“หนุ่ม” เผยสาเหตุที่ต้องเรียกเงินค่าเสียหาย 6 ล้าน

กราบสวัสดีแฟนเพจชาวอัพยิ้มทุกท่าน กลับมาพบกันเหมือนเดิมอีกเช่นเคยกับสาวย้อ พลัดถิ่น สำหรับวันนี้ก็มีข่าวสารบ้านเมืองมาให้ได้ติดตามกันอีกเหมือนเดิม หลังจากที่กลายเป็นข่าวโด่งดังกรณีชายหนุ่มไปกินข้าวที่ห้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างที่กำลังกินในจานอาหารกลับมีแมลงสาบทำให้ตนโมโหมากพร้อมกับบันทึกคลิปวิดีโอและเรียกผู้จัดการให้มาดู และที่สำคัญหนุ่มคนนี้ได้เรียกค่าเสียหายจากทางห้างเป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้นัดไกล่เกลี่ยแต่ผู้จัดการห้างไม่มาตามนัด จึงทำให้หนุ่มคนนี้ได้เพิ่มค่าเสียหายจากเดิมเป็น 6 ล้านบาท

จากเหตุการณ์ที่ นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต หรือ ประธานบอย สมาชิกองค์กรคณะทำงานพัฒนาหมู่บ้านชนบทสนองแนวพระราชดำริ (คพร.) ได้โพสต์คลิปลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว หลังไปนั่งรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหารชั้น G ของศูนย์การค้าห้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แล้วเจอแมลงสาบในจานอาหารที่รับประทานไปแล้วเกือบครึ่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 60 ที่ผ่านมา
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์กลยุทธ์การตลาดสาขา ได้รับแจ้งว่า “ทางศูนย์การค้าฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าไปพูดคุยพร้อมขอโทษลูกค้ารายนี้ ณ วันที่เกิดเหตุทันที พร้อมเจรจากับลูกค้าว่าจะคืนเงินให้ แต่ลูกค้าไม่รับข้อเสนอ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทางศูนย์การค้าฯ ได้ติดต่อเจรจากับลูกค้ารายนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพื่อหาข้อสรุป แต่ลูกค้ายังคงปฏิเสธข้อตกลง ซึ่งการที่ลูกค้าออกมาร้องเรียนก็ถือเป็นสิทธิ์ของผู้บริโภคที่สามารถทำได้ ส่วนที่ลูกค้าจะเดินหน้าฟ้องร้องเรียกเงินชดเชย 3 ล้านบาท ก็เป็นสิทธิ์ของลูกค้าเช่นกัน”
ล่าสุดวันนี้ (19 ธ.ค. 60) เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาพิพัฒน์ เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

นายธนาพิพัฒน์ เล่าว่า “เมื่อวานนี้ (18 ธ.ค. 60) มีผู้บริหารของศูนย์การค้าดังกล่าวโทรศัพท์มาขอโทษ พร้อมบอกจะดำเนินการกับร้านอาหารดังกล่าวให้ แต่กลับไม่บอกว่าจะเยียวยาให้ตนเองซึ่งเป็นผู้เสียหายอย่างไร จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เอากรณีที่เกิดขึ้นมาหาเงินตามที่มีดราม่าในโซเชียล แต่ทำเพราะต้องการเป็นบรรทัดฐานในการเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะผู้บริโภค โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ที่มีกำไรปีละมหาศาล
“เงินที่จะฟ้องเรียก 6 ล้านบาท จะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก 3 ล้านบาท จะถือเป็นค่าสกปรกในตัวที่ตนเองได้รับมา ส่วนที่เหลือจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้บริโภคในการสู้คดีในคดีต่างๆ ส่วนศาลจะพิจารณาสั่งให้จ่ายค่าเยียวยาอย่างไร ก็เคารพในคำพิพากษา
“จะเดินหน้าตรวจสอบคู่ขนาน หากมีหลักฐานชัดเจนว่าหน่วยงานรัฐที่ควบคุมดูแลสถานประกอบการไม่เอาใจใส่ดูแลตามที่กฎหมายระบุไว้ จะยื่นฟ้องทางจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รวมทั้ง สคบ.จังหวัด ด้วย”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2560 นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต หรือ ประธานบอย เคยถูกเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร ฝ่ายปกครอง และทหารจาก มทบ.32 จ.ลำปาง ใช้อำนาจตาม ม.44 เข้าตรวจค้นบ้านพักในอำเภอห้างฉัตร จ.ลำปาง หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีพฤติการณ์ชอบยิงปืนส่งเสียงดังเป็นที่รำคาญและรบกวนชาวบ้านใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ ซึ่งการตรวจค้นพบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง
โดยบ้านหลังนี้ นายธนาพิพัฒน์ ได้เปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติการพิเศษและการข่าวพื้นที่ 5 (ลำปาง – เชียงใหม่) ขณะที่ นายธนาพิพัฒน์ ก็อ้างตัวเป็นประธานคณะทำงานองค์การตรวจสอบและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ค.อ.ต.ช.) ด้วย
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกรณีการฟ้องร้องห้างฯ ดัง ทางรายการ “บรรจงชงข่าว” ช่องเวิร์คพอยท์ ได้ทำการ โฟนอิน คุยกับ นายธนาพิพัฒน์ สดๆ ในรายการ โดยได้สอบถาม นายธนาพิพัฒน์ ว่า ตัวเลขเงิน 6 ล้านบาทที่ฟ้องร้องนั้น คำนวณจากอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า เงิน 3 ล้านบาท เป็นเรื่องยืนยันในจิตสำนึกของห้างฯ

