รีวิวน้ำหอมสำหรับผู้ชาย ใช้แล้วติดใจ ถ้าอยากเป็นผู้ชายตัวหอมต้องลอง

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่หลายคนขาดไม่ได้ก็คือการฉีดน้ำหอม กลิ่นที่ชอบ หอมๆ ก่อนออกจากบ้าน วันนี้เราจะพาไปรีวิวน้ำหอมสำหรับผู้ชาย จากทางสมาชิกพันทิป Yajirobe  ได้รีวิวน้ำหอมสำหรับผู้ชายที่เคยใช้มาแบบละเอียดยิบ ตัวหอมสุดๆ มีตัวไหนบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยครับ 

     ขอเกริ่นก่อนเลย ว่าผมอ่านกระทู้ในพันทิปมานานสักพักใหญ่ๆ แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ผมได้มาตั้งกระทู้เอง (ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ) แต่ตอนนี้รู้สึกว่าน้ำหอมที่ผมมีและใช้อยู่ถือว่ามีเยอะพอประมาณที่จะเอามาลองเล่าให้เพื่อนๆฟัง เผื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่กำลังสนใจหรือกำลังตัดสินอยากจะซื้อมาลองใช้ หรือคุณผู้หญิงที่อยากจะหาน้ำหอมให้คนพิเศษแต่ยังตัดสินใจไม่ถูก ผมก็จะสรุปว่าเหมาะกับคนประเภทไหนไว้เผื่อเป็นตัวช่วยนะครับ

       ปล. บางขวดอาจจะไม่มีรูปเพราะใช้หมดแล้วก็ทิ้งไม่ได้เก็บเอาไว้ แต่ถ้าอันไหนมีก็จะมีแนบให้ดูนะครับ เกริ่นมาเยอะละเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ น้ำหอมที่ผมจะเล่าให้ฟังนั้นผมได้แบ่งหมวดออกมาประมาณ 3 หมวดนะครับ โดยจะมีดังต่อไปนี้

       หมวดที่ 1: กลิ่นสะอาดเย็นๆสบายๆ (ตัวเราหอมสะอาดคนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีไปตามๆกัน)

       หมวดที่ 2: กลิ่นสุขุมนุ่มๆ ได้กลิ่นแล้วฝันๆ

       หมวดที่ 3: กลิ่นสดชื่นแนวผลหมากรากไม้และดอกไม้

       พอมานั่งๆดูน้ำหอมที่ผมใช้ส่วนใหญ่จะเป็นของ Bvlgari, Chanel และ Jo Malone ซะส่วนมาก แต่ก็ยังมีแบรนด์อื่นๆด้วย

       ปล. เรื่องน้ำหอมเป็นเรื่องของรสนิยมจริงๆบางที่อาจจะไม่ถูกใจทุกคน อยากให้อ่านแล้วไปลองดมดูก่อน ซึ่งถ้ามีความคิดเห็นยังไงติชมได้นะครับ

       เริ่มแรกด้วย หมวดที่ 1: กลิ่นสะอาดเย็นๆสบายๆ

       1. Issey Miyake L’Eau d’Issey Pour Homme (ใช้มามากกว่า 10 ขวดแล้วครับ) เป็นน้ำหอมที่ใช้แล้วจะรู้สึกว่าบุคคลิกเราจะดูเรียบร้อยแต่แอบขี้เล่น หอมสะอาดไปทั้งวัน

        กลิ่นนี้ทำให้ลุคเราดูเป็นคนสงบแต่มีความแอบซ่าหน่อยๆ เวลาไปไหนเพื่อนจะได้กลิ่นก่อนเลยเพราะมีครั้งหนึ่งผมลงลิฟต์แล้วเพื่อนลงตามมาบอกว่าได้กลิ่นน้ำหอมผมที่ผมใช้วันนี้หอมไปทั้งลิฟต์เลย มันเลยรู้เลยว่าผมลงมาจากลิฟต์แล้ว ตอนนั้นผมก็เอ๊ะมันจะดีหรือไม่ดีเพราะมันฉุนหรือเปล่า เลยถามคนรอบตัวทุกคนก็ตอบว่าไม่นะมันกลิ่นหอมแบบสะอาดๆ ดมแล้วรู้สึกหลงๆยังไงไม่รู้ 5555

        ส่วนประสบการณ์จากการใช้ที่ยังจำได้คือมีวันหนึ่งผมขึ้นรถไฟฟ้าแล้วมีคนเดินตามมาถามว่าน้ำหอมผมใช้อะไร ได้กลิ่นตั้งแต่เข้ามาแล้วแต่ไม่กล้าถาม จนผมจะลงรถไฟฟ้าเข้าเลยเดินมามาถามเพราะ เค้าชอบกลิ่นแนวนี้แต่ไม่รู้จะซื้อของอะไร (ตอนนั้นน้ำหอมนี้คนยังไม่ค่อยใช้กัน แต่ตอนนี้หลายๆคนคงน่าจะรู้จักกันหมดแล้ว)

