หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียก พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย
เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ของวัดพระธรรมกาย ให้มารับทราบข้อกล่าวหาถึง 3 ครั้ง
แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ยังไม่ออกมาพบเจ้าหน้าที่
จนเป็นเหตุให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศใช้ ม.44
ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบเป็นกรณีพิเศษ
ก่อนที่ศาลจังหวัดธัญบุรีได้อนุมัติหมายจับเพิ่มอีกเป็น 7 หมาย
แม้คดีความของหลวงพ่อธัมมชโยจะยืดเยื้อ
แต่ที่ผ่านมาก็ยังคงมีเหล่าบรรดาลูกศิษย์และพระสงฆ์ของวัดออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเสมอ
เริ่มกันที่คนแรก นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ถือเป็นโฆษกด่านหน้าในการชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับพระเดชพระคุณ หลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกายต่อหน้าสื่อมวลชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะโดนดีเอสไอตั้งข้อหายุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความกระด่างกระเดื่อง ด้วยวลีเด็ดที่ว่า "อย่าทำให้ตกใจ คนเป็นแสนอะไรก็เกิดขึ้นได้" หลังจากถูกออกหมายจับ นายองอาจก็หายตัวไปและไม่ปรากฎต่อหน้าสื่ออีกเลย จนมีมือดีจับภาพหนุ่มหน้าคล้ายนายองอาจไปรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส และปรากฎตัวอีกครั้งในงานรดน้ำศพ นายอนวัช ธนเจริญณัฐ วัย 64 ปี ที่ปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ผูกคอตายเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ยกเลิก ม.44
ด้าน นายอัยย์ เพชรทอง กัลยาณมิตรวัดพระธรรมกาย แกนนำกลุ่ม อารยะ 072 ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่มักจะถูกรายการทางโทรทัศน์เรียกไปสัมภาษณ์ และมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของกลุ่มศิษยานุศิษย์ ก่อนที่ทางดีเอสไอจะออกหมายเรียกและดำเนินคดีกับนายอัยย์ ในข้อหา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะ คสช.ที่ 5/2560,เรื่องการปฏิบัติการในเขตพื้นที่ควบคุมวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560,ห้ามมิให้ผู้ใดที่ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องขยายเสียงในพื้นที่ควบคุม,มิให้ผู้ใดขัดขวางก่อกวน ยั่วยุ หรือทำการประการใดๆ ที่เจ้าหน้าที่พนักงานปฏิบัติการไม่ได้โดยสะดวก และห้ามมิให้กระทำการปลุกระดม ปลุกปั่น หรือชักจูง มวลชน ให้มีพฤติการณ์เชื่อได้ว่าเป็นการปฏิบัติการขัดขวางหรือก่อกวนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมเงื่อนไขห้ามกระทำการณ์ยุยงปลุกปั่นและร่วมชุมนุมต่อต้าน หลังจากนี้ก็คงไม่ใช่แกนนำกลุ่มอารยะ072 อีกต่อไป
ขณะที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ในฐานะผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย มักจะแถลงข่าวต่อหน้าสื่อบ่อยครั้งและหลังจากที่คณะคสช.มีคำสั่งใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย ผอ.สำนักสื่อสารองค์รูปนี้มักจะมีวลีเด็ดปล่อยออกมาในการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกคำสั่ง ม.44 ทั้งผ่านหน้าจอโทรทัศน์และแสดงความคิดเห็นเฟซบุ๊กส่วนตัว กระทั่งดีเอสไอเตรียมออกหมายจับพระสนิทวงศ์ ฐานฝ่าฝืนคำสั่งคสช. หลังเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่มารายงานตัว พร้อมตั้งข้อหายุยง ปลุกปั่นหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย หากพระสนิทวงศ์รูปนี้ยังไม่เข้ามารายงานตัวดีเอสไอคงออกหมายจับในมาตรการต่อไป ล่าสุดรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าหากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอพบพระสนิทวงศ์ที่ไหนสามารถจับกุมตัวได้เลย
พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ก็ยังคงเป็นพระที่มีส่วนสำคัญกับหลวงพ่อธัมมชโย ในการทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรของวัดและถือเป็นคนสนิทที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระสนิทวงศ์ แม้จะเป็นหนึ่งในพระที่ดีเอสไอเรียกให้เข้ามารายงานตัว แต่ทางพระมหานพพรก็ยังคงปักหลักร่วมปกป้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยอยู่ในวัดพระธรรมกาย หลังจากที่คสช.มีคำสั่งใช้ ม.44 ก็ไม่เห็นพระมหานพพรออกมาปรากฎตัวร่วมกับพระสนิทวงศ์ในการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนอีกเลย
พระปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม ที่เพิ่งมีบทบาทในการเป็นแกนนำกลุ่มพระสงฆ์ที่ปักหลักสวดมนต์อยู่ที่ตลาดกลางคลองหลวง ถือเป็นพระในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย และเป็นประธานศูนย์ส่งเสริมศีลธรรม จ.ชัยนาท เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าเดินทางมาจากประเทศอินเดียเพื่อมาปกป้องพระพุทธศาสนาและหลวงพ่อธัมมชโย ก่อนที่ตัวแทนจากดีเอสไอ ทหาร และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เชิญตัวพระปลัดเสกสรรค์ขึ้นรถตู้เพื่อเจรจาและไกล่เกลี่ยให้ยุติการชุมนุมแต่ก็ไม่เป็นผล พระปลัดเสกสรรค์ยังย้ำเสมอว่ายังคงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกายก็เปรียบเสมือนบ้าน เมื่อเข้าบ้านไม่ได้ก็ต้องมาคอยอยู่ใกล้ๆบ้าน
ท้ายสุด พระมหาทศพร ปุญญงกุโร เจ้าหน้าที่สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาทำหน้าที่แทนพระสนิทวงศ์ ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร เป็นครั้งแรกในวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงรายละเอียดในฐานะพระสงฆ์ของวัดพระธรรมกายต่อสื่อมวลชน พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโยในคดีการทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และอ้างว่าวัดพร้อมด้วยลูกศิษย์กำลังถูกเจ้าหน้าที่คุกคาม ก่อนจะร้องขอให้เจ้าหน้าที่ยุติการบังคับใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย
ขอบคุณ ::::: dailynews.co.th/crime/559437
เริ่มกันที่คนแรก นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ถือเป็นโฆษกด่านหน้าในการชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับพระเดชพระคุณ หลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกายต่อหน้าสื่อมวลชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะโดนดีเอสไอตั้งข้อหายุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความกระด่างกระเดื่อง ด้วยวลีเด็ดที่ว่า "อย่าทำให้ตกใจ คนเป็นแสนอะไรก็เกิดขึ้นได้" หลังจากถูกออกหมายจับ นายองอาจก็หายตัวไปและไม่ปรากฎต่อหน้าสื่ออีกเลย จนมีมือดีจับภาพหนุ่มหน้าคล้ายนายองอาจไปรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส และปรากฎตัวอีกครั้งในงานรดน้ำศพ นายอนวัช ธนเจริญณัฐ วัย 64 ปี ที่ปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ผูกคอตายเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ยกเลิก ม.44