แต่การที่ทางห้างฯ นัดตนมาที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงใหม่ ในวันนี้ ซึ่งตนต้องขึ้นเครื่องบินมาจากกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าพอมาถึงแล้วทางห้างฯ อ้างว่ามีธุระ ซึ่งไม่แจ้งตนล่วงหน้า ทำให้ตนเสียเวลา เสียความรู้สึก ตนจึงขยับเงินการฟ้องร้องเป็นทวีคูณ จาก 3 ล้าน เป็น 6 ล้านบาท เพื่อให้ทางห้างฯ ได้มีจิตสำนึกว่าคนเรานั้นสำคัญที่คำพูด ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ใช่คนที่เรียกร้องเงินเพื่อเงิน
“3 ล้านแรก เป็นตัวที่ผมกะจะวัดบรรทัดฐานอยู่แล้ว คือ ในประเทศไทยมักจะพูดกันเป็นดราม่าอยู่เสมอ หนึ่งคือผมยอมโดนด่าก่อนเลย แหม แมลงสาบตัวเดียวจะมาเอาอะไรตั้ง 3 – 4 ล้าน ผมยอมรับเลยว่าตอนแรกผมโดนด่าแน่
แต่คุณไม่กลับคิดบ้างล่ะ ผมออกคลิปให้คุณเข้าใจผมก่อนเลยนะ กระแสดราม่าเลยน้อยลง อนาคตน่ะคุณคิดดูสิ ก่อนหน้านี้ก็พูดกันอยู่อย่างเงี้ย ถ้าเป็นเมืองนอกนะจะอย่างงั้นอย่างงี้กัน สุดท้ายก็ไม่เกิดการพัฒนา ผมอุตส่าห์เลือกเข้าไปที่ฟาสต์ฟู้ดกรณีที่เป็นสถานที่ปิด แล้วผมเลือกกินอาหารที่สะอาด
คุณลองเข้าไปเสิร์ชดูคำว่า “เจอแมลงสาบในเชียงใหม่” ว่ามันเจอไม่รู้กี่แผงต่อกี่แผงแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีการกำจัดหรือจัดการอะไรสักอย่าง อยากให้เป็นคดีตัวอย่าง ผมบอกได้เลย 3 ล้าน อาจจะไกล่เกลี่ยไม่ได้ก็ได้ สมมติไกล่เกลี่ยแล้วได้ 5 ล้าน ผมก็ไม่เอา เพราะผมบอกตั้งแต่แรกแล้ว 3 ล้านคือ 3 ล้าน”
เมื่อพิธีกรถามว่า หลายคนสงสัยว่ากรณีอย่างนี้จะพิสูจน์ได้อย่างไร สมมติวันดีคืนดีถ้าคุณบอยไปเรียกร้อง 6 ล้านได้ มันจะมีคนอื่นไหมที่เอาแมลงสาบใส่เข้าไปในข้าวแล้วก็ไปเรียกร้อง 3 ล้าน 6 ล้าน จากที่อื่น

