หลักฮวงจุ้ย ความเชื่อในการออกแบบของสถาปัตยกรรมแบบจีน
ที่เชื่อว่าโลกของเรามีการไหลเวียนของพลังงานอยู่ ดังนั้นสิ่งก่อสร้างต่างๆ
ที่อยู่บนพื้นโลกก็เช่นกัน ย่อมได้รับผลของการไหลเวียนพลังงานนั้น
ถ้าหากมีการก่อสร้างที่เป็นการขวางพลังงานที่ดี
ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออาคารนั้นรวมไปถึงผู้อยู่อาศัยภายในได้
หลักฮวงจุ้ยนี้ได้รับความนิยมในการนำไปปรับใช้กับการสร้างอาคารต่างๆ ในปัจจุบันอย่างมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยประสบกับความโชคดีและร่มเย็นเป็นสุข
นอกจากเรื่องของความโชคดีแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการทำตามหลักฮวงจุ้ยนั่นก็คือ รูปแบบของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและแปลกตา
ประเทศฮ่องกง
ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีตึกระฟ้าที่สวยงามอยู่มากมาย
การออกแบบและก่อสร้างอาคารสูงเหล่านั้นถูกออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึงหลัก
“ฮวงจุ้ย”เป็นสำคัญ
การจัดตำแหน่งของทางเข้าอาคารและเฟอร์นิเจอร์ภายในตามหลักของฮวงจุย มีความเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองของเจ้าของอาคาร
ความเชื่อนี้ถูกพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ ในการสร้างบ้านหรือซื้อขายอาคารส่วนมากในเกาะฮ่องกง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อไม่มีหลักการทางวิทยาศาตร์ยืนยันได้
หลักฮวงจุุ้ยเคยถูกปราบปรามครั้งใหญ่ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของประเทศจีนช่วงปี 1960 แต่กลับมาได้รับความนิยม อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มีหลายบริษัทถึงขั้นจัดสรรงบเพื่อไว้สำหรับปรึกษาเกี่ยวกับฮวงจุ้ย
โดยคำแนะนำของการวางฮวงจุ้ยก็มีตั้งแต่ การจัดวางตำแหน่งของโต๊ะผู้บริหาร การเอาเหรียญมาวางไว้ใต้พรม หรือแม้กระทั่งการวางรูปแบบของอาคารใหม่เลยทีเดียว
ตัวอย่างของความเชื่อนี้ที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดวางอาคารต่างๆ เช่น ตึกสำนักงานใหญ่ของธนาคารระดับโลกอย่าง HSBC ได้นำรูปหล่อของสิงห์โตสองตัวมาตั้งที่หน้าสำนักงาน
มีการปรับทิศทางของบันไดเลื่อนเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายจากจากอ่าว Victoria เข้าสู่ออฟฟิส และสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ไว้ด้านบนสุดของอาคารเพื่อเป็นการยิงส่งชั่วร้ายที่มาจากอาคารตรงข้ามอีกด้วย
อาจเป็นเพราะการแก้ฮวงจุ้ยนี้เองที่ยังคงทำให้ธนาคาร HSBC ยังคงดำเนินกิจการได้ถึงจนทุกวันนี้ เพราะอาคารที่อยู่บริเวณเดียวกันที่ละเลยการวางฮวงจุ้ยต่างก็ต้องพบกับโชคร้าย
อย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ อย่าง Bank of China ก็มีผลประกอบการที่ไม่ดี หรือ อาคาร Lippo Center ที่ต้องถึงขั้นล้มละลายและขายกิจการไปเลยทีเดียว
ขณะนี้อาคารต่างๆ ในเกาะอ่องกงมีการก่อสร้างที่ถูกหลักฮวงจุ้ยอย่างมาก บางอาคารที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล มักจะมีการเว้นรูไว้ตรงกลางของอาคาร
เพราะเชื่อว่าภูเขาเป็นที่อยู่ของมังกรสัตว์นำโชคที่ให้พลังด้านบวกตามความเชื่อโบราณ และมังกรจะออกมากิน้ำที่มหาสมุทร ดังนั้นการเว้นช่องว่างไว้ตรงกลางอาคาร จะทำให้พลังงานทางด้านบวกนี้ได้ไหลเวียนผ่านอาคาร และผ่านไปทั่วทั้งเกาะฮ่องกง
.
โอโห สุดยอดไปเลย การทำให้ถูกหลักฮวงจุ้ยของชาวฮ่องกงเนี่ย นอกจากจะทำให้เกิดโชคดีแล้วยังทำให้ได้เห็นอาคารรูปแบบแปลกๆ และสวยงามอีกด้วย ถ้าใครอยากลองเอาหลักฮวงจุ้ยนี้ไปปรับปรุงบ้านก็ได้นะ เผื่อจะโชคดีถูกหวยบ้าง อิอิ
ที่มา amusingplanet
http://www.catdumb.com/feng-shui-skyscrapers/
หลักฮวงจุ้ยนี้ได้รับความนิยมในการนำไปปรับใช้กับการสร้างอาคารต่างๆ ในปัจจุบันอย่างมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยประสบกับความโชคดีและร่มเย็นเป็นสุข
นอกจากเรื่องของความโชคดีแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการทำตามหลักฮวงจุ้ยนั่นก็คือ รูปแบบของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและแปลกตา
ทำไมถึงต้องออกแบบตึกให้มีรูกลางอาคารด้วย!?