        ซึ่งผมก็ใช้มาเรื่อยๆ พูดตามตรงได้กลิ่นครั้งแรกคือชอบมากเพราะโดยส่วนตัวผมของกลิ่นน้ำหอมแนวซีตรัสอยู่แล้ว แต่ขวดนี้มันเป็นกลิ่นผลไม้รสเปรี้ยวผสมกับไม้หอมต่างๆนานาจนมาเป็นขวดนี้ ซึ่งผมเป็นคนขี้ร้อนมากใช้กับอากาศบ้านเรายิ่งเหมาะเพราะมันสดชื่น ใช้ตอนเช้ากลับบ้านมาเที่ยงคืนยังติดผิวอยู่เลย แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นผมใช้ไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มชินจนแอบมีวอกแวกไปใช้อย่างอื่น (ขนาดเบื่อยังใช้ไปหลายขวด) ก่อนจะพักยกวางเก็บไว้แล้วเปลี่ยนใจไปใช้น้ำหอมกลิ่นอื่น แต่ก็วันไหนคิดอะไรไม่ออกก็หยิบมาใช้และยังคงตายรังที่ Issey Miyake ขวดนี้ตลอดไม่รู้ทำไม ซึ่งถ้าดูจากขวดคือก็ใกล้จะหมดแล้ว แต่มีซื้อตุ่นไว้ตลอดครับขวดนี้

        สรุป คือ น้ำหอมขวดนี้เหมาะกับคนที่ต้องการกลิ่นที่เสริมบุคลิกภาพให้เราดูสะอาด เนี๊ยบ ดูอบอุ่นโรแมนติกโดยเฉพาะเมื่อฉีดไปสักพักมันกลิ่นมันแต่ยังมีความสดใสแต่ก็มีความเย้ายวนอาจจะมาจากที่กลิ่นมันมีความหวานนิดๆลอยๆ ถือว่าใช้ไปได้ทั้งงานราชงานหลวงใช้ได้ทุกโอกาสเลยครับ

        2. Bvlgari Aqva Pour Homme 

       เป็นน้ำหอมที่ใครหลายๆคนคงรู้จักและอาจจะใช้กันมาแล้ว ซึ่งกลิ่นของน้ำหอมค่อนข้างเหมาะกับเมืองร้อนอย่างบ้านเรามาก เพราะกลิ่นไปทางซัมเมอร์มาก โดยเฉพาะตอนฉีดจะรู้สึกถึงกลิ่นลมและกลิ่นน้ำทะเลเหมือนเราไปอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรนอนชิลๆบนเรือรับลมที่มีแสดงแดดอ่อนๆสาดลงมา แต่บางคนที่ใช้อาจจะบอกว่ามันคาวๆซึ่งน่าจะเป็นกลิ่นของสาหร่ายทะเลที่เป็นส่วนผสมอยู่ แต่โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบเพราะถือเป็นกลิ่นสะอาดที่ใช้แล้วเย็นๆมันจะมีความคาวนิดๆในช่วงแรก แต่พอผ่านไปสักพักหอมฟุ้งกระจาย โดยที่เสน่ห์น่าจะเป็นกลิ่นสาหร่ายนี้แหละครับ และที่สำคัญติดทนมากครับฉีดตั้งแต่เช้าตกเย็นยังได้กลิ่นอยู่เลย ขนาดนั่งวินมอเตอร์ไซต์ยังเหลืออยู่เลยครับ วันไหนใช้จะนั่งดมตัวเองไปเรื่อยๆ (เหมือนคนโรคจิต) มันสะอาดจริงๆครับ 

       ซึ่งมันจะมีอีกรุ่นที่คล้ายๆกันแต่เพิ่มคำว่า Marine ลงไป อันนี้โดนส่วนตัวผมไม่ค่อยถูกใจเท่าไร คาวสุดพลังมันเหมือนเพิ่มความเกลือทะเลเยอะไปหน่อย จากที่คาวแปปเดียวอันนี้คือคาวจนบางที่มันมึนๆเลี่ยนๆไป แต่ก็ไม่ได้แย่นะครับ แต่แค่ไม่ถูกจริตเฉยๆครับ

       สรุป กลิ่นน้ำหอม Bvlgari aqva pour homme จะเหมาะกับคนที่ต้องการปรับให้ลุคดูสุขุมนุ่มๆ ใช้กันตายได้เลย ซึ่งกลิ่นจะออกแนวผู้ชายสะอาดเนี๊ยบๆ สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะไปทำงาน เรียนหนังสือ ท่องเที่ยววันสบายๆ หรือพบปะผู้ใหญ่เพราะเป็นน้ำหอมที่ปลอดภัยครับ กลิ่นมันลอยๆเบาๆไม่หนักจมูก ความแปลกคือถ้าเรายังเด็กๆใช้จะดูเป็นผู้ชายวัยรุ่นที่สะอาดสะอ้านตัวหอม แต่พอผู้ใหญ่หน่อยใช้จะดูภูมิฐานมีเสน่ห์ ลองดูครับไปลองฉีดลองดมดูกันก่อน

       3. Bvlgari Petits et Mamans 

       ยังคงอยู่ในตระกูลของแยรนด์ Bvlgari ซึ่งพอมาสังเกตตัวเองเลยผมว่าผมมีน้ำหอมของ Bvlgari เยอะอยู่เหมือนกัน ซึ่งตัวนี้ก็ถือว่ายังอยู่ในกลุ่มของน้ำหอมที่ได้กลิ่นแล้วเหมือนกับกระโดดลงไปในถังแป้งเด็ก มีลักษณะคล้ายๆกับกลิ่นแป้งเบบี้จอห์นสัน แต่แต่แต่ ถ้าเหมือนขนาดนั้นทำไมไม่ใช้เบบี้จอห์นสันไปเลย ก็เพราะว่ามันมีการไล่ระดับของกลิ่นเป็นแป้งแต่ก็มีความหอมแบบมีชั้นเชิงแบบน้ำหอมลอยๆรอบตัวเราตลอดเวลาแถมยังค่อนข้างติดผิวมาก 

