เมื่อไปถึงพบ น.ส.คนึง กำลังดูแลเช็ดตัว ทำความสะอาดร่างกายให้กับสามี เพื่อเตรียมไปทำแผลผ่าตัดที่โรงพยาบาลซาลคามิลโล จากนั้นน.ส.คนึง กล่าวว่า ตนเป็นหม้ายและมีลูกสาวอยู่ 1 คน ต่อมาได้มาพบและใช้ชีวิตคู่กับนายบำรุงถึง 16 ปี โดยไม่มีบุตรร่วมกัน และช่วยกันทำมาหากินปกติ โดยสามีจะออกทำงานรับจ้างทั่วไป จับกัง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามโรงงานต่างๆ ส่วนตนจะทำงานรับจ้าง ต่อมาเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน ตนป่วยด้วยอาการเนื้องอกในต่อมใต้สมอง ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช โดยเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่ด้วยอาการของโรค ส่งผลทำให้ตนมีอาการหลงลืมเป็นบางครั้ง และตามข้อกระดูกต่างๆ ก็บวมปูดโปนจนเห็นได้ชัด นอกจากนั้นตนยังป่วยด้วยโรคหัวใจโต ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง และเคยล้มหมดสติไปหลายครั้ง สามีจึงให้ตนหยุดทำงาน และเป็นฝ่ายหาเลี้ยงมาโดยตลอด
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน สามีมีบาดแผลที่รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย จึงได้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ พบว่าป่วยด้วยโรคเบาหวาน บาดแผลก็ลุกลามมากขึ้น จนกระทั่งต้องตัดขาทั้งสองข้างตั้งแต่บริเวณหัวเข่าลงมาทิ้ง แล้วกลายสภาพเป็นผู้พิการ
ส่วนที่พักอาศัยก็เป็นของน้องสาวที่ตนมาเช่าช่วงต่อ แต่ปัจจุบันไม่มีเงินจ่ายค่าเช่ามาแล้วหลายเดือน และด้วยโรคประจำตัวที่เป็น ส่งผลทำให้ตนไม่สามารถทำงานหนักได้ จึงทำได้แค่เพียงรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ทั้ง ซักรีดผ้า รับบรรจุน้ำปลาพริก กรีดข้าวโพด ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการดูแลรักษาโรคของตนและสามี รายได้อีกส่วนหนึ่งมาจากเบี้ยผู้พิการ และลูกสาว แต่ไม่ได้ทุกเดือน เนื่องจากลูกก็มีภาระทางครอบครัว ทุกวันนี้ชาวบ้านสงสารคอยเอาข้าวมาแบ่งให้กิน และพระสงฆ์นำของที่บิณฑบาตมาแบ่งให้
แต่ทว่า ตนและสามีต้องการหาเลี้ยงชีพพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่เป็นภาระของผู้อื่น จึงอยากวอนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและผู้ใจบุญ เรื่องขาเทียมของสามี และทุนในการดัดแปลงรถจักรยานยนต์คันเก่าที่มีอยู่เป็นรถแบบ 3 ล้อ เพื่อให้สามีได้ออกขายลอตเตอรี่ ส่วนตนอยากได้งานรับจ้างเพิ่มเติมให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีรายได้เข้ามาปลดหนี้สินต่อไป สำหรับผู้ที่อยากให้ความช่วยเหลือ สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารออมสิน สาขาบ้านโป่ง ชื่อบัญชี น.ส.คนึง บุญเทียม หมายเลขบัญชี 020202412597 หรือติดต่อ น.ส.คนึง หมายเลข 087-4032374