ซึ่งเรื่องนี้นายธนาพิพัฒน์ หรือบอย กล่าวว่า เรื่องนี้สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในศูนย์การค้า ซึ่งทางห้างฯ ที่เป็นเจ้าของศูนย์การค้านั้นมีกำไรอยู่แล้ว คาดคะเนสิ่งตอบแทนหรือการเยียวยาผู้บริโภคอยู่แล้ว แต่คนไม่เคยคิดจะไปเรียกร้อง
นายธนาพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตนนั้นไม่เคยคิดที่จะฟ้องร้องแม่ค้าในสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ในห้างฯ ตนเคยเจอสิ่งที่ยิ่งกว่าแมลงสาบ แต่นั่นไม่ใช่สถานที่ในห้างฯ ซึ่งมีกำไรมหาศาล และควรมีการดูแลลูกค้าที่ดีกว่านี้ แต่สิ่งที่ตนเจอคือ พนักงานก็ใส่หมวกลำลองธรรมดา ไม่ใช่หมวกเซฟตี้ฟู้ด ซึ่งมีสิทธิ์ที่เส้นผมจะหล่นลงไปขณะทำอาหารได้
และสิ่งที่ตนเจอจากพนักงานของศูนย์การค้านี้คือ พนักงานทำอาหารไปด้วยเล่นไลน์ไปด้วย ซึ่งหากพนักงานใส่ใจดูแล สอดส่องความสะอาดให้ลูกค้า ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะฟ้องร้องพนักงาน ตนถือเป็นสิ่งที่ห้างฯ ควรรับผิดชอบ

นอกจากนี้ นายธนาพิพัฒน์ ยังได้ตอบข้อสงสัยของคนในโซเชียล กรณีแมลงสาบเข้าไปอยู่ในไข่แดงได้อย่างไร ตอนที่กินไม่เห็นแต่แรกหรือ โดยกล่าวว่า ตนเลือกทานอาหารปรุงสุก โดยสั่งหมูทอดกระเทียม แล้วพวกเครื่องเคียงก็จะมีผักกองอยู่หย่อมนึง แล้วก็มีไข่ดาว ซึ่งไข่ดาวถูกทอดวางไว้อยู่แล้ว เพื่อที่จะมาวางโปะบนข้าวอีกที ด้วยความหิวของตนเอง เมื่อตนทานเข้าไปครึ่งนึงก็เขี่ยหมูเข้ามาเรื่อยๆ ตนจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นแมลงสาบหรือกระเทียม
“ประเด็นว่ามันอยู่ตรงหน้าไข่เมื่อไหร่ผมไม่รู้ แต่ผมเห็นตอนมันอยู่ตรงหน้าไข่นี่แหละ” นายธนาพิพัฒน์ กล่าว
เมื่อสอบถามว่า ไม่เป็นห่วงตัวเองว่ากระแสจะตีกลับไปได้บ้างหรือ นายธนาพิพัฒน์ กล่าวว่า “ตัวผมเองแทบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี ถ้าคนจำได้ว่าประธานบอยคือใคร คือผมนี่แหละที่โดนใช้มาตรา 44 โดนอ้างนะครับ จริงไม่จริงอยู่ในชั้นศาล อ้างเข้าไปตรวจค้นบ้านพักผมที่ลำปาง
ซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวที่ไม่ได้แก้ให้ผมสักเท่าไหร่ ว่าปืนที่เขายึดไปนี่ปัจจุบันผมเอามาหมดแล้ว อัยการสั่งไม่ยึดปืนด้วย ผมก็ฟ้องเจ้าหน้าที่ไป เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ ก่อนหน้าที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ หรือคุณไปดูเฟซบุ๊กผมก็ได้ ผมทำด้านนี้มาเยอะ ผมคิดว่าสังคมถ้ามันไม่ลุกขึ้นมาช่วยกัน อยู่ในสังคมไปทุกวันนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าอยู่อยู่แล้ว ผมพูดตรงๆ จะตายเมื่อไหร่ก็ช่างมันเถอะ ผมว่ามันทำอะไรได้ดีกว่านี้น่ะ”
ทั้งนี้ การที่นายธนาพิพัฒน์ฟ้องร้องห้างฯ ถือเป็นสิทธิ์ที่จะไปฟ้องแพ่งในฐานะผู้บริโภคได้ แต่สุดท้าย การพิจารณาคดีนั้น หากไปถึงที่สุด ศาลจะเป็นผู้พิจารณาตัวเลขในการฟ้องร้องอีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร หลังจากนี้คงต้องรอดูทางห้างฯ ว่าจะชี้แจงอย่างไร

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับเรื่องราวที่สาวย้อ พลัดถิ่นได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่กำลังเป็นกระแสอย่างมากในตอนนี้ เรื่องแบบนี้มันสามารถคุยกันได้ ยังไงก็ใจเย็นๆนะคะ