เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 มี.ค. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองโฆษก ดีเอสไอ
กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายอัยย์ เพชรทอง ได้ที่ตลาดกลางคลองหลวง
จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า
เนื่องจากดีเอสไอได้ออกหนังสือเรียกนายอัยย์ให้มารายงานตัวในวันที่ 3
มี.ค.นี้ แต่เนื่องจากว่าเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่พบนายอัยย์เดินทางไปที่ตลาดกลางคลองหลวง
หลังมีเหตุการพยายามจะอ้างเรื่องการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนา เชียงแรง
ที่เสียชีวิตจากโรคหอบหืด เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา
และนำประเด็นนี้มาใช้ในการเคลื่อนไหว
เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปเชิญตัวนายอัยย์มาสักถามที่บก.ตชด.ภ.1
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพบว่าที่ผ่านมานายอัยย์มีพฤติการณ์เคลื่อนไหวการต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จึงให้ฝ่ายกฎหมายไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายอัยย์ที่ สภ.คลองหลวง ซึ่งมีหลายข้อหาด้วยกัน แต่เนื่องจากนายอัยย์ยังไม่มีความผิดซึ่งหน้า จึงได้แจ้งข้อหาและปล่อยตัวกลับไป ในส่วนของดีเอสไอเราได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้นายอัยย์เดินทางไปที่ตลาดกลางคลองหลวงอีก หากเจ้าหน้าที่พบก็ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าและจะถูกจับกุมดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งคสช. ทันที
รองโฆษก ดีเอสไอ กล่าวถึง กรณีทางวัดพระธรรมกายจะออกมาอธิบายเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนา ว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา เราได้ประชุมเพื่อหารือกันว่าหากปล่อยให้กระทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานมากขึ้น อาจจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง เช่นเดียวกับกรณีของนายองอาจ ธรรมนิททา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ หากเข้าข่ายความผิดฝ่ายกฎหมายก็คงไปร้องทุกข์ดำเนินคดีอีกครั้ง
"อยากฝากไปถึงประชาชนว่าข้อมูลที่ท่านได้รับตามโซเชียลต่างๆ อยากให้ระมัดระวังในการรับ ซึ่งรับได้แต่อย่าส่งต่อ เพราะหากข้อมูลที่ท่านส่งต่อไปเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จขึ้นมา ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งเรากำลังมองว่าตรงนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญของฝ่ายผู้ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อยู่ ซึ่งตอนแรกเราก็พยายามจะไม่ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสาร แต่ตอนหลังมันไม่ใช่ มันเป็นข่าวสารบิดเบือน ทำให้สงคมสับสน" รองโฆษก ดีเอสไอกล่าวและว่า การเสียชีวิตครั้งนี้ ในทางกฎหมายเรียกว่าการตายผิด
ธรรมชาติ คือยังไม่ปรากฎเหตุการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพก่อนพ.ต.ต.วรณัน กล่าวด้วยว่า อย่างกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐจะชี้แจงการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนาที่ดูเหมือนจะล่าช้านั้น เนื่องจากรัฐต้องพูดเรื่องที่เป็นความจริง ซึ่งก่อนที่เราจะตอบคำถามในเรื่องนี้ ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์ มาลำดับเหตุการณ์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง เราถึงจะพูดออกไป ซึ่งตรงนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นข้อด้อย แต่ตนมองว่าเป็นข้อเด่น ซึ่งการยืนยันของรัฐเป็นเรื่องจริง ท่านสามารถเอาไปแชร์ได้ แต่ฝ่ายอื่นออกมาแล้วไม่ตรงกับรัฐถ้าท่านแชร์ไปพึงระวัง