      อันนี้ผมลองซื้อมาใช้ขำๆครับ เหมือนวันไหนอยู่บ้านพาหมาไปเดินเล่น หรือไปทานข้าวนอกบ้านชิวๆ ก็ลองฉีดตัวนี้ไป กลิ่นหอมสะอาดเหมือนอาบน้ำใหม่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกสดชื่น ฉีดได้ทุกวัน ใครเดินผ่านต้องเหลียวหลังเพราะกลิ่นมันดมแล้วดูละอ่อนเหมือนเด็กเบบี้ ได้กลิ่นแล้วอยากนอนกอดเลยครับ (ผมชอบเอามาฉีดหมอน 555555) 

      ที่สำคัญนะครับ Bvlgari Petits et Mamans ขวดนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ และขวดมันตลกดีเป็นเหมือนขวดนมเด็ก ก็มีความน่ารักไปอีกแบบ หากใครสนใจอยากได้น้ำหอมที่ดูเป็นมิตรทั้งรูปลักษณ์ของขวดและกลิ่นก็อันนี้เลยครับ ซึ่งจริงๆแล้วกลิ่นมันเป็นกลิ่น Unisex ผู้ชายใช้ได้ผู้หญิงใช้ก็ดีครับ น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการให้มีให้รู้สึกว่าใช้น้ำหอมเยอะเกินไป ประมาณว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นของผิวหลังอาบน้ำเสร็จไม่ได้ปรุงแต่งนะ

      สรุป ถ้าคุณอยากโดนกอดลองไปหามาลองดูครับ ฉีดแล้วกลิ่นมันประมาณหอมเหมือนเด็กน่าหอม  น่ากอด น่าจุ๊บ ครับ

      4. Chanel Paris-Venise 

        เป็นน้ำหอมที่ออกใหม่ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมาแล้วผมเดินทางและได้คุยกับพนักงานที่สนามบิน โดยวันนั้นผมตั้งใจจะไปซื้อน้ำหอมของ Chanel อีกตัวหนึ่งกลับ แต่พนักงานบอกว่าตอนนี้มีน้ำหอมใหม่ 3 ตัว คุณควรซื้อไปด้วยนะเพราะมันพึ่งออกมาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเอง ในช็อปยังไม่มีขายเพราะมีขายที่สนามบินซึ่งแต่ละสนามบินก็มีโควต้าไม่กี่ขวด ตอนนั้นเราก็ อ้าว!ป้ายยาตรูเก่งง แต่ก็ลองดมๆดูกลิ่นมันก็หวานๆแป้งๆนิดๆ แต่ถามว่าหอมไหม ณ เวลานั้นก็หอมดีครับ แต่ผมยังเฉยๆเลยไม่ได้ซื้อกลับมา แต่ก่อนออกจากช็อปที่สนามบินเลยเอามาลองฉีดที่ตัวแล้วขึ้นเครื่องบินกลับไทย 

       ประเด็นมันอยู่ในระหว่างที่นั่งเครื่องครับ อยู่ๆกลิ่นมันก็หอมเฉย หอมแบบโปร่งๆ เบาๆ ลอยๆ อธิบายยากมาก แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า ไอ้โง่เอ๋ย! เวรกรรมของเราทำไมไม่ซื้อมากลิ่นโครตสะอาด ดมแล้วพูดได้เลยว่ากลิ่นนี้กลิ่นโครตแพง (ราคาก็แพงครับ) ชวนฝันสุดๆเหมือนอยู่ในโรงแรมหรู แต่ก็มีความหวานนิดๆ ผู้หญิงใช้ได้ผู้ชายใช้ก็ได้ครับ (แต่ส่วนตัวผมชอบเอามาฉีดผสมกับJo Malone Woodsage & Seasalt ทำให้กลิ่นมันไม่หวานไป) ชอบมากครับตอนนั้นเลยคิดว่าถึงไทยแล้วจะไปดูที่สนามบินอีกรอบ สรุปไม่มีขายที่ไทย เค้าวางขายกันแค่ที่ยุโรปในช่วงนั้น 

       ผมก็เคว้งเลย เศร้าไปแปปนึง แต่ก็ไม่ได้สนใจช่างมัน แต่เพื่อนดันซื้อมาให้วันเกิด ต้องขอบคุณเพื่อนมากครับทำให้ได้น้ำหอมขวดนี้มาครอบครอง ขวดสวยดีครับแต่กลิ่นใช้ตอนอยู่เมืองนอกทนกว่า ใช้ในไทยครับ เพราะมันบางๆใสๆโดนแดดประเทศไทย 4 ชั่วโมงก็ไปหมดละครับ เหลือแค่กลิ่นติดอยู๋ที่เสื้อเบาๆ แต่ถ้าใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องแอร์ ขึ้นรถ ลงรถในห้าง ไม่โดนแดด สบายมากกลิ่นติดแน่นอนครับ 

