อึ้งตาค้าง !! “ชายจรจัด” มากินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งทุกวัน
แถมโดนคนอื่นรังเกียจ แต่เมื่อ 2 ปีผ่านไป! “เจ้าของร้าน”
กลับได้สิ่งตอบแทนที่ทำให้เขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต !!?
สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าการมีน้ำใจให้ช่วยเหลือผู้อื่นอาจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีสำคัญอะไรมากนัก แต่ใครจะรู้กันหล่ะว่าน้ำใจเพียงเล็กน้อยที่เรามอบให้ไปนั้น อาจเปลี่ยนชีวิตของใครบางคนไปเลยก็ได้ เหมือนเรื่องราวของเถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารท่านหนึ่งนั่นเอง ที่มาเล่าเรื่องราวชีวิตให้เราได้รับรู้กันว่า
ผมเปิดร้านข้าวแกงกับอาหารตามสั่ง เนื่องจากแถวนั้นมีคนงานเยอะก็เลยขายดีพอใช้ จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 2 หลังเปิดร้าน ก็มีคนจรจัดคนนึงไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่จะมาเดินอยู่แถวร้านทุกวัน หลายๆร้านก็รังเกียจไม่ให้ไปอยู่หน้าร้านเค้า แต่ร้านผมก็มีอาหารเหลือทุกวันอยู่แล้ว พอลูกค้ากลับกันไปหมดแล้ว ผมก็จะห่อให้แกกินหนึ่งกล่อง ผมขายอะไร แกก็กินอย่างนั้น
เพราะผมคิดว่าอาหารที่ขายไม่หมด ถ้าไม่ให้แกกินก็ต้องทิ้งอยู่ดี งั้นให้แกกินไม่ดีกว่าหรอ แล้วดูเหมือนว่าแกก็ค่อยๆย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถวๆร้านผม แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าแกนอนที่ไหน แต่พอถึงเวลากินข้าว แกก็จะโผล่มาตรงเวลาทุกวัน ถ้าวันไหนแกไม่มาผมเองก็รู้สึกไม่ชิน
เรียกได้ว่าการจะช่วยเหลือใครสักคน ต้องคิดอย่างรอบคอบ มีใจที่ช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยอย่างถูกวิธีด้วย เคารพความรู้สึกของคนที่เราช่วยเหลือ เมื่อเขาได้รับ เขาก็จะอบอุ่นหัวใจ การช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองเยอะแยะ บางครั้งสิ่งง่าย ๆ ก็ยิ่งใหญ่ และรับรู้ได้มากกว่าที่เราคิด
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ 5-6 ปี แล้วอยู่ดีๆวันนึงแกก็หายไปไม่มาอีกเลย ผมคิดว่าแกคงย้ายไปที่อื่นแล้ว จนเวลาผ่านไป 2 ปี ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ผมเปิดประตูร้านเตรียมเปิดร้านตามปกติ ก็เห็นรถใหม่เอี่ยมของคนนึงมาจอดอยู่หน้าประตู ผมไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นคนผ่านมาจอดทำธุระแถวนี้
แล้วก็มีผู้ชายสองคนเดินลงมาจากรถ เดินตรงมาที่ผม ผมมองหน้า ก็ไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าพวกเขามาทำไม ตอนนั้นเอง ผู้ชายคนที่ดูหนุ่มกว่าก็เดินมาหยุดข้างหน้าผม ถามว่า : เถ้าแก่เจ้าของร้านใช่มั้ยครับ? ผมตอบว่าใช่ เขารีบคุกเข่าลงต่อหน้าผม ผมตกใจมาก รีบถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็เล่าให้ฟัง
แท้จริงแล้ว ชายคนนี้เป็นลูกของชายจรจัดที่เคยมากินข้าวร้านผมเป็นประจำ เมื่อ 10 ปีที่แล้วพ่อของเขาหนีออกจากบ้านมาเพราะป่วย แล้วเขาก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย 10 ปีมานี้เขาและที่บ้านพยายามตามหาพ่อมาตลอด แต่หายังไงก็หาไม่เจอ แต่อยู่ดีๆวันนึงพ่อก็กลับมาที่บ้าน
เขาก็เลยรีบพาพ่อไปหาหมอ หลังจากรักษาตัวได้ 2 ปี พ่อก็หายตัวไปอีก พอท่านได้สติประโยคแรกของท่านก็คือ ขอให้ผมพาท่านมาขอบคุณผู้มีพระคุ และผู้มีพระคุณคนนั้นก็คือเถ้าแก่ ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาก็คือพ่อเขานั่นเองผมพินิจพ่อของเขาแตกต่างจากชายจรจัดคนนั้นเป็นคนละคน ถ้าเขาไม่บอกผมไม่มีทางรู้
ชายหนุ่มก็พูดต่อว่า เขาทำธุรกิจได้เงินมาไม่น้อย ก็เลยซื้อรถมาเป็นของตอบแทนที่ผมเคยช่วยดูแลพ่อเขาไว้ ผมได้ยินก็ยืนกรานไม่ยอมรับ พ่อเขาก็เลยว่า ถ้าผมไม่ยอมรับ พวกเขาก็จะคุกเข่ารอจนกว่าจะรับ ผมไม่มีทางเลือก ก็เลยตอบตกลงไป