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวถึงการดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 116 ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งคลิปวีดีโอและข้อความบนเฟซบุ๊กที่มีการเผยแพร่มาตรวจสอบ เหมือนกับกรณีของนายองอาจว่านอกจากเรื่องขัดคำสั่งคสช.แล้ว จะมีความผิดอื่นรวมอีกหรือไม่ หากมีเราก็จะต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบของพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการขัดหมายเรียกที่ดีเอสไอได้ออกไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เรากำลังพิจารณาถึงพระสงฆ์รูปอื่นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีอาจมีการเสนอให้มีการใช้กฎอัยการศึก พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา
ขอบคุณ khaosod.co.th
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพบว่าที่ผ่านมานายอัยย์มีพฤติการณ์เคลื่อนไหวการต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จึงให้ฝ่ายกฎหมายไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายอัยย์ที่ สภ.คลองหลวง ซึ่งมีหลายข้อหาด้วยกัน แต่เนื่องจากนายอัยย์ยังไม่มีความผิดซึ่งหน้า จึงได้แจ้งข้อหาและปล่อยตัวกลับไป ในส่วนของดีเอสไอเราได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้นายอัยย์เดินทางไปที่ตลาดกลางคลองหลวงอีก หากเจ้าหน้าที่พบก็ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าและจะถูกจับกุมดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งคสช. ทันที
รองโฆษก ดีเอสไอ กล่าวถึง กรณีทางวัดพระธรรมกายจะออกมาอธิบายเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนา ว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา เราได้ประชุมเพื่อหารือกันว่าหากปล่อยให้กระทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานมากขึ้น อาจจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง เช่นเดียวกับกรณีของนายองอาจ ธรรมนิททา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ หากเข้าข่ายความผิดฝ่ายกฎหมายก็คงไปร้องทุกข์ดำเนินคดีอีกครั้ง
"อยากฝากไปถึงประชาชนว่าข้อมูลที่ท่านได้รับตามโซเชียลต่างๆ อยากให้ระมัดระวังในการรับ ซึ่งรับได้แต่อย่าส่งต่อ เพราะหากข้อมูลที่ท่านส่งต่อไปเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จขึ้นมา ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งเรากำลังมองว่าตรงนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญของฝ่ายผู้ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อยู่ ซึ่งตอนแรกเราก็พยายามจะไม่ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสาร แต่ตอนหลังมันไม่ใช่ มันเป็นข่าวสารบิดเบือน ทำให้สงคมสับสน" รองโฆษก ดีเอสไอกล่าวและว่า การเสียชีวิตครั้งนี้ ในทางกฎหมายเรียกว่าการตายผิด
ธรรมชาติ คือยังไม่ปรากฎเหตุการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพก่อนพ.ต.ต.วรณัน กล่าวด้วยว่า อย่างกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐจะชี้แจงการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนาที่ดูเหมือนจะล่าช้านั้น เนื่องจากรัฐต้องพูดเรื่องที่เป็นความจริง ซึ่งก่อนที่เราจะตอบคำถามในเรื่องนี้ ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์ มาลำดับเหตุการณ์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง เราถึงจะพูดออกไป ซึ่งตรงนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นข้อด้อย แต่ตนมองว่าเป็นข้อเด่น ซึ่งการยืนยันของรัฐเป็นเรื่องจริง ท่านสามารถเอาไปแชร์ได้ แต่ฝ่ายอื่นออกมาแล้วไม่ตรงกับรัฐถ้าท่านแชร์ไปพึงระวัง
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวถึงการดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 116 ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งคลิปวีดีโอและข้อความบนเฟซบุ๊กที่มีการเผยแพร่มาตรวจสอบ เหมือนกับกรณีของนายองอาจว่านอกจากเรื่องขัดคำสั่งคสช.แล้ว จะมีความผิดอื่นรวมอีกหรือไม่ หากมีเราก็จะต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบของพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการขัดหมายเรียกที่ดีเอสไอได้ออกไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เรากำลังพิจารณาถึงพระสงฆ์รูปอื่นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีอาจมีการเสนอให้มีการใช้กฎอัยการศึก พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา
ขอบคุณ khaosod.co.th