แจ้งระวัง!! เตือนภัยใกล้ตัว เปิด”แอร์บ้าน”นอน เสี่ยง “เสียชีวิตกระทันหัน” ไม่อยากเสียชีวิตต้องอ่าน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!

เอาแล้วไง!! วันนี้น้องอัพยิ้มมาเตือนให้ชาวโซเชียลทุกคนระวังภัยใกล้ตัวกัน!! ช่วงนี้บ้านเราก็เริ่มมีหลายมีฤดูเข้ามาทั้งร้อน หนาว ไหนจะฝนตกอีก เปลี่ยนสีกันไม่ทัน เอ้ย!! ปรับตัวกันไม่ทันเลยทีเดียว ทุกคนทราบมั้ยคะว่า เมื่อไม่นานมานี้ ที่จีน มีหลายกรณีที่ กลับมาถึงบ้านเหงื่อไหลทั้งตัวแต่กลับพุ่งเข้าไปเปิดแอร์ทันที!! ส่งผลทำให้อุณหภูมิเกิดอาการอย่างรวดเร็วจนร่างกายปรับตัวไม่ทัน เส้นประสาทบนใบหน้าก็เกิดการเกร็งหดตัว วิงเวียนศีรษะ มีน้ำลายไหลออกมาจากปาก ตากลอกไปมาผิดปกติ และอาการน่ากลัวอื่นๆ ตามมา !! อาจถึงขั้นเสียชีวิต!! เรามาดู5สิ่ง เตือนภัยห้ามทำ กันดีกว่าค่ะ!!

 

1.หลังเหงื่อออกมาใหม่ๆ ไม่ควรรีบเปิดแอร์ทันที
ถ้าสภาวะร่างกายมีอุณหภูมิสูงอาทิเช่น เหงื่อออกมากๆ ดื่มสุรา หรือกำลังสระผมเสร็จหมาดๆ ในช่วงนี้รูขุมขนตามร่างกายกำลังเปิด ยังอาจจะยังไม่ทันได้ปิดสนิทดี ดังนั้นถ้ารีบเปิดแอร์ก็จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเกิดการปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากมีความต่างของอุณหภูมิมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดอาการรุนแรงอย่างความผิดปกติของระบบประสาทที่เลี้ยงใบหน้า (Facial paralysis), ไข้หวัด ฯลฯ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และหญิงตั้งครรภ์ที่มีร่างกายอ่อนแอ ควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

2.อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศไม่ควรต่ำเกินไป
แนะนำว่าการกำหนดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศควรอยู่ที่ประมาณ 25-26 องศา หากร่างกายค่อนข้างอ่อนแอควรปรับให้อยู่ที่ประมาณ 27-28 องศา เพื่อไม่ให้อุณหภูมิภายในห้องกับภายนอกแตกต่างกันมากเกิน 8 องศา เพราะถ้าเกินจากนี้จะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ปากแห้งคอแห้ง ไอจาม และมีน้ำมูกไหล เป็นต้น บางครั้งอาจส่งผลให้เกิดภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ อุดตัน หรือหลอดเลือดแตก (Stroke) ได้!
แล้วเด็กทารกล่ะเหมาะสมที่จะนอนในห้องแอร์หรือไม่? ตามความเป็นจริงเด็กทารกจะมีระบบการเผาผลาญ (Metabolism) ที่ดีกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้ไม่ชอบอากาศร้อน ดังนั้นเมื่อเด็กอยู่ใน้บ้านจึงจำเป็นต้องปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม โดยควรจะอยู่ที่ 26 องศาเพื่อหลีกเลี่ยงอาการผดผื่นคันจากความร้อน (Prickly heat) และยังช่วยให้เด็กมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้นอีกด้วย
 

3. ช่องลมของเครื่องปรับอากาศควรหันขึ้นด้านบน
เพื่อให้ได้รับความเย็นจากแอร์คนส่วนใหญ่มักจะปรับช่องลมหันลงด้านล่าง ซึ่งจริงๆ แล้วการหันช่องลมของแอร์ขึ้นด้านบนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ลมเย็นจัดจากแอร์พัดโดนสู่ร่างกายโดยตรง ตัวอย่างเช่น ถ้าตำแหน่งที่คุณนั่งหรือนอนอยู่ตรงพอดีกับช่องลมของเครื่องปรับอากาศ ลมที่พัดออกมาก็ส่งผลร้ายต่อร่ายกายบริเวณช่วงเอวและหลัง ดังนั้นหากไม่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้ ควรต้องเตรียมผ้าพันคอหรือเสื้อกันหนาวแบบบางมาไว้สวมใส่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยปกป้องเส้นประสาทบริเวณต้นคอ ข้อเข่า รวมไปถึงอวัยวะส่วนต่างๆ และควรหาเวลาลุกเดินไปมาให้ร่างกายได้ขยับเขยื่อนด้วย

 

4. ทุกๆ 1 ชั่วโมงควรเปิดหน้าต่างให้มีลมถ่ายเท เพื่อดูแลระบบทางเดินหายใจ
เนื่องจากเมื่อเปิดแอร์แล้วอากาศภายในห้องจะแห้ง ทำให้ง่ายต่ออาการคัดจมูก จาม และอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ดังนั้นควรทำให้ลมถ่ายเทสะดวกอยู่เสมอๆ ด้วยการเปิดหน้าต่างครั้งละ 15 นาทีในทุกๆ 1 ชั่วโมง และถ้าหากคุณต้องอาศัยอยู่ในห้องแอร์บ่อยๆ ก็ควรป้องกันไม่ให้ผิวหนังแห้ง หรือเกิดอาการคอแห้ง ไอ และคันคอ ด้วยการดื่มน้ำเยอะ ดื่มชาเก๊กฮวย และรับประทานผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง

 

5. การไม่เปิดแอร์ตลอดทั้งคืนจะดีต่อร่างกายที่สุด
ช่วงกลางคืนในฤดูร้อนอากาศมักจะร้อนอบอ้าว คนส่วนใหญ่จึงชอบการเปิดแอร์นอนหลับตลอดทั้งคืน ซึ่งจริงๆ แล้ววิธีการแบบนี้ไม่ดีต่อร่างกาย โดยที่ถูกต้องควรเปิดแอร์หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก่อนจะนอนจึงค่อยปิดแอร์ หรือตั้งโหมดนอนหลับแล้วใช้พัดลมเข้ามาช่วย หรือตั้งโหมดกำหนดเวลาปิดแอร์อัตโนมัติ

อ่านแล้วก็ต้องนำไปปฏิบัติใช้ให้ได้ทุกข้อนะคะ น้องอัพยิ้มคิดว่าเรื่องราวดีๆแบบนี้มีสาระและประโยชน์ ไม่มากก็น้อย ส่วนตอนนี้น้องอัพยิ้มขอตัวปิดแอร์ก่อนนะรู้สึกว่าจะเปิดมานานมากแล้ว เป็นการพักการใช้งานชั่วคราว!! แล้วพบกันใหม่ค่ะ See you.