พอเกิดข่าวลือเรื่องขณะนี้มีนางเอกสตรอว์เบอร์รี่ที่ทำเอางานอีเว้นท์ปั่นป่วน
หลายคนก็คิดไกลโยงไปว่าหรือนางเอกที่ว่าจะเป็นเอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
ซึ่งเพิ่งมีกรณีอีเว้นท์กับฌอห์ณ จินดาโชติ ตามที่เป็นข่าวใหญ่โต
อย่างไรก็ตามเจ้าตัวได้ปฏิเสธชัดเมื่อถูกถามในงาน GMMTV 6 nature+
ว่าไม่น่าจะใช่
"เพราะเร็วๆ นี้ยังไม่มีออกอีเว้นท์ไหนเลย อย่างที่เพิ่งมีปัญหาไป อันนั้นเราก็ไม่ได้ไปงานอีเว้นท์ด้วย อย่างที่บอกคือโดนแคนเซิลงาน ไม่น่าจะเกี่ยวแน่นอนค่ะ"เอสเธอร์ว่า
ส่วนอีกอีเว้นท์ของเครื่องสำอางค์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งตอนแรกมีชื่อเธอไปร่วมงาน แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็นดาราอีกคน เอสเธอร์ก็ว่า งานนั้นมีการแคนเซิลไปเช่นกัน เนื่องจากออแกไนซ์เซอร์ผู้จัดงานมีความเห็นว่าอยากให้ภาพงานมีการโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์มากกว่าเรื่องอื่น
"เขาเป็นฝ่ายแคนเซิลค่ะ เขาอยากจะโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์ อยากให้สัมภาษณ์เรื่องผลิตภัณฑ์เขามากกว่า" ทั้งนี้เรืองที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสียความรู้สึกใดๆ เพราะเป็นธรรมดาของการทำงานที่จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้าง
สำหรับเรื่องค่าตัวที่มีการพูดกันว่าเอสเธอร์ไม่ยอมคืนให้นั้น นางเอกสาวกล่าวว่า ความจริงเรื่องการไม่คืนเงินมัดจำหากมีการแคนเซิลงานต้องถือเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนแม่ของตนจะมีการคืนไป
"เวลาทำงานก็ต้องมีการมัดจำถ้าได้คอนเฟิร์มแล้ว พอมัดจำปุ๊บ ถ้ามีการแคนเซิลคุณก็ต้องจ่ายมาทั้งหมดใช่ไหมคะ แต่สุดท้ายเขามาบอกว่าขอคืนได้ไหมค่ามัดจำ ซึ่งถ้าตามที่ทำงาน สัจจะลั่นแล้ว ก็ต้องทำตามที่เซ็นสัญญาไว้ แต่โอเคไม่เป็นไร เขาคุยกับคุณแม่ ซึ่งหนูไม่รู้รายละเอียดอะไร โอเค หยวนๆ ไปแล้วกัน ก็เลยคืนไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าคุณแม่คืนหมดไหม ไม่รู้รายละเอียด แต่ได้ยินคุณแม่คุยโทรศัพท์ ทำให้รู้แค่เบื้องต้นค่ะ"
อย่างไรก็ตามถ้าหากมีการพูดว่าตนเบี้ยวงานและไม่ยอมคืนเงินก็คงไม่ไปแก้ไขอะไร เพราะเรื่องอย่างนี้ต่างคนต่างต้องรู้แก่ใจดี
"รู้ว่าอะไรมันคืออะไร เราก็ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรแล้ว"
72911
เอสเธอร์ยังบอกอีกว่าแม้ระยะหลังจะมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาการทำงานอีเว้นท์ติดๆกัน แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในการทำงาน และเมื่อถามถึงเรื่องที่มีบางคนติดภาพว่าเป็นนางเอกสตรอว์เบอร์รี่ไปแล้ว เอสเธอร์ก็ว่าต้องทำใจ
"แล้วแต่คนจะคิดแล้วกันค่ะ เพราะเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และอีกอย่างก็ชินแล้ว เพราะมันเป็นอาชีพที่ก็สิ้นเปลืองเหมือนกันนะ คนจะเอาเราไปว่า เอาเราไปพูดอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็ยังไม่ได้รู้จักเราดี เราก็ต้องทำใจและเข้าใจ ณ จุดๆ นี้ ไม่เครียดๆ พยายามจะไม่คิด ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ ถ้าวันหลังจะแจกขอเป็นของจริงดีกว่า"เอสเธอร์บอกพลางหัวเราะ
อย่างไรก็ตามเธอยอมรับว่าข่าวที่เกิดขึ้นนั้น ช่วงแรกๆก็บั่นทอนจิตใจ แต่หลังๆก็ชิน
