Home »
Uncategories »
พระวิทยา ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ฝากคาถาหัวใจมหาเศรษฐี
พระวิทยา ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ฝากคาถาหัวใจมหาเศรษฐี
โลกโซเชียลได้มีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก "พระวิทยา
กิจฺจวิชฺโช" ของ "พระวิทยา
กิจฺจวิชฺโช" เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ได้โพสต์ "ธรรมะ" เพื่อให้ข้อคิดแก่ผู้ที่เป็นหนี้เป็นสินและอยากรอดพ้นจากการเป็นหนี้
โดยข้อความดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า "คนที่จะสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองให้กับสังคมและประเทศชาติได้
หรือจะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยอดเยี่ยม
มันต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความคิดอันละเอียดสุขุมคัมภีรภาพ
มีวิจารณญาณอันลึกซึ้ง มองการณ์ไกลไปจนสุดลูกหูลูกตา
ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่สิ่งที่ตามองเห็น หรือหูได้ยิน
แต่มันต้องมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปอีกหลาย ๆ ชั้น ถึงแม้ตาจะมองไม่เห็น
หรือหูจะไม่ได้ยิน แต่ใจมันไปถึงได้ ใจมันรู้ได้"
ความสำเร็จของคนเรามันมักหลบซ่อนอยู่ในฉากที่เรามองไม่เห็น
ถ้ามันมองเห็นกันได้ง่าย ๆ
โลกนี้ก็คงมีแต่คนประสบความสำเร็จกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง
คงไม่มีใครจะประสบความล้มเหลว จนถึงขั้นล้มละลายหายนะ
ทุกวันนี้มันมีแต่คนเป็นหนี้ มีแต่คนจะล้มละลาย ไปถามคนเหล่านั้นสิ!
มีใครอยากเป็นหนี้บ้าง มีใครอยากจะล้มละลายบ้าง หรือแม้แต่นักโทษในคุก
ไปถามดูสิ! มีใครอยากติดคุกบ้าง คำตอบจะเป็นเหมือนกันหมดนะ คือ
ไม่อยากเป็นหนี้ ไม่อยากติดคุกกันทั้งนั้น
แต่ว่าสาเหตุที่จะทำให้เป็นหนี้ สาเหตุที่จะทำให้ติดคุก
ก็พวกมันนั่นแหละ ทำกันเอง ธรรมท่านสอนไว้ ก็พวกมันอีกนั่นแหละ ไม่เคยอ่าน
ไม่เคยฟัง หรืออาจจะเคยอ่าน เคยฟัง แต่มันไม่เชื่อ ไม่ทำตาม
ก็จึงเป็นเหตุให้ทำอะไรผิด ๆ พลาด ๆ
ผลก็จึงออกมาเป็นตรงกันข้ามกับที่ตัวเองปรารถนา ธรรมท่านสอนว่า
"ถ้าอยากได้ดี ก็ต้องทำดีเท่านั้น ถ้าอยากได้ชั่ว ก็ทำชั่วเข้าไป
และใครทำดีก็ได้ดีเอง ใครทำชั่วก็ได้ชั่วเอง
บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่วหาได้ไม่" นี่! จงจำไว้ให้ถึงใจ
ธรรมท่านสอนไพเราะมากนะ แต่เราถอดคำพูดมาเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ๆ
มันจะได้บุกทะลุทะลวงเจาะกระโหลกหนา ๆ ของใครบางคนได้ แม้กระนั้น
ยังเจาะไม่เข้าก็มีนะ เฮ้อ!! ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรเหมือนกัน เอ๊ย!
ไม่ใช่สิ! พูดผิด ต้องบอกว่า ไม่รู้จะสวดมนต์บทไหนดี ลืมไป!
พระร้องเพลงไม่ได้ ให้ลูกศิษย์ร้องแทน
ถ้าใครอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยั่งยืน จงจำสิ่งที่เราจะบอกต่อไปนี้ไว้ให้ดี ๆ
1. จงอย่าได้ตัดสินสิ่งใด ๆ เอาตามความชอบใจของตนเอง
โดยปราศจากเหตุผลที่ถูกต้องดีงามเป็นเครื่องรองรับ คนที่เป็นเช่นนี้
มักเป็นคนที่จะประสบความล้มเหลวถึงขั้นฉิบหายอย่างรวดเร็วที่สุด
2. จงรู้ไว้ว่า สิ่งที่ตาเราเห็น สิ่งที่หูได้ยิน กับสิ่งที่ใจเราคิด
มันอาจเป็นคนละอย่างกันก็ได้ จงคิดอ่านตรวจตรองให้ดีเสียก่อน
อย่าด่วนตัดสินใจ ตราบใดที่ยังไม่รู้แน่ชัด ว่าอะไรจะผิด อะไรจะถูก
อะไรจะดี อะไรจะชั่ว ก็ใจเย็น ๆ เข้าไว้ ตาเรามันอาจจะมองเห็นผิดก็ได้
หูเราก็อาจจะฟังเสียงผิดก็ได้ ใจเราก็อาจจะคิดผิดก็ได้
เมื่อใดที่เรามองภาพผิด ฟังคำพูดผิด และใจก็คิดผิดไปตาม
ก็จะเป็นเหตุให้ตัดสินใจผิด ทำผิด พูดผิด เมื่อนั้นความฉิบหายก็จะมาเยือน
เอาแค่สองข้อนี้ จงกำหนดจดจำไว้ให้ดี ๆ อย่าทำพลาด หากใครทำได้
เราการันตีให้ว่า ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ความฉิบหายแน่นอน
เว้นไว้แต่มีกรรมในอดีตส่งผล อันนั้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะไม่มีใครจะอยู่เหนือกรรม ก็ต้องยอมรับกรรมกันไป แต่ก็ถือว่า
ปัจจุบันได้ทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องละอายต่อฟ้าดิน
ถ้าใครไม่อยากเป็นหนี้ ไม่อยากล้มละลายฉิบหายวายป่วง
ธรรมท่านสอนให้ทำสิ่งต่อไปนี้ จงจำไว้ให้ดี ๆ คาถาหัวใจมหาเศรษฐี 4 ตัว
นี้... อุ อา กะ สะ
1. อุ คือ อุฏฐานสัมปทา อย่าขี้เกียจขี้คร้าน มีหน้าที่การงานอะไรที่ตัวเองต้องทำ ก็จงขยันตั้งใจทำมันให้ดี ๆ
2. อา คือ อารักขสัมปทา
รู้จักเก็บเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไว้ใช้ในยามจำเป็นบ้าง
ได้มากก็เก็บมาก ได้น้อยก็เก็บน้อย ควรเสียจึงเสีย ไม่ควรเสียก็อย่าไปเสีย
3. กะ คือ กัลยาณมิตตตา ให้คบเพื่อนที่ดี อย่าไปคบเพื่อนเห้..
