16โจ๋แก๊งไขควง อ้างต่อสู้ป้องกันตัว เพราะ น้องปอนด์ ตัวใหญ่กว่า

14 มี.ค. ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่น 16 คน ที่รุมทำร้ายและใช้ไขควงแทงทะลุกระโหลกศีรษะ นายธีระพงษ์ ฐิตะฐาน หรือน้องปอนด์ อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม ไปฝากขังภายหลังการสอบสวนเสร็จสิ้น โดยแยกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา 15 คน ส่วนอีก 1 คนซึ่งยังเป็นเยาวชนได้ควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
พล.ต.อ.ศีรวราห์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 16 คนยังให้การภาคเสธโดยอ้างว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทและไม่มีเจตนาที่จะฆ่า และเป็นการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเนื่องจากผู้ตายมีรูปร่างที่ใหญ่โตกว่า โดยมี 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ยอมรับด้วยว่าเป็นผู้ที่ใช้ไขควงซึ่งหยิบจากในห้องของผู้ตายมาใช้เป็นอาวุธแทงจริง แต่ผู้ต้องหารายนี้จะเป็นใครและเป็นบุตรชายของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่นั้นคงบอกไม่ได้

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่าทั้งนี้จากการสอบปากคำในครั้งนี้รวมกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ พบว่าสอดคล้องกับข้อเท็จจริง รวมทั้งผู้ต้องหายังได้เซ็นรับสารภาพในสำนวนอีกด้วย ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวไปแล้วทั้งหมด 4 ข้อหาด้วยกันคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันบุกรุกในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นและอั้งยี่ซ่องโจร ส่วนจะแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องเจตนาอีกครั้งซึ่งในคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนจะขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมข่มขู่พยานตามที่มีผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.ชะอำ แล้ว

"สำหรับการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คงจะยังไม่นำตัวไป เนื่องจากทางฝ่ายผู้ต้องหาเองก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย แต่ตนให้ขอหมายค้นเพื่อเก็บหลักฐานที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในกทม.ด้วย พร้อมยอมรับด้วยว่าในกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดมีลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 1 คนอีกด้วย
อย่างไรก็ตนยอมรับว่าการสอบปากคำครั้งนี้ได้รายละเอียดหลายส่วนจากสำนวนเดิม เนื่องจากมีบางประเด็นที่กลุ่มผู้ต้องไม่เคยให้การ แต่ก็เพิ่งจะมาให้ปากคำในครั้งนี้รวมทั้งยังให้การพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นอีกหลายคน ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้แต่หากพยานหลักฐานถึงก็จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบสำนวนเดิม ก็ต้องยอมรับว่ายังมีข้อบกพร่องในบางส่วน แต่ก็เป็นเรื่องปกติซึ่งไม่มีสาระสำคัญอะไร" พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

Cr.khaosod