"มันเหมือนเป็นยาชั้นดีให้เรารู้สึกว่าเรามีเกราะที่แข็งแรงมากขึ้น เราโตขึ้น เรามองเห็นโลกที่กว้างมากขึ้นค่ะ"
"เพราะเร็วๆ นี้ยังไม่มีออกอีเว้นท์ไหนเลย อย่างที่เพิ่งมีปัญหาไป อันนั้นเราก็ไม่ได้ไปงานอีเว้นท์ด้วย อย่างที่บอกคือโดนแคนเซิลงาน ไม่น่าจะเกี่ยวแน่นอนค่ะ"เอสเธอร์ว่า
ส่วนอีกอีเว้นท์ของเครื่องสำอางค์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งตอนแรกมีชื่อเธอไปร่วมงาน แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็นดาราอีกคน เอสเธอร์ก็ว่า งานนั้นมีการแคนเซิลไปเช่นกัน เนื่องจากออแกไนซ์เซอร์ผู้จัดงานมีความเห็นว่าอยากให้ภาพงานมีการโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์มากกว่าเรื่องอื่น
"เขาเป็นฝ่ายแคนเซิลค่ะ เขาอยากจะโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์ อยากให้สัมภาษณ์เรื่องผลิตภัณฑ์เขามากกว่า" ทั้งนี้เรืองที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสียความรู้สึกใดๆ เพราะเป็นธรรมดาของการทำงานที่จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้าง
สำหรับเรื่องค่าตัวที่มีการพูดกันว่าเอสเธอร์ไม่ยอมคืนให้นั้น นางเอกสาวกล่าวว่า ความจริงเรื่องการไม่คืนเงินมัดจำหากมีการแคนเซิลงานต้องถือเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนแม่ของตนจะมีการคืนไป
"เวลาทำงานก็ต้องมีการมัดจำถ้าได้คอนเฟิร์มแล้ว พอมัดจำปุ๊บ ถ้ามีการแคนเซิลคุณก็ต้องจ่ายมาทั้งหมดใช่ไหมคะ แต่สุดท้ายเขามาบอกว่าขอคืนได้ไหมค่ามัดจำ ซึ่งถ้าตามที่ทำงาน สัจจะลั่นแล้ว ก็ต้องทำตามที่เซ็นสัญญาไว้ แต่โอเคไม่เป็นไร เขาคุยกับคุณแม่ ซึ่งหนูไม่รู้รายละเอียดอะไร โอเค หยวนๆ ไปแล้วกัน ก็เลยคืนไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าคุณแม่คืนหมดไหม ไม่รู้รายละเอียด แต่ได้ยินคุณแม่คุยโทรศัพท์ ทำให้รู้แค่เบื้องต้นค่ะ"
อย่างไรก็ตามถ้าหากมีการพูดว่าตนเบี้ยวงานและไม่ยอมคืนเงินก็คงไม่ไปแก้ไขอะไร เพราะเรื่องอย่างนี้ต่างคนต่างต้องรู้แก่ใจดี
"รู้ว่าอะไรมันคืออะไร เราก็ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรแล้ว"
72911
เอสเธอร์ยังบอกอีกว่าแม้ระยะหลังจะมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาการทำงานอีเว้นท์ติดๆกัน แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในการทำงาน และเมื่อถามถึงเรื่องที่มีบางคนติดภาพว่าเป็นนางเอกสตรอว์เบอร์รี่ไปแล้ว เอสเธอร์ก็ว่าต้องทำใจ
"แล้วแต่คนจะคิดแล้วกันค่ะ เพราะเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และอีกอย่างก็ชินแล้ว เพราะมันเป็นอาชีพที่ก็สิ้นเปลืองเหมือนกันนะ คนจะเอาเราไปว่า เอาเราไปพูดอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็ยังไม่ได้รู้จักเราดี เราก็ต้องทำใจและเข้าใจ ณ จุดๆ นี้ ไม่เครียดๆ พยายามจะไม่คิด ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ ถ้าวันหลังจะแจกขอเป็นของจริงดีกว่า"เอสเธอร์บอกพลางหัวเราะ
อย่างไรก็ตามเธอยอมรับว่าข่าวที่เกิดขึ้นนั้น ช่วงแรกๆก็บั่นทอนจิตใจ แต่หลังๆก็ชิน
"มันเหมือนเป็นยาชั้นดีให้เรารู้สึกว่าเรามีเกราะที่แข็งแรงมากขึ้น เราโตขึ้น เรามองเห็นโลกที่กว้างมากขึ้นค่ะ"
cr.matichon ,esthersupree