หากพูดถึง “มะม่วง” หลายๆ
คนก็อาจจะรู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมาในทันทีเลยใช่ไหมล่ะ
ไม่ว่าจะกินตอนดิบหรือสุกแล้วก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ก็มีหลายคนไม่ชอบทาน
เพราะเชื่อว่า มะม่วงมีแป้งเยอะ ทานแล้วจะทำให้อ้วน หารู้ไม่ว่า
มะม่วงนี่ล่ะคือ ผลไม้มากคุณประโยชน์ที่รู้แล้วต้องกรี๊ด เเน่นอน
เรามาดูกันว่าหากคุณ กินมะม่วง บ่อยๆ จะเป็นยังไงจะมีอะไรตามมาต้องไปดู
1. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต – มะม่วง
เป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วง
มีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม
ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ –
นอกจากนี้มะม่วงยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย
2. ป้องกันโรคมะเร็ง – สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วง อย่างเช่น
เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (isoquercitrin) แอสตรากาลิน
(astragalin) ไฟเซติน (fisetin) เมทิลแกทเลท (methylgallat)
มีฤทธิ์เป็นสารต้านนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ในการตอต้านการเกิดโรคมะเร็ง –
นอกจากนี้ในมะม่วงก็ยังมีเพคติน (pectin) สูง
และมีผลการวิจัยพบว่าสารเพคตินนี่ล่ะที่มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้
3. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น –
ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารขอแนะนำให้รับประทานมะม่วงเลยล่ะ
เพราะในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย
– ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารได้อีกด้วยล่ะ
กินมะม่วง ทุกๆวัน บ่อยๆ จะส่งผลทำให้ร่างกายคุณเปลี่ยนไป
4. ป้องกันโรคหัวใจ – วิตามินเอและวิตามินอีในมะม่วงรวมทั้งซีลีเนียม
(Selenium) สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ –
ไม่เพียงเท่านั้นในมะม่วงยังมีวิตามินบี 6
ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจด้วยการลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) –
เพราะเจ้าโฮโมซิสเตอีนนี่เป็นกรดอะมิโนที่สามารถสร้างความເสีຍหาຍให้กับผนังหลอดเลือดได้
อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั่นเองค่ะ
5. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย – เพคตินและวิตามินซี
ในมะม่วง เป็นพระเอกที่ขาดไม่ได้เลย เพราะสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้
สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในร่างกายได้ –
แต่ทั้งนี้ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข่มันในเลือดสูงก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทานจะดีกว่าค่ะ
6. บำรุงสมอง
– วิตามินบี 6 ในมะม่วงนอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจแล้ว
ก็ยังช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง เพราะเจ้าวิตามินบี 6 นี้
มีส่วนสำคัญในการทำงานของสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยในการกำหนดอารมณ์
และรูปแบบในการนอนหลับ –
การเติมมะม่วงลงไปในอาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับกลูตาไมน์ (Glutamine)
ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้สมองสามารถจดจำและมีสมาดีขึ้น
และยังทำให้เซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
7. รักษาโรคเบาหวาน – โรคเบาหวาน
วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดคืออการไม่รับประทานของหวาน
ซึ่งมะม่วงก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงแต่ขอบอกไว้เลยว่ามะม่วงนี่ล่ะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้
– เพียงแค่นำใบมะม่วง 10-15
ใบแช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน
จากนั้นในตอนเช้านำน้ำนี้มาดื่มในขณะที่ท้องว่าง
จะสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้
– วิธีนี้สามารถรับประทานได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานหรือไม่เป็นก็ได้
หากผู้ที่มีสุขภาพปกติดื่มน้ำแช่ใบมะม่วงก็จะยิ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
8. บำรุงสายตา – มะม่วงมีวิตามินเอสูง
ดังนั้นจึงช่วยบำรุงสายตาให้ยังใสปิ๊งปั๊งอยู่เสมอ
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องการการเสื่อมของจอประสาทตาเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
9. บำรุงผิวพรรณ –
ต้องยกความดีความชอบให้กับวิตามินเออีกครั้งเพราะวิตามินเอในมะม่วงนั้นมีคุณประโยชน์เพียบพร้อมจริง
ๆ แม้แต่ในเรื่องผิวพรรณ –
การรับประทานมะม่วงทำให้เราได้รับวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในเนื้อเยื่อและผิวหนัง
ช่วยให้การอุดตันของรูขุมขนลดลงส่งผลให้ผิวพรรณเรียบเนียนได้ค่ะ
10. รักษาสิว –
หากใครไม่ชอบทานมะม่วงแต่ก็อยากรักษาสิวให้หายโดยไม่พึ่งยาละก็ลองหันมาใช้มะม่วงในการรักษาได้ค่ะ
เพราะเนื้อมะม่วงนี้แม้เราจะไม่ได้รับประทานแต่ก็สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ
ลดสิวบนใบหน้าที่กวนใจได้ – เพียงฝานมะม่วงบาง ๆ วางใบหน้าทิ้งไว้ 30 นาที
จากนั้นล้างออก วิตามินเอในมะม่วงก็ช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นปลิดทิ้งเลย
11. รักษาโรคโลหิตจางในหญิงที่ตั้งครรภ์ – มะม่วงเปรี้ยว ๆ
ถือเป็นของที่ถูกใจว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก
เพราะช่วยรักษาอาการแพ้ท้องได้เป็นอย่างดี
แต่อย่าเพิ่งคิดว่ามะม่วงมีดีเพียงแค่นั้น เพราะมะม่วงก็มีธาตุเหล็ก
ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อหญิงที่กำลังตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน
พราะหญิงตั้งครรภ์นั้นมักจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ง่าย
–
การรับประทานมะม่วงก็จะช่วยให้ธาตุเหล็กอันเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางมีระดับสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ
12. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย –
มะม่วงมีสารเบต้าแคโรทีมเช่นเดียวกับผักผลไม้มีสีส้มและสีเหลืองอื่น ๆ เช่น
แครอท เป็นต้น
โดยสารเบต้าแคโรทีนนั้นเป็นสารแคโรทีนอยด์อันมีคุณสมบัติในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
– ฉะนั้นถ้าไม่อยากป่วยง่ายก็ควรจะรับประทานมะม่วงเป็นประจำ
จะทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น