นับจากนั้นมาในทุกๆ ปี สองพ่อลูกจะต้องมาที่ร้านปีละครั้งสองครั้ง เพื่อมานั่งคุย มากินอาหารที่ร้าน ชายหนุ่มบอกว่า พ่อเขาพูดว่า ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้ให้ข้าวเขากิน เขาก็คงตายอย่างหมาข้างถนนไปแล้ว อาหารที่ร้านผม เป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าการมีน้ำใจให้ช่วยเหลือผู้อื่นอาจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีสำคัญอะไรมากนัก แต่ใครจะรู้กันหล่ะว่าน้ำใจเพียงเล็กน้อยที่เรามอบให้ไปนั้น อาจเปลี่ยนชีวิตของใครบางคนไปเลยก็ได้ เหมือนเรื่องราวของเถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารท่านหนึ่งนั่นเอง ที่มาเล่าเรื่องราวชีวิตให้เราได้รับรู้กันว่า
ผมเปิดร้านข้าวแกงกับอาหารตามสั่ง เนื่องจากแถวนั้นมีคนงานเยอะก็เลยขายดีพอใช้ จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 2 หลังเปิดร้าน ก็มีคนจรจัดคนนึงไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่จะมาเดินอยู่แถวร้านทุกวัน หลายๆร้านก็รังเกียจไม่ให้ไปอยู่หน้าร้านเค้า แต่ร้านผมก็มีอาหารเหลือทุกวันอยู่แล้ว พอลูกค้ากลับกันไปหมดแล้ว ผมก็จะห่อให้แกกินหนึ่งกล่อง ผมขายอะไร แกก็กินอย่างนั้น
เพราะผมคิดว่าอาหารที่ขายไม่หมด ถ้าไม่ให้แกกินก็ต้องทิ้งอยู่ดี งั้นให้แกกินไม่ดีกว่าหรอ แล้วดูเหมือนว่าแกก็ค่อยๆย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถวๆร้านผม แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าแกนอนที่ไหน แต่พอถึงเวลากินข้าว แกก็จะโผล่มาตรงเวลาทุกวัน ถ้าวันไหนแกไม่มาผมเองก็รู้สึกไม่ชิน
เรียกได้ว่าการจะช่วยเหลือใครสักคน ต้องคิดอย่างรอบคอบ มีใจที่ช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยอย่างถูกวิธีด้วย เคารพความรู้สึกของคนที่เราช่วยเหลือ เมื่อเขาได้รับ เขาก็จะอบอุ่นหัวใจ การช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองเยอะแยะ บางครั้งสิ่งง่าย ๆ ก็ยิ่งใหญ่ และรับรู้ได้มากกว่าที่เราคิด
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ 5-6 ปี แล้วอยู่ดีๆวันนึงแกก็หายไปไม่มาอีกเลย ผมคิดว่าแกคงย้ายไปที่อื่นแล้ว จนเวลาผ่านไป 2 ปี ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ผมเปิดประตูร้านเตรียมเปิดร้านตามปกติ ก็เห็นรถใหม่เอี่ยมของคนนึงมาจอดอยู่หน้าประตู ผมไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นคนผ่านมาจอดทำธุระแถวนี้
แล้วก็มีผู้ชายสองคนเดินลงมาจากรถ เดินตรงมาที่ผม ผมมองหน้า ก็ไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าพวกเขามาทำไม ตอนนั้นเอง ผู้ชายคนที่ดูหนุ่มกว่าก็เดินมาหยุดข้างหน้าผม ถามว่า : เถ้าแก่เจ้าของร้านใช่มั้ยครับ? ผมตอบว่าใช่ เขารีบคุกเข่าลงต่อหน้าผม ผมตกใจมาก รีบถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็เล่าให้ฟัง
แท้จริงแล้ว ชายคนนี้เป็นลูกของชายจรจัดที่เคยมากินข้าวร้านผมเป็นประจำ เมื่อ 10 ปีที่แล้วพ่อของเขาหนีออกจากบ้านมาเพราะป่วย แล้วเขาก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย 10 ปีมานี้เขาและที่บ้านพยายามตามหาพ่อมาตลอด แต่หายังไงก็หาไม่เจอ แต่อยู่ดีๆวันนึงพ่อก็กลับมาที่บ้าน
เขาก็เลยรีบพาพ่อไปหาหมอ หลังจากรักษาตัวได้ 2 ปี พ่อก็หายตัวไปอีก พอท่านได้สติประโยคแรกของท่านก็คือ ขอให้ผมพาท่านมาขอบคุณผู้มีพระคุ และผู้มีพระคุณคนนั้นก็คือเถ้าแก่ ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาก็คือพ่อเขานั่นเองผมพินิจพ่อของเขาแตกต่างจากชายจรจัดคนนั้นเป็นคนละคน ถ้าเขาไม่บอกผมไม่มีทางรู้
ชายหนุ่มก็พูดต่อว่า เขาทำธุรกิจได้เงินมาไม่น้อย ก็เลยซื้อรถมาเป็นของตอบแทนที่ผมเคยช่วยดูแลพ่อเขาไว้ ผมได้ยินก็ยืนกรานไม่ยอมรับ พ่อเขาก็เลยว่า ถ้าผมไม่ยอมรับ พวกเขาก็จะคุกเข่ารอจนกว่าจะรับ ผมไม่มีทางเลือก ก็เลยตอบตกลงไป
นับจากนั้นมาในทุกๆ ปี สองพ่อลูกจะต้องมาที่ร้านปีละครั้งสองครั้ง เพื่อมานั่งคุย มากินอาหารที่ร้าน ชายหนุ่มบอกว่า พ่อเขาพูดว่า ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้ให้ข้าวเขากิน เขาก็คงตายอย่างหมาข้างถนนไปแล้ว อาหารที่ร้านผม เป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต