Home »
Uncategories »
ชายวัย 52 ปี เอาชนะ มะเร็งระยะสุดท้าย พร้อมเผยเคล็ดลับ หมัดเด็ดน็อคโรคร้าย
ชายวัย 52 ปี เอาชนะ มะเร็งระยะสุดท้าย พร้อมเผยเคล็ดลับ หมัดเด็ดน็อคโรคร้าย
“มะเร็ง” เนื้องอกร้าย
เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ
เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย
และมีศักยภาพในการรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง
มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด
วันนี้จึงจะขอนำเรื่องชายคนนึงที่สามารถเอาชนะโรคร้ายนี้ได้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อปี 2013 ชายนักธุรกิจ “หลี ไค ฟู่”
วัย 52 ปี
ประธานกรรมการโรงงานแห่งหนึ่งได้ประกาศกลับเข้าสู่ตำแหน่งอีกครั้ง
หลังประกาศลาพักยาวเพื่อรักษาตัว เนื่องจากป่วยเป็น “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ระยะที่ 4” ทั้งที่ไม่อยากหยุดจากงานที่ทำเพราะนั้นเป็นงานที่เขารักมาก
และเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2015 หลี ไค ฟู่ หมอได้ออกมาประกาศว่า
หลังการตรวจเช็คร่างกาย 2 ครั้งที่ผ่านมาล่าสุด “ไม่พบเนื้องอกในร่างกาย”
ผมได้ฟื้นฟูสุขภาพเต็มที่ ผมกลับมาแข็งแรงและเนื้องอกก็หายไป
นายหลี ไค ฟู่ได้ออกมาเล่าว่า
ในระหว่างที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหายเป็นปกตินั้น
มีัเพื่อนๆที่ทำงานและเพื่อนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งมากมายมาถามว่า
“ทำอย่างไรถึงหายจากโรคมะเร็ง? ต้องระวังเรื่องการกินอาหารชนิดใดบ้าง?
และคำถามอื่นๆอีกมากมาย”
จนเขาเองออกมาตอบกลับผ่าน เว็บไซต์ Weibo โดยตั้งหัวข้อว่า
“เมื่อเป็นมะเร็งจะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง อย่างไร?
ประสบการณ์ต้านมะเร็งขอผม”
ผมก็เหมือนผู้ป่วยโดยทั่วไป หลังจากที่รู้ว่าป่วยเป็นมะเร็ง
ก็ต้องรีบทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีการรักษา
ร่างกายต้องปรับตัวยังไงบ้าง? ทำอย่างไรจะทำให้ร่างกายแข็งแรงมากที่สุด
ผมได้ดูหนังสือแนวนี้มากมาย และได้ปรึกษาหมอเฉพาะด้านมากมาย
1.สิ่งแรกที่ผมให้ความสำคัญมากคือ การนอน
เพราะการนอนพักผ่อนนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ผู้ป่วยหลายคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยการสูญเสียของร่างกาย
แต่ผมให้คำมั่นสัญญากับตนเองว่า จะเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ โดยจะนอนให้เต็มที่
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังบอกว่า
“การนอนหลับที่เพียงพอมีผลต่อการป้องกันหรือจำกัดการเติบโตของเนื้องอก”
เวลานอนที่ดีที่สุดคือ 22.00 น. ระยะเวลาของการนอนที่เหมาะคือ 7-8 ชั่วโมง
โดยนาย เฉิน เจียน หมิง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัย Fu Jen Catholic
University ภาควิชาจิตวิทยา ของไต้หวัน ได้ให้หัวข้อว่า
“แนะนำการนอนหลับให้กับคนทำงานที่วุ่นวาย” บทความนี้วิเคราะห์วิธีการต่างๆ
รักษานาฬิกาชีวภาพ โดยกำหนดเวลาพักผ่อน
ออกกำลังกายเป็นประจำ
ลดความสว่างก่อนเข้านอน พอตื่นนอนก็รับแสงแดดยามเช้า
ก่อนนอน 6 ชั่วโมง ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้น เช่น กาแฟ ฯลฯ
ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้นอนหลับ
งดการใช้ยานอนหลับ
รักษาสถานการณ์การนอนหลับอย่างสบายทุกคืน
ตอนนี้ผมเข้านอนตอน 22.00 น.ดึกที่สุดไม่เกิน 23.00 น.
นอนจนตื่นขึ้นมาเองทุกวัน ประมาณ 5.30 น.หรือ 6.30 น.
ตอนกลางวันก็นอนพักผ่อนอีก 30 นาที
แค่นี้ก็สามารถทำให้คุณเติบเต็มไปด้วยพลังงานตลอดทั้งวันแล้ว
จะทำให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิมาก
แต่หลายคนมีความต้องการในการนอนที่ไม่เหมือนกัน บางคนต้องการ 8-9 ชั่วโมง
ทั้งนี้ต้องดูที่ร่างกายของแต่ละคน
การตอบคำถามข้างต้น การนอนหลับของคุณเพียงพอต่อความต้องการของตนเองหรือไม่ จะต้องมีความชัดเจน 5 เคล็ดลับการนอนหลับที่ดี:
ก่อนนอน ไม่ควรทำงานหนัก หรือ จัดเตรียมงานที่ต้องใช้เวลามาก
ตั้งเวลาหยุดการทำงาน การทำงานล่วงเวลา สู้นอนเช้าหน่อยเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพในวันรุ่งขึ้น
จดบันทึกเวลานอนหลับและตื่นนอนของทุกวัน เพื่อพัฒนานิสัยการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ
อย่ารู้สึกเครียดเพราะนอนไม่หลับ ผ่อนคลายตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
คุณภาพของการนอนหลับมีความสำคัญมากกว่าเวลา ทำให้คุณอยู่ในโหมดความสบายมากที่สุด
2.การออกกำลังกายมีความสำคัญอย่างยิ่งการออกกำลังกายแอโรบิคเป็นสูตรสำหรับการส่งเสริมการทำลายเซลล์มะเร็ง
ไม่ว่าคุณจะบำบัดด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน
หรือนักบำบัดธรรมชาติล้วนบอกว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การออกกำลังกายไม่เพียง
แต่สามารถส่งเสริมการเผาผลาญไขมันและบรรลุผลการลดน้ำหนัก
แต่ยังช่วยทำให้เซลล์มะเร็งลดน้อยลงอีกด้วย
เป็นนักฆ่าตามธรรมชาติที่ดีที่สุด
หลังจากที่ป่วยเป็นมะเร็งผมพยายามที่จะเดิน หากต้องไปยังสถานที่ห่างไกล
ก็จะโดยสารรถไฟใต้ดินหรือรถแท็กซี่วิธีการนี้จะทำให้ผมมีโอกาสที่จะเดินมากยิ่งขึ้น
ผมเริ่มชินกับการออกกำลังกาย จนรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ ตอนนี้ผมเดินทีก็ 45 นาที โดยไม่รู้สึกลำบาก
เมื่อร่างกายขยับตัว น้ำก็เป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้ชีวิตชุ่มชื่น ผมขอแนะนำให้สัมผัสกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้
ประสบการณ์ของฉัน:
ปีนเขา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อยเมื่อปีนถึงครึ่งหนึ่ง มันก็จะทำให้สมองของคุณโล่งมาก และได้ผ่อนคลาย
การเล่นโยคะหรือการสะบัดมือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
หากสามารถเดินได้ก็เดินไป
หรือเลือกออกกำลังกายในแบบที่ชอบ
นวดร่างกาย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้เส้นเมอริเดียนของร่างกาย เปิดใช้งานของเลือดและลบชะงักงันในเลือด
อาหารควรจะสมดุล อาหารที่อร่อยจะไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารที่ไม่อร่อยแต่ดีต่อสุขภาพ!
