จากกรณีพันตำรวจเอก
ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ได้ออกมาเปิดเผยถึงการควบคุมตัวพระเณร 11 รูป
และประชาชนอีกจำนวนหนึ่งจากตลาดป้าเช็งมาสอบสวน
โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. กำลังคัดแยกพระ-เณร
โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากตลาดกลางคลองหลวงประมาณ 1 กิโลเมตร เบื้องต้นพนักงานสอบสวนพบหลักฐานการสั่งการ การโอนเงินเข้าบัญชีภายในกลุ่มพระสงฆ์จำนวน 1 แสนบาท และได้เร่งตรวจสอบความเชื่อมโยง
"
พระสงฆ์บางรูปมาจากจังหวัดอุบลราชธานี
ค้นโทรศัพท์พบข้อความการชักชวนให้ชุมนุมก่อความไม่สงบ และพระสงฆ์2-3
รูปไม่มีใบสุทธิ ถ้าตรวจสอบพบว่าไม่ได้บวชจริง
จะดำเนินคดีข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ในส่วนของเณรบางองค์อายุประมาณ 13 -14
ปีแม้พฤติการณ์และเจตนาเป็นการกระทำผิดชัดเจน
แต่ต้องคัดกรองว่ามีใครชักชวนมาหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรเณรก็เป็นเด็ก
ส่วนแรงงานต่างด้าว 6 ราย
ได้ให้กระทรวงแรงงานร่วมคัดกรองว่ามีใบอนุญาตทำงานถูกต้องหรือไม่
และจะพิจารณาเจตนาเพราะอาจเข้าทำงานตามคำสั่งของนายจ้าง "
นอกจากนี้
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังกล่าวถึงเจ้าของตลาดป้าเช็ง
ซึ่งดีเอสไอยังไม่พบความเชื่อมโยง ขอชี้แจงอีกครั้งว่าพื้นที่ใน อ.คลองหลวง
คลองสอง และคลองสาม อยู่ในพื้นที่ประกาศพื้นที่ควบคุมทั้งหมด
ที่ผ่านมาทางดีเอสไอ
พบความพยายามย้ายฐานการชุมนุมออกไปจึงต้องเข้าดำเนินการ
สำหรับการขอคืนพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการ
โดยเป็นประเด็นละเอียดอ่อน จึงไม่ได้กำหนดกรอบเวลา
ระหว่างนี้ดีเอสไอได้จัดทำตารางผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายทั้งหมด
ในส่วนของพระ 14 รูป อยู่ระหว่างออกหมายเรียกครั้งที่ 2
ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 5 มีนาคม นี้ ส่วนผู้ที่มารายงานตัวแล้ว 2 ราย
ในสัปดาห์หน้าจะสรุปสำนวนส่งอัยการทั้งนี้ขอยืนยันว่า
เจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ใครยังไม่มีพฤติการณ์กระทำผิด
จะสั่งให้ออกนอกพื้นที่ ถ้าฝ่าฝืนเข้ามาก็จับกุม