อ่านแล้วซึ้งมากๆ ศาลฎีกาได้กล่าวให้คำ นิยามแห่งความรักไว้อย่างดงาม จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

มีคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีหนึ่ง ตามหมายเลขคดีแดงที่ 6083/2546 ได้กล่าวให้คำ
นิยามแห่งความรักไว้อย่างดงามว่า

"ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ 
ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข 
การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิดและการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก 
จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง 
เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัว 
เห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจ และความรู้สึกของผู้ตาย 
หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง 
ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยฎีกาก็ถือไม่ได้ว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย
เหตุอันไม่เป็นธรรม 
กรณีไม่มีเหตุจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 
ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษประหารชีวิต และลดโทษให้จำเลยแล้ว 
คงลงโทษจำคุก ตลอดชีวิตสถานเดียวนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"
แต่เหตุแห่งที่มาของคำพิพากษานี้ คือการตีความหมายของคำว่าความรักอย่างผิดๆ จนนำไปสู่การฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมและทารุณ ซึ่งจำเลยในคดีนี้ก็คือ"นายเสริม สาครราษฎร์"นักศึกษาแพทย์ผู้ต้องหาที่ก่อคดีฆ่าชำแหละศพ น.ส.เจนจิรา แฟนสาว เมื่อ 10 กว่าปี มาแล้ว โดยข้อฎีกาหนึ่งของจำเลย เพื่อขอความเมตตาต่อศาลในการขอลดโทษ ก็คือ เหตุที่ฆ่าก็เพราะความรักที่มีต่อแฟนสาว จนไม่อาจหักห้ามใจให้แฟนไปมีคนรักใหม่ได้ จึงขอความปราณีจากศาลให้เห็นแก่ความรักของตน 
ซึ่งศาลก็ได้โปรดให้คำอธิบายความหมายของความรักมาในคำพิพากษาฎีกานี้