาติเพื่อปรึกษาและเล่ารายละเอียดของการรักษาของทางโรงพยาบาลให้ญาติฟังจากนั้นเขาและญาติจึงตัดสินใจขอย้ายโรงพยาบาลเพื่อไปรักษาที่อื่น เนื่องจากค่ารักษาแพงเกินไป แต่เมื่อทำการติดต่อทางโรงพยาบาลศิริราชแล้ว ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้กลับยืนยันว่าจะขอทำการรักษาและผ่าตัดเอง โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัดทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด จึงได้ผ่าตัดในเวลา 23.00 น. ซึ่งแพทย์แจ้งว่าหลังจากผ่าตัดเพียง 1 สัปดาห์ก็จะหายเอง
แต่เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น แพทย์ที่ผ่าตัดกลับบอกว่าเซลล์ของเนื้อส่วนเท้าของเขาเสีย เพราะเลือดไม่ไปเลี้ยงที่เท้า จำเป็นต้อง "ตัดขาทิ้ง" เขาจึงโทรศัพท์หาญาติ ทางญาติจึงขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้งและทำเรื่องไว้ตั้งแต่ 09.00 น. แต่ทางโรงพยาบาลเอกชนกลับยื้อไว้ไม่ยอมทำเรื่องย้าย จนญาติของเขาต้องโวยวายเพราะไม่มั่นใจในการรักษาของโรงพยาบาลอีกต่อไป กระทั่งเวลา 17.00 น. จึงได้ย้ายโรงพยาบาลในที่สุด
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ คุณวรพัทธ์ สุพลนพนันท์ ได้ถามความคิดเห็นจากชาวเน็ตว่าเขาควรทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยชาวเน็ตที่ได้ทราบเรื่องต่างก็เข้ามาให้กำลังใจแก่เขา พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการดำเนินคดี และเรียกร้องค่าเสียหายจากโรงพยาบาลเอกชน โดยการฟ้องโรงพยาบาลเองหรือไม่ก็แจ้งเรื่องไปยังแพทยสภา เพื่อให้เข้ามาดำเนินการกับเรื่องดังกล่าว