จะมีเพื่อนดีได้ ก็ต้องทำตัวเองให้เป็นคนดีเสียก่อน เพราะคนอื่น
เขาก็ไม่ต้องการเอาคนเห้..มาเป็นเพื่อนเหมือนกัน เว้นไว้แต่ เห้..กับ เห้..
ก็จึงเข้ากันได้เอง
4. สะ คือ สมชีวิตา ทำตัวให้มันเหมาะสมกับฐานะของตัวเอง
เป็นยาจกก็อย่าไปทำตัวเป็นเศรษฐี มันจะติดหนี้ติดสิน
หรือเป็นเศรษฐีก็อย่าไปทำตัวเป็นเหมือนยาจก
มันก็จะกลายเป็นเศรษฐีขี้ตระหนี่ถี่เหนียว เอาแต่ได้เห็นแก่ตัว เกิดเป็นคน
ต้องรู้จักประมาณตัวเองในการใช้ชีวิตว่าความพอดีมันอยู่ตรงไหน นั่นแหละ
มัชฌิมาปฏิปทา
นี่! ที่ธรรมท่านสอนไว้ ใครน้อมเอามาประพฤติปฏิบัติด้วยความเคารพ
ก็จะประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวอ้าปากร้องขอให้ใครมาช่วย ก็ไม่มีใครช่วยได้หรอก
เทวดาเขาก็ไม่กล้าจะรับสินบน
เห็นมีแต่มนุษย์นี่แหละ ที่กินสินบนหลอกลวงต้มตุ๋นกันให้วุ่นวายไปหมด
คนโง่ก็ตกเป็นเหยื่อของคนที่โคตรโง่ เข้าใจไหม?
คนที่ยิ่งหลอกเขาได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นคนโง่หนักมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่คนฉลาด คนฉลาดต้องฉลาดด้วยศีลด้วยธรรม ก็มีแต่คนโง่นั่นแหละ
ที่ไปอบาย คนฉลาดไม่มีใครเขาไปอบายกันหรอก
และไม่ต้องไปให้พระที่ไหนมาหลอกอีกนะ
จะไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ปลุกเสกลงเลขลงยันต์อะไร
หรือจะรดน้ำมนต์กันทีหนึ่งเป็นตุ่มเป็นไห จะทำพิธีอะไร ก็ทำไปเถอะ
แต่ถ้าพวกคุณยังทำชั่วกันอยู่ มันก็ฉิบหายเหมือนเดิม
พระพุทธเจ้าสอนไว้ จงจำให้ถึงใจ เราจะแปลมาเป็นภาษาของเราให้ฟัง
เพื่อให้มันทะลุทะลวงเจาะกระโหลกหนา ๆ ได้
เพราะบางคนกระโหลกหนาเท่านั้นยังไม่พอ แถมแม่ม..ใส่หมวกกันน๊อกเข้าไปอีก
ต้องใช้ธรรมะประเภทติดหัวรบนิวเคลียร์
หรือไม่ก็ต้องติดกระสุนเจาะเกราะถึงจะได้ผล
ถึงกระนั้นก็ยังหวังผลได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์
จะอุปมาให้ฟัง ใครกิน คนนั้นก็ต้องเป็นคนอิ่ม
จะให้คนอื่นมาอิ่มแทนไม่ได้ หรือจะใช้ให้คนอื่นไปกินแทน
แล้วมาอิ่มอยู่ที่ตัวเองก็ไม่ได้ หรือถ้าใครปวดขี้ คนนั้นก็ต้องไปขี้เอง
จะใช้คนอื่นไปขี้แทนหาได้ไม่ ถ้าหากไม่ไปขี้เอง
ต่อให้คุณจ้างคนอื่นไปขี้แทนกี่ร้อยกี่พันคน
ก็ไม่มีทางที่จะทำให้คุณหายปวดขี้ได้ เข้าใจไหม?
จึงสมกับที่ธรรมท่านสอนว่า "ใครอยากได้ดี ก็ต้องทำดีเอง ใครอยากได้ชั่ว
ก็ต้องทำชั่วเอง บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่ว หาได้ไม่!"