การจัดตำแหน่งของทางเข้าอาคารและเฟอร์นิเจอร์ภายในตามหลักของฮวงจุย มีความเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองของเจ้าของอาคาร
ความเชื่อนี้ถูกพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ ในการสร้างบ้านหรือซื้อขายอาคารส่วนมากในเกาะฮ่องกง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อไม่มีหลักการทางวิทยาศาตร์ยืนยันได้
หลักฮวงจุุ้ยเคยถูกปราบปรามครั้งใหญ่ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของประเทศจีนช่วงปี 1960 แต่กลับมาได้รับความนิยม อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มีหลายบริษัทถึงขั้นจัดสรรงบเพื่อไว้สำหรับปรึกษาเกี่ยวกับฮวงจุ้ย
โดยคำแนะนำของการวางฮวงจุ้ยก็มีตั้งแต่ การจัดวางตำแหน่งของโต๊ะผู้บริหาร การเอาเหรียญมาวางไว้ใต้พรม หรือแม้กระทั่งการวางรูปแบบของอาคารใหม่เลยทีเดียว
ตัวอย่างของความเชื่อนี้ที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดวางอาคารต่างๆ เช่น ตึกสำนักงานใหญ่ของธนาคารระดับโลกอย่าง HSBC ได้นำรูปหล่อของสิงห์โตสองตัวมาตั้งที่หน้าสำนักงาน
มีการปรับทิศทางของบันไดเลื่อนเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายจากจากอ่าว Victoria เข้าสู่ออฟฟิส และสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ไว้ด้านบนสุดของอาคารเพื่อเป็นการยิงส่งชั่วร้ายที่มาจากอาคารตรงข้ามอีกด้วย
อาจเป็นเพราะการแก้ฮวงจุ้ยนี้เองที่ยังคงทำให้ธนาคาร HSBC ยังคงดำเนินกิจการได้ถึงจนทุกวันนี้ เพราะอาคารที่อยู่บริเวณเดียวกันที่ละเลยการวางฮวงจุ้ยต่างก็ต้องพบกับโชคร้าย
อย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ อย่าง Bank of China ก็มีผลประกอบการที่ไม่ดี หรือ อาคาร Lippo Center ที่ต้องถึงขั้นล้มละลายและขายกิจการไปเลยทีเดียว
ภาพจากขวาไปซ้าย ธนาคาร HSBC, อาคาร Cheung Kong Center และตึกของ Bank of China
สิ่งก่อสรา้งคล้ายกับปืนใหญ่ ด้านบนของอาคาร HSBC
อาคาร Lippo Center ที่ละเลยการวางฮวงจุ้ยที่ดี จนต้องประสบกับปัญหามากมาย
อาคาร HSBC ที่มีการวางฮวงจุ้ยที่ดี
ขณะนี้อาคารต่างๆ ในเกาะอ่องกงมีการก่อสร้างที่ถูกหลักฮวงจุ้ยอย่างมาก บางอาคารที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล มักจะมีการเว้นรูไว้ตรงกลางของอาคาร
เพราะเชื่อว่าภูเขาเป็นที่อยู่ของมังกรสัตว์นำโชคที่ให้พลังด้านบวกตามความเชื่อโบราณ และมังกรจะออกมากิน้ำที่มหาสมุทร ดังนั้นการเว้นช่องว่างไว้ตรงกลางอาคาร จะทำให้พลังงานทางด้านบวกนี้ได้ไหลเวียนผ่านอาคาร และผ่านไปทั่วทั้งเกาะฮ่องกง
ตัวอย่างของอาคารที่มีการเว้นรูตรงกลาง หรือที่เรียกว่า “Dragon Hole” เพื่อให้พลังงานด้านบวกไหลผ่าน
พลังงานทางด้านบวกนั้นไหลเวียนอยู่ทั่วเกาะฮ่องกง การเว้นรูตรงกลางจะทำให้พลังงานไหลผ่านอาคารและเกิดความโชคดี
.
โอโห สุดยอดไปเลย การทำให้ถูกหลักฮวงจุ้ยของชาวฮ่องกงเนี่ย นอกจากจะทำให้เกิดโชคดีแล้วยังทำให้ได้เห็นอาคารรูปแบบแปลกๆ และสวยงามอีกด้วย ถ้าใครอยากลองเอาหลักฮวงจุ้ยนี้ไปปรับปรุงบ้านก็ได้นะ เผื่อจะโชคดีถูกหวยบ้าง อิอิ
ที่มา amusingplanet
http://www.catdumb.com/feng-shui-skyscrapers/