ในวันนั้นมีเพื่อนคนหนึ่ง พาผมไปดูวิธีการทำอาหารที่มีประโยชน์
มีซุปผลไม้สด และ ซุปเห็นหูหนู,
ถั่วดำ,ข้าวเหนียวสีดำ,งาดำและน้ำตาลทรายแดง เหมาะมากสำหรับอาหารเช้า
เพราะการดื่มซุปนี้ตอนเช้า
ขณะที่ท้องว่างนั้นจะทำให้ร่างกายดูดซับไปใช้ประโยนช์ได้มากที่สุด
เมนูแรก คือ ซุปบล็อกโคลี่
ส่วนผสม : ผักบล็อกโคลี่ 15 กรัม, แครอท 50 กรัม, สับปะรด 200
กรัม,แอปเปิ้ล 1 ลูก , ผลไม้จำพวกเปลือกแข็ง มีเมล็ดด้านใน 1 ช้อนโต๊ะ,
น้ำต้มสุก 400 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันลงในเครื่องปั่นประมาณ 45
วินาที ให้เสร็จสมบูรณ์ (ทำเสร็จจะได้ปริมาณ 900 มล. เพียงพอสำหรับ 2-3 คน)
เมนูที่สอง คือ ซุปพลังงานบลูเบอร์รี่+องุ่น
ส่วนผสม: กะหล่ำปลีสีม่วง 30 กรัม, บลูเบอร์รี่ 60 กรัม, แอปเปิ้ล 1ลูก ,
องุ่น 150 กรัม, ผลไม้จำพวกเปลือกแข็ง มีเมล็ดด้านใน 1 ช้อนโต๊ะ,
น้ำต้มสุก 400 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันลงในเครื่องปั่นประมาณ 45
วินาที ให้เสร็จสมบูรณ์ (ทำเสร็จจะได้ปริมาณ 800 มล. เพียงพอสำหรับ 2-3 คน)
เมนูที่สาม คือ นมงาดำ แคลเซียมสูง
ส่วนผสม: ถั่วเหลืองนึ่ง 100 กรัม, ข้าวกล้อง 25 กรัม, งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ , น้ำร้อนประมาณ 300 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในเครื่องปั่นประมาณ 90 วินาที
เมื่อให้เสร็จสมบูรณ์ (ทำเสร็จจะได้ปริมาณ 450 มล.เพียงพอสำหรับ 2 คน
เมนูนี้ผมชอบมากที่สุด)
เมนูที่สี่ คือ ข้าวเมล็ดถั่วดำ
ส่วนผสม: ถั่วดำนึ่งสุก 100 กรัม, เมล็ดข้าว 25 กรัม, น้ำตาล คริสตัล 10 กรัม (ไม่เติมก็ได้), น้ำร้อนประมาณ 300 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นประมาณ 90 วินาทีเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ (เสร็จสิ้นจะได้ปริมาณ 450 มล.สำหรับ 2 ชุด)
4.ทัศนคติที่ดีและอารมณ์ขัน คือการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก!
หลายคนที่ทำงานกับผมคิดว่าผมเป็นคนเข้มงวดมาก เมื่อทำงานกับผมไประยะหนึ่งแล้ว จะรู้ว่าที่จริงผมเป็นคนมีอารมณ์ขันมาก
เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมนอนป่วยอยู่บนเตียงหรือไม่ว่าอยู่ที่ไหน
ผมก็จะไม่ลืมที่จะทำให้อารมณ์ดีอยู่เสมอ บางครั้งก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้
เพราะบางเรื่องที่พบเจอ มันตลกมาก พยายามหาเรื่องที่ขำขันมาอ่านหรือดูบ้าง
เพื่อผ่อนคลาย
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญหลายอย่างที่ทำให้ผมสามารถชนะโรคร้ายมาได้นั้น ก็คือคนรอบข้างที่ต้องเป็นกำลังใจและให้กำลังใจอยู่เสมอ