       สรุป ของ Chanel Paris-Venise กลิ่นแอบเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าครับตามตรง แต่มันหอมจริงๆครับ ผมเลยชอบเอามา blend กับกลิ่นน้ำหอมอื่นๆ ทำให้มันไม่หวานหน่อย เพราะตัวของกลิ่นมันเบาๆใสๆผสมกับน้ำหอมอื่นๆได้ ซึ่งเวลาผสมได้ความเป็นเอกลักษณ์ของเราไปในแต่ละวันเลยครับ แต่ถ้าคุณผู้ชายอยากใช้ผมก็ว่าไม่ผิดนะครับ กลิ่นมันใช้เดี่ยวก็หอมแล้วครับแถมได้ความสุภาพและกลิ่นโครตแพงเหมือนเป็นผู้รากมากดีที่เดินทางท่องเที่ยวจากปารีสไปเวนิชเลยครับ (อย่างเว่อร์ 555)

       หมวดที่ 2: กลิ่นสุขุมนุ่มๆ ได้กลิ่นแล้วฝันๆ (หมวดนี้น้ำหอมบางขวดกลิ่นคล้ายกันมากครับ แต่มันต้องมีความต่างสิครับไม่งั้นผมคงไม่ซื้อมา(มั้ง) บางทีฉีดไปเพื่อนงงเลยทักเป็นอีกแบรนด์หนึ่ง 555)

        5. Bleu De Chanel (กลิ่นนี้ใช้แล้วหล่อเลย แต่เอาตามตรงตอนนี้ก็โหลๆแล้วคนใช้กันเยอะ)

        แต่ถ้าให้ถามความรู้สึกของกลิ่นของ Bleu De Chanel ก็จะมีความสุขุม แต่จะแอบมีกลิ่นสดชื่นของ Citrus ตามมานิดๆหน่อยๆ ให้ความรู้สึกเป็นชายหนุ่มที่ใส่สูทผูกไทด์ไปคุยธุรกิจตามห้องประชุมของโรงแรมมากกว่า ซึ่งความฟุ้งถือว่าดีเลยครับ เดินผ่านไปแล้วยังทิ้งกลิ่นกระจายไว้เบาๆ อาจจะเนื่องจากกลิ่นไม่ได้หนักมาก ถือว่าหอมดีครับ แต่กลิ่นแบบนี้มีหลายแบรนด์มากที่ทำออกมาจนบ้างครั้งผมน้ำหอมกลิ่นอื่นไปเพื่อนก็ถามว่าใช้ชาแนลมาหรอ ผมก็จะตอบไปว่าไม่ใช่นะ ใช้อีกแบรนด์ ซึ่งเอาตามตรงก็จะรู้สึกว่ามันไม่เป็นเอกลักษณ์ละ เลยไม่ค่อยได้หยิบมาใช้เท่าไร โดยส่วนมากจะหยิบมาใช้เวลาไปประชุม งานแต่งงานญาติหรือรุ่นพี่ที่เน้นไปทางงานกลางคืนมากกว่าเพราะกลิ่นถือว่าติดทน แล้วยิ่งถ้าผสมกับกลิ่นของควันบุหรี่เวลาไปเที่ยวกลิ่นมันออกไปแนวฝันๆอวลๆวนๆงงๆไปอีกแบบดี (ไม่รู้จะเข้าใจกันมั้ยนะครับ) แต่มันประมาณนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรนะครับในความคิดของผมนะครับ ผมชอบดี 555

       ซึ่งถ้าจะให้ตอบว่าเหมาะกับบุคคลแบบไหนก็น่าจะเป็นคนที่ประมาณไว้หนวดนิดๆ ใส่เสื้อเชิ้ตผูกไทด์ไปทำงาน ต้องการความสุขุมนุ่มลึกและน่าเชื่อถือแบบประมาณว่าเชื่อเราเถอะกลิ่นเราน่าเชื่อถือมากๆเลยนะ 55555 อาจจะเนื่องจากกลิ่นมันส่งเสริมลุคให้ดูมาดแมนแฮนซั่มขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆเพราะว่ามันหอมแหละครับทำให้คนเลยใช้เยอะ กลิ่นมันเลยเริ่มโหลขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกลิ่นที่คล้ายๆกัน คือ Dior Sauvage

       6. Dior Sauvage

       ไหนๆ ก็บอกแล้วว่ากลิ่นคล้ายๆกับ Bleu De Chanel แต่มันก็มีความแตกต่างคือ ดิออร์จะมีความเข้มของกลิ่นที่สูงกว่า พูดง่ายๆประมาณว่ากลิ่นมันแน่นมากฟุ้งสุดพลัง เดินผ่านไปหน้าตึกแล้วยังทิ้งกลิ่นไว้อยู่เลย ถ้าคนขี้แพ้หรือคัดจมูกง่ายมีแววต้องจามแน่นอนเพราะเอาตามตรงผมว่ากลิ่นมันหอมแบบฉุนๆนะ ไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะปกติผมจะชอบใช้แบบเบาๆฟุ้งๆหน่อย แต่อันนี้มันมีกลิ่นเครื่องเทศหรืออะไรไม่ทราบที่มันฉุนจริงๆแบบแสบจมูกไปหมด กลิ่นมันแอบเหมือนสารสังเคราะห์ไม่ธรรมชาติยังไงไม่รู้ แต่คนรอบตัวก็บอกว่าหอมนะครับ แต่ผมแสบจมูกไปทั้งวันเลยแบบฟึดๆฟัดๆ หรือกลิ่นมันอาจจะดูสังเคราะห์ๆเกินไป แหลมๆแทงๆยังไงไม่ทราบ อาจจะไม่เหมาะที่จะใส่ในกลางวันเพราะกลิ่นมันจะมีความขี้เล่นมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) แต่ไม่ใช่ขี้เล่นแบบน่ารักน่าทะนุทนอมน่าเอ็นดูแบบลูกแมวนะครับแต่ขี้เล่นแบบยั่วยวนๆสไตล์ผู้ชายเจ้าชู้แบบเสือเลยครับ ใส่ไปเดียวคนในที่ทำงานคิดว่าจะมาล่าแล้วโดนกินได้ 5555 เหมาะที่จะใส่ไปเที่ยวกลางคืน หรือใส่ออกกำลังกายเพราะว่ากลิ่นมันกลบหมดกลิ่นเหงื่อได้แน่นมากเหมือนประมาณน้ำหอมของชาวแขกอะครับ

       เรื่องการติดทนต้องผู้เลยว่าทนมากครับ ทนจนได้โปรดช่วยลดความติดทนอีกหน่อยได้เปล่า มันฉุนไปนิดอะ กว่าจะหยิบมาฉีดแต่ละที่ผมคิดแล้วคิดอีก 55555555 บางทีชอบฉีดไว้ในตู้เสื้อผ้าแทนเสื้อจะได้มีกลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมตัวนี้ มันหอมแบบเบาๆขึ้น ตามความคิดผมมันคล้ายกันแต่ผมแอบชอบ Chanel มากกว่าอาจจะมันเบากว่าสบายจมูกกว่า ไม่อยากไปรบกวนคนรอบข้างมากแต่อันนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ เพราะเพื่อนผมหลายคนก็ใช้ตัวนี้มันก็บอกว่าชอบมากกว่า Bleu De Chanel

       เมื่อกี้เจอความคล้ายที่ไม่คล้ายของ Bleu De Chanel กับ Dior Sauvage ไปแล้ว ก็ยังคงมีความคล้ายอีกคู่ที่สูสีกันมากๆจนต้องร้อง เห้ย!ทำไมกลิ่นมันคล้ายกันขนาดนี้ ของ Chanel Allure Homme Sport กับ Versace Pour Home แต่ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นถ้ามันจะเหมือนกับเปี๊ยบ ผมจะซื้อมาทำไม มันก็ต้องมีความแตกต่างกันอยู่ใช่ไหมละ

       7. Chanel Allure Homme Sport

        ตัวนี้ใช้มานานแล้วน่าจะประมาณ3ขวดแต่พอดีหมดไปแล้วยังไม่ได้ซื้อต่อเพราะยังเหลือน้ำหอมเยอะอยู่ แล้วเวลาไปซื้อกับคุณแม่ สายตาของคุณแม่จะมองแรงๆยังไงไม่รู้แบบว่ายังจะซื้อน้ำหอมอีกหรอเลยพักๆไว้ก่อน

        Chanel Allure Homme Sport ขอสารภาพตามตรงว่าเคยเป็นกลิ่นที่ผมหลงรักที่สุด เวลาไปเจอใครที่ใช้จะแอบอมยิ้มตลอดเลย ว่ากลิ่นนี้มันคุ้นเคยและเป็นเอกลักษณ์ของ Chanel สำหรับผู้ชายมากๆ ซึ่งในคอลเลคชั่นของ Chanel Allure นั้นกลิ่นของน้ำหอมมันไม่ได้เน้นหนักมา แต่จะเป็นกลิ่นของดอกไม้ผสมอยู่ทำให้กลิ่นของน้ำหอมที่ลอยออกมาในตอนแรกมีความหวาน แต่พอกลางๆกลิ่นตะแบบจะเท่ห์ก็เท่ห์นะแต่ก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนด้วยแถมยัง sexy sexy มากเพราะกลิ่นมันชวนฝันสุดๆยิ่งผสมกับกลิ่นของตัวเราเองแล้วมันหอมแบบหลงใหลสุดๆ ลืมไม่ลงจริงๆ

        ตอนนั้นชอบใส่ไปตอนเรียนมหาลัย วันไหนฉีดตัวนี้ไปจะรู้สึกมีความมั่นใจเพิ่มเหมือนกลิ่นมันมีผมต่อการใช้ชีวิต(แบบโรคจิตคิดไปเอง) ถึงแม้จะฉีดน้อยก็ยังคงทิ้งกลิ่นไว้ตามทางเลยสำหรับตัวนี้ ถึงชื่อจะบอกว่า Sport แต่ไม่ได้หนักแบบน้ำหอม Sport ยี่ห้ออื่นๆที่จะเข้มๆแน่นๆเพื่อกลบกลิ่นเหงื่อ แต่น้ำหอมขวดนี้กลับกระจายให้กลิ่นมันหอมเข้าไปอีกเวลาเหงื่ออกแทนที่กลิ่นมันจะเหม็นซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจมากครับ อีกอย่างมันเป็นน้ำหอมที่เหมาะมากที่จะใส่ไปปาร์ตี้มากเพราะมันทนๆ แล้วหอมแบบพูดดีไม่ได้เอะอะ

