16
มีนาคม ที่มูลนิธิเพื่อนช้าง จ.ลำปาง นางสาวโซไรดา ซาลวาลา อายุ 60 ปี
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง
กล่าวถึงกรณีที่ออกมาโพสต์ข้อความว่าจะยุติบทบาทการทำงานเกี่ยวกับช้างว่า
เรื่องดังกล่าวนั้น ยังไม่เป็นความจริง
แต่ที่ต้องออกมาพูดเพราะขณะนี้ได้ประสบปัญหาด้านการเงิน
เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากกว่ารายรับที่เข้ามา
ซึ่งในแต่ละเดือนนั้นต้องแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าดูแลช้าง
เงินเดือนเจ้าหน้าที่ และการบริหารจัดการต่างๆ ถึงเดือนละ 8 แสน ถึง 1
ล้านบาท ขณะที่ในแต่ละเดือนมีรายรับเพียงเดือนละ 3-4 แสนบาทในปี 2559
ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงเงินสำรองที่ใช้ในการดูแลช้างทุกบัญชีมีเงินเหลือเพียง
12 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ได้แค่เพียง 1 ปีเท่านั้น
เงินบริจาคต่อเดือนก็ไม่ได้มากอย่างที่คิด บัญชีงบดุลของเราขาดดุลมากว่า 11
ปีแล้ว ซึ่งทำให้เราคิดว่าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือก็คงต้องปิดมูลนิธิฯ
ลง แต่ทั้งนี้ เป็นความคิดของตนเพียงคนเดียว
ยังจำเป็นที่ต้องนำเรื่องเข้าคณะกรรมการมูลนิธิฯ
เพื่อหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"หลังจากที่มีข่าวออกไป ก็มีผู้สื่อข่าวและประชาชนให้ความสนใจ โทรศัพท์และส่งข้อความมาแสดงความเห็นใจและยื่นมืออยากให้ความช่วยเหลือมาก ต้องขอบคุณมาก แต่ใจจริงไม่อยากรบกวนภาคประชาชนอีกแล้ว เพราะเห็นว่าทุกคนก็ลำบาก มีความเดือดร้อนด้วยกันทั้งนั้น ส่วนตัวคิดว่าแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นคือการที่ภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยผ่านกองทุนช้าง ที่พูดมานานหลายปีแล้ว เพราะภาครัฐมีเงินที่จะสนับสนุนมูลนิธิต่างๆอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาน่าน้อยใจมากเพราะมูลนิธิเพื่อนช้างกลับไม่ค่อยได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ประชาชนไม่สามารถบริจาคและนำไปลดหย่อนภาษีได้ ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่เลือกที่จะบริจาคมูลนิธิฯ เรายื่นเรื่องไปแล้วหลายครั้งปัญหาคือมูลนิธิเพื่อนช้างต้องนำเงินไปบริจาคให้ภายนอก 60% แต่เราไม่สามารถทำได้เพราะต้องนำเงินไปบริหารจัดการภายใน ปัญหานี้เกิดขึ้นนานมากจนตัดใจแล้ว"นางโซไรดา กล่าว
นางโซไรดา กล่าวด้วยว่า วิกฤตครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดแล้วตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ ดูแลช้างมา แต่ก็ยังคิดว่าอย่างไรต้องทำต่อ เพราะมีช้างเข้ามาขอความช่วยเหลือเป็นระยะ จากนี้ก็ยังคงรับรักษาและช่วยเหลือช้างอยู่ต่อไป หากปิดตัวลงจริงๆ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ยังมีโอกาสไปทำงานที่อื่นได้ แต่หากเป็นช้าง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกวันนี้รู้สึกท้อแต่ที่มีกำลังใจเพราะเห็นช้างได้รับการดูแลและหายจากอาการเจ็บป่วย เป็นความสุขของคนทำงานด้านนี้
"หลังจากที่มีข่าวออกไป ก็มีผู้สื่อข่าวและประชาชนให้ความสนใจ โทรศัพท์และส่งข้อความมาแสดงความเห็นใจและยื่นมืออยากให้ความช่วยเหลือมาก ต้องขอบคุณมาก แต่ใจจริงไม่อยากรบกวนภาคประชาชนอีกแล้ว เพราะเห็นว่าทุกคนก็ลำบาก มีความเดือดร้อนด้วยกันทั้งนั้น ส่วนตัวคิดว่าแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นคือการที่ภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยผ่านกองทุนช้าง ที่พูดมานานหลายปีแล้ว เพราะภาครัฐมีเงินที่จะสนับสนุนมูลนิธิต่างๆอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาน่าน้อยใจมากเพราะมูลนิธิเพื่อนช้างกลับไม่ค่อยได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ประชาชนไม่สามารถบริจาคและนำไปลดหย่อนภาษีได้ ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่เลือกที่จะบริจาคมูลนิธิฯ เรายื่นเรื่องไปแล้วหลายครั้งปัญหาคือมูลนิธิเพื่อนช้างต้องนำเงินไปบริจาคให้ภายนอก 60% แต่เราไม่สามารถทำได้เพราะต้องนำเงินไปบริหารจัดการภายใน ปัญหานี้เกิดขึ้นนานมากจนตัดใจแล้ว"นางโซไรดา กล่าว
นางโซไรดา กล่าวด้วยว่า วิกฤตครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดแล้วตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ ดูแลช้างมา แต่ก็ยังคิดว่าอย่างไรต้องทำต่อ เพราะมีช้างเข้ามาขอความช่วยเหลือเป็นระยะ จากนี้ก็ยังคงรับรักษาและช่วยเหลือช้างอยู่ต่อไป หากปิดตัวลงจริงๆ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ยังมีโอกาสไปทำงานที่อื่นได้ แต่หากเป็นช้าง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกวันนี้รู้สึกท้อแต่ที่มีกำลังใจเพราะเห็นช้างได้รับการดูแลและหายจากอาการเจ็บป่วย เป็นความสุขของคนทำงานด้านนี้
เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์มติชน