ด้าน นายอัยย์ เพชรทอง กัลยาณมิตรวัดพระธรรมกาย แกนนำกลุ่ม อารยะ 072 ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่มักจะถูกรายการทางโทรทัศน์เรียกไปสัมภาษณ์ และมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของกลุ่มศิษยานุศิษย์ ก่อนที่ทางดีเอสไอจะออกหมายเรียกและดำเนินคดีกับนายอัยย์ ในข้อหา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะ คสช.ที่ 5/2560,เรื่องการปฏิบัติการในเขตพื้นที่ควบคุมวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560,ห้ามมิให้ผู้ใดที่ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องขยายเสียงในพื้นที่ควบคุม,มิให้ผู้ใดขัดขวางก่อกวน ยั่วยุ หรือทำการประการใดๆ ที่เจ้าหน้าที่พนักงานปฏิบัติการไม่ได้โดยสะดวก และห้ามมิให้กระทำการปลุกระดม ปลุกปั่น หรือชักจูง มวลชน ให้มีพฤติการณ์เชื่อได้ว่าเป็นการปฏิบัติการขัดขวางหรือก่อกวนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมเงื่อนไขห้ามกระทำการณ์ยุยงปลุกปั่นและร่วมชุมนุมต่อต้าน หลังจากนี้ก็คงไม่ใช่แกนนำกลุ่มอารยะ072 อีกต่อไป
ขณะที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ในฐานะผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย มักจะแถลงข่าวต่อหน้าสื่อบ่อยครั้งและหลังจากที่คณะคสช.มีคำสั่งใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย ผอ.สำนักสื่อสารองค์รูปนี้มักจะมีวลีเด็ดปล่อยออกมาในการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกคำสั่ง ม.44 ทั้งผ่านหน้าจอโทรทัศน์และแสดงความคิดเห็นเฟซบุ๊กส่วนตัว กระทั่งดีเอสไอเตรียมออกหมายจับพระสนิทวงศ์ ฐานฝ่าฝืนคำสั่งคสช. หลังเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่มารายงานตัว พร้อมตั้งข้อหายุยง ปลุกปั่นหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย หากพระสนิทวงศ์รูปนี้ยังไม่เข้ามารายงานตัวดีเอสไอคงออกหมายจับในมาตรการต่อไป ล่าสุดรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าหากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอพบพระสนิทวงศ์ที่ไหนสามารถจับกุมตัวได้เลย
พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ก็ยังคงเป็นพระที่มีส่วนสำคัญกับหลวงพ่อธัมมชโย ในการทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรของวัดและถือเป็นคนสนิทที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระสนิทวงศ์ แม้จะเป็นหนึ่งในพระที่ดีเอสไอเรียกให้เข้ามารายงานตัว แต่ทางพระมหานพพรก็ยังคงปักหลักร่วมปกป้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยอยู่ในวัดพระธรรมกาย หลังจากที่คสช.มีคำสั่งใช้ ม.44 ก็ไม่เห็นพระมหานพพรออกมาปรากฎตัวร่วมกับพระสนิทวงศ์ในการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนอีกเลย
พระปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม ที่เพิ่งมีบทบาทในการเป็นแกนนำกลุ่มพระสงฆ์ที่ปักหลักสวดมนต์อยู่ที่ตลาดกลางคลองหลวง ถือเป็นพระในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย และเป็นประธานศูนย์ส่งเสริมศีลธรรม จ.ชัยนาท เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าเดินทางมาจากประเทศอินเดียเพื่อมาปกป้องพระพุทธศาสนาและหลวงพ่อธัมมชโย ก่อนที่ตัวแทนจากดีเอสไอ ทหาร และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เชิญตัวพระปลัดเสกสรรค์ขึ้นรถตู้เพื่อเจรจาและไกล่เกลี่ยให้ยุติการชุมนุมแต่ก็ไม่เป็นผล พระปลัดเสกสรรค์ยังย้ำเสมอว่ายังคงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกายก็เปรียบเสมือนบ้าน เมื่อเข้าบ้านไม่ได้ก็ต้องมาคอยอยู่ใกล้ๆบ้าน
ท้ายสุด พระมหาทศพร ปุญญงกุโร เจ้าหน้าที่สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาทำหน้าที่แทนพระสนิทวงศ์ ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร เป็นครั้งแรกในวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงรายละเอียดในฐานะพระสงฆ์ของวัดพระธรรมกายต่อสื่อมวลชน พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโยในคดีการทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และอ้างว่าวัดพร้อมด้วยลูกศิษย์กำลังถูกเจ้าหน้าที่คุกคาม ก่อนจะร้องขอให้เจ้าหน้าที่ยุติการบังคับใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย
ขอบคุณ ::::: dailynews.co.th/crime/559437