        พอพิมพ์มาถึงตรงนี้เหมือนกำลังสิงตัวเองแล้วให้อยากไปซื้อกลับมาใช้เลย ชอบมากจริงๆครับ ซึ่งอันนี้ผู้หญิงก็ใช้ได้นะครับ เห็นเพื่อนผู้หญิงบางคนใช้ตอนแรกก็งงๆเหมือนกันว่าเอาของแฟนมาใช้หรอมันก็บอกใช่เอามาลองฉีดแล้วสรุปมันชอบจนอยากฉีดเพื่อนั่งดมกลิ่นน้ำหอมของตัวเอง555555

        สำหรับน้ำหอม Chanel Allure Homme Sport ไม่ผิดหวังจริงๆครับ ถ้าอยากลองใช้ก็ไปลองฉีดที่เคาเตอร์ก่อน อย่าพึ่งเชื่อผมหมดทุกคำพูดนะครับ เพราะน้ำหอมมันเป็นสารเคมีที่ต้องผสมกับเคมีของร่างกาย ซึ่งร่างกายของแต่ละคนมีอุณหภูมิและเคมีที่ต่างกันเวลามันผสมกับกลิ่นน้ำหอมผลที่ได้ก็เลยอาจจะไม่เหมือนกันนะครับ

        8. Versace Pour Homme

       ไหนๆก็จั่วหัวมาแล้วว่ากลิ่นมันคล้ายแบบคล้ายจนคิดว่าเป็นฝาแฝดกับ Chanel Allure Homme Sport งั้นผมจะลองอธิบายถึงความแตกต่างของสองกลิ่นนี้นะครับ เอาตามตรงรู้สึกว่า Chanel มันจะนุ่มๆกว่าเพราะน่าจะเพราะมีความหวานกว่า แต่ Versace มันจะดูสุภาพชนมากใช้แล้วดูสมาร์ทอบอุ่นกรุ่นๆมาก และที่สำคัญตัวนี้จะมีความใสกว่า Chanel ดูจากขวดก็รู้ละครับ อันนึงขวดทึบๆและอีกอะขวดใสๆน้ำฟ้าๆ บางทีขวดของน้ำหอมก็บอกอะไรเราเกี่ยวกับกลิ่นได้พอสมควรเลย

       แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะตัวน้ำหอมขวดนี้ของ Versace มันเปิดกลิ่นมาแบบผลไม้รสเปรี้ยวหรือเปล่าที่ทำให้กลิ่นทั้งหมดของขวดนี้มันมีความสดชื่น เย็นๆ และแอบมีความสดใส แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันมีความคมมากและอุ่นๆเหมือนใส่เปลือกไม้ลงมาเพื่อทำให้กลิ่นมีความ warm มากขึ้น

       น้ำหอมตัวนี้อาจจจะเป็นน้ำหอมในใจของคุณผู้ชายหลายๆคนเพราะมันคือเซฟโซนเลยครับ ถึงแม้จะฉีดเยอะให้ตายก็ไม่มีใครหันมาด่าว่าฉุน เพราะมันกลิ่นไม่รบกวนคนรอบข้างจริงๆ กลิ่นมันหอมแบบสะอาดและมีชั้นเชิงมาก ทุกวันนี้เวลาเจอแล้วราคาไม่แพงมากก็จะซื้อๆเก็บไว้ตลอดเลย กลิ่นนี้ใช้ได้เลยครับเหมาะกับทุกวัยเลยใส่ได้ตั้งแต่วัยรุ่นยันวันทำงานเพราะหลอ่นค่อนข้างจะ friendly มาก ถ้าคิดภาพตามกลิ่นนี้ปลอดภัยเหมือนหมาโกลเด้นอะครับ ที่ใครได้กลิ่นก็คิดว่าเราเป็นคนจิตใจดี 5555555

       9. Chanel Allure Homme (ขอแอบแถมอันนี้ไปด้วยไหนๆก็พูดถึงคอลเลคชั่นของ Chanel Allure แล้ว ทำไมถึงจะไม่มี Allure homme ขวดนี้ได้ไง เสียชื่อผมหมดครับ55)

         ขวดนี้เหตุเกิดจากการซื้อผิดของคุณพ่อผม ผมบอกไปว่าซื้อ Chanel Allure Homme มาให้ด้วย แต่ลืมมมม! เขียนไปว่า Sport 5555555 ตอนที่ได้ของมาจากคุณพ่อ ผมก็งงๆทำไมกล่องมันสีเลือดหมูนะ หรือมันเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้ง แต่พอแกะดูก็ อ่อออออออออ! ยาวๆเลยครับ บอกผิดเองตรู แง่มม

         แต่ไม่ผิดหวังเลยครับขวดนี้ เพราะจริงๆแล้วกลิ่น Allure Homme นี้เป็นเบสตั้งต้นเหมือนประมาณเป็นรากฐานของสารเริ่มต้นของการพัฒนาไปสู่ไลน์อื่นๆอย่าง Chanel Allure Homme Sport, Extreme และอีกหลายๆตัวเลยครับ

         เริ่มต้นตั้งแต่ขวดเลย ผมโครตชอบขวดเลยมันมีการใช้สีทองๆกับสีขวดใส โครตคลาสสิคเลยครับ ชอบดีไซน์มากเลยชอบหยิยมาใช้มาก และกลิ่นคือใช้แล้วรู้สึกหรูๆรวยสุดๆ หอมแบบสดชื่น + กลิ่นหนัง + ไม้ๆ มันเลยทำให้รู้สึกว่าวันที่ใช้น้ำหอมขวดนี้แล้วเหมือนเป็นคนรวยภูมิฐานมากอะ55555 ไม่รู้จะอธิบายยังไงมันหรู หรูและหรูหรามาก แต่ไม่ใช่แบบแก่นะครับ แต่มันหอมแบบสดชื่นสะอาด ผ่อนคลายมาก และฉีดทีมั่นใจไปทั้งวันและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากขึ้นเลยครับ แถมตั้งแต่ใช้มายังไม่ค่อยเจอคนใช้กลิ่นนี้ซักเท่าไหร่เลยครับ

         ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพจะประมาณกลิ่นแบบฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้แห้งๆสีน้ำตาลแล้วเจอกับลมเย็นๆอะไรประมาณนั้นอะครับ มันดีจริงๆครับ ดูผมแอบเชียร์ยังไงไม่รู้555555 ใครที่ยังขาดความมั่นใจแล้วอยากได้น้ำหอมที่ต้องการเสริมความมั่นใจ ผมแนะนำตัวนี้เลยครับฉีดไปยังไงคนก็ต้องทักว่าหอม พูดเลยครับ หรือถ้าใครเคยใช้แล้วรู้สึกยังไงก็บอกผมได้นะครับ อยากรู้เหมือนกันว่ารู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า

         หมวดนี้ยังมีต่ออีกหลายขวดเลยแต่เดียวจะรีบมาต่อนะครับ ผมเขียนไปด้วยอัพไปด้วยเลยอาจจะช้านิดนึง หวังว่าทุกคนจะไม่ว่ากันนะครับ 

         10. Bvlgari Man Wood Essence (ความแตกต่างของกลิ่นธรรมชาติและความเป็นเมืองใหญ่ มีสเน่ห์มากครับขวดนี้)

        ตัวนี้คือกลิ่นของผู้ชายที่ใช้ชีวติในเมืองใหญ่ที่มีความทันสมัยแต่จิตใจรักธรรมชาติที่แท้ทรูครับ ขอเกริ่นก่อนว่าน้ำหอมไลน์นี้ของ Bvlgari นั้นคาดว่าน่าจะเป็นเวอชั่นที่พัฒนามาจาก Bvlgari version Man Original ซึ่งก็หอมอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่พอพัฒนามาเป็นรุ่น Wood Essence ที่มีสีเขียวนั้น กลิ่นหอมมว๊ากก วันนั้นไปได้กลิ่นจากใครไม่รู้เป็นชาวต่างชาติเลยแอบไปถามๆดู เค้าบอกว่าเค้าใช้ตัวนี้ เราเลยไปลองดมแล้วก็โดนตามระเบียบ -.- ไม่เคยหลุดรอดในการเป็นเหยื่อการตลาดสักชิ้น (เศร้าใจแปป)

       ตัวน้ำหอมรุ่นนี้เป็นการผสมของกลิ่นไม้ เปลือกไม้ พวกน้ำมันสกัดต่างๆ พวกกำยานที่หอมๆหวานๆ ตลอดจนพวกผลไม้แนวซีตรัสรสเปรี้ยว ซึ่งทำให้กลิ่นแรกที่ได้กลิ่นคือได้รับความสดชื่นแบบปลุกให้มีชีวิตชีวาเลย สะอาดและคลีนมาก พอฉีดแล้วเหมือนวาร์ปไปอยู่ในป่าดงดิบเลยแบบกลิ่นธรรมาชาติ ในลักษณะกลิ่นของต้นไม้ๆมาก สดชื่นโครตครับ แต่ที่สำคัญกลิ่นมันมีความอวลๆวนๆรอบตัวและรู้สึกผ่อนคลายเวลาได้กลิ่นอาจจะมาจากกลิ่นกำยานทำผสมอยู่ทำให้มันเกิดความสบายและฟื้นฟูจิตใจให้อารมณ์ดีและมีสมาธิมากยิ่งขึ้น การติดทนค่อนข้างทนมากฉีดตั้งแต่เช้ากลับถึงบ้านก็ยังอยู่แต่อาจจะเบาๆลงไม่ได้แน่นมาก แต่กลิ่นมันมีความเซ็กซี่อยู่นะครับแบบว่าได้กลิ่นแล้วเซ็กซี่แบบป่าๆอะ 5555 ต้องลองไปดมกันดู ซึ่งดารกระจายตัวดีมากครับ

