14 ก.ค. 2561 เฟซบุ๊ก เจ้าพ่อคลิปเด็ด ได้โพสต์คลิปชายหนุ่มคนหนึ่ง
ได้ทดลองกินลำไยจำนวนสิบลูก แล้วจากนั้น
ได้ใช้เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย
ซึ่งผลการตรวจออกมานั้น พบว่ามีระดับแอลกอฮอล์ กว่า 70
มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนดคือ ต้องไม่เกินกว่า 50
มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในร่างกาย และหลังจากนั้น
ชายอีกคนหนึ่ง ก็ได้กินยาแก้ไอยี่ห้อหนึ่งเข้าอีก
ก่อนตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายอีกครั้ง
ผลปรากฏว่ามีระดับแอลกอฮอล์มากกว่า 350 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ซึ่งปริมาณเทียบเท่าหรือมากกว่าการดื่มเบียร์ 1 กระป๋อง
ซึ่งทำให้ร่างกายจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ 330 มิลลิกรัม ชมคลิป
ต่อมาด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผ่านอัมรินทร์ทีวีว่า
แอลกอฮอล์สามารถเกิดขึ้นได้จากผลไม้จำพวกที่มีรสหวาน ฉ่ำน้ำ เช่น ลำไย
ลิ้นจี้ เงาะ และสับปะรด เป็นต้น ถ้าหากมีการตัดออกจากต้นแล้วนำมาเก็บไว้
ก็จะทำให้ผลไม้มีปฏิกิริยาเปลี่ยนให้มีแอลกอฮอล์เกิดขึ้นมาได้
แต่ปริมาณไม่มาก
ทั้งนี้
ถ้าเทียบกับพื้นฐานของการเป่าตรวจจับแอลกอฮอล์แล้ว
การกินลำไยหรือผลไม้ที่มีรสหวานฉ่ำน้ำ ไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้
เพราะรายละเอียดของกฎหมายคือ ห้ามผู้ขับขี่รถทุกประเภท ยกเว้นรถรางกับรถไฟ
เมาสุราในขณะขับรถ และความหมายของเมาสุรา คือ
มีปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าเมาสุราสามารถสั่งให้หยุดรถและสั่งให้เป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์เพื่อตรวจได้
แต่การกินลำไยที่ถูกตัดออกจากต้นมาทิ้งไว้ ไม่ถึง 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ถึงจะกินเยอะแค่ไหนก็ตาม
ส่วนวิธีการแก้ไขคือ
หลังจากกินลำไยแล้ว ก็ให้กินน้ำตาม หรือกลั้วปาก แล้วพักไว้สัก 4-5 นาที
แอลกอฮอล์ที่เกิดจากผลไม้ก็จะหายไป
เพราะไม่ใช่แอลกอฮอล์ที่อยู่ในเลือดเหมือนการดื่มเหล้าหรือสุรา
ขอบคุณที่มาคลิป : เจ้าพ่อคลิปเด็ด