       เสน่ห์อีกอย่างของน้ำหอมอันนี้คือ กลิ่นมันมีการพัฒนาไปตามระยะเวลาอะครับ อธิบายยังไงดีให้เห็นภาพ ประมาณว่าคล้ายๆกับการที่น้ำหอมมันมีการไล่ระดับจากที่เราอยู่ในธรรมชาติต้นไม้เยอะ ค่อยๆขยับเข้ามาในเมืองจนกลิ่นช่วงปลายๆมันเป็นกลิ่นเซ็กซี่ๆของการใช้ชีวิตในเมืองอะไรประมาณนี้อะครับ เพราะว่าตอนแรกที่ฉีดมันคือมาทั้งป่าเลยครับความธรรมชาติและพอตกบ่ายๆกลิ่นมันดูเริ่มมีความเซ็กซี่ๆขึ้นเหมือนใบไม้ที่เริ่มแห้งลง แล้วพอตกเย็นกลิ่นมันคือกลิ่นโทน Woody เด่นมากแต่ยังมีความเชียวๆสดชื่นๆอยู่เบาๆ ทำให้ผมรู้สึกว่ากลิ่นมันมีการ Developไปตลอดทั้งวัน

       แต่มีข้อเสียอันหนึ่งไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า เวลาฉีดน้ำหอมขวดนี้ที่เสื้อมันชอบเป็นรอยน้ำหอมเป็นดวงๆที่หน้าอก 555555 งงมากครับ เป็ฯตลอดเลยต้องฉีดที่ผิวก่อนใส่เสื้อตลอดเลยช่วงนี้ เลยไปลองอ่านๆมาน่าจะมีตัวน้ำมันสกัดที่มันอาจจะทำให้เป็นคราบ แต่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเพราะซักก็หายแล้วกลิ่นมันจะแน่นมากตรงไอ้รอยดวงๆด่างๆอันนั้น 55555555 ถ้าใครอยากใช้กลิ่นน้ำหอมที่บ่งบอกความเป็นหนุ่มเมืองใหญ่แต่จิดใจรักธรรมชาติก็ไม่ควรพลาดอันนี้ครับ เพราะหอมจริงๆและมีสเน่ห์จริง ใครเคยใช้ตัวนี้รู้สึกอย่างไบอกกันด้วยนะครับอยากรู้ความรู้สึกของคนอื่นๆเหมือนกัน

       11. Givenchy Gentlemen Only Casual Chic (หล่อสถุภาพบุรษมากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับต้องขวดนี้)

       กลิ่นนี้ชิคจริงไรจริงเลยครับ ไปซื้อเลยไม่ต้องอ่านรีวิว 5555 (ล้อเล่น) กลับมาอ่านก่อนแต่จะบอกกลิ่นนี้คือมันดีอะครับไม่รู้จะเริ่มยังไงเลย กลิ่นมันไม่หนักเกินไปและก็ยังไม่เบาเกินไปแถมติดผิวมากๆเหมือนพอใช้ๆไปจนถึงปลายของกลิ่นมันจะเริ่มลดรัศมีของการกระจายแบบประมาณว่าขอประกาศศักดาว่าฉันเป็นคนอบอุ่นตอนอยู่นอกบ้านแล้วพอกลับบ้านคือกลิ่นจะแบบเบาๆต้องอยู่ใกล้ๆถึงจะได้กลิ่น (อิอิ) แต่ผมชอบกลิ่นช่วงสุดท้ายมากมันแบบหอมสบายสะอาดดูเป็นสุภาพบุรุษสุดๆเลย ซึ่งชื่อของน้ำหอมขวดนี้ถือว่ามีการระบุชื่อของน้ำหอมได้ตรงกับกลิ่นมากๆเลยอะครับ ถ้าหากลองดูรูปจากโฆษณาที่ทาง givenchy ลงไว้ มันคือความอบอุ่นแล้ว Family Man มากมากครับ ใครได้กลิ่นก็คืออยากอยู่ด้วยในวันสบายๆไปเที่ยวไม่ได้ดูทางการมาก แต่ก็ไม่ได้ชิลแบบบ้านๆไปเลย มันคือกลิ่นของความสบายใจ ไม่อึดอัด ไม่เครียด

       น้ำหอมขวดนี้ใช้เวลาในการตัดสินไม่ถึง 1 นาที คือจำได้เลยวันนั้นกำลังหาของฝากให้ญาติๆที่สนามบินแล้วพอลองดมๆน้ำหอมแล้วตัวนี้มันเขียนว่า New ด้วยความเป็นคนชอบลองก็อะๆไหนก็ใหม่ละ ขอเอามาลองฉีดหน่อยสิ ฉีดใส่กระดาษ 1 ปั้มเท่านั้น ได้กลิ่นปุ๊บผมบอกพนักงานเลยว่าเอาขวดนี้ มันสภาพบุรุษจุฑาเทพมากครับ

       ในตอนต้นของกลิ่นจะมีความเปรี้ยวซ่าแต่อมหวาน และยังมีกลิ่นเครื่องเทศติดเข้ามานิดให้เกิดความยั่วยวนแบบเป็นสุภาพบรุษที่ไม่ได้มีแค่ความเนี้ยบแต่ยังมีสามารถทำให้คุณผู้หญิงหลงจากความชิลๆได้อีก แล้วพอกลิ่นกลางๆมันจะมีความ smoky หน่อยๆกลิ่นมีความโปร่งและสดใสสลับไปสลับมา ดูมีชั้นเชิงมากน้ำหอมนี้จะมองว่ามันสดใสเลยก็ได้ แต่จะมองว่ากลิ่นมันยั่วมากๆเลยก็ได้ ซึ่งกลิ่นนี้มันคือกลิ่นที่ฉีดแล้วอารมณ์ประมาณผู้ชายสายสุภาพบุรุษที่มีความอบอุ่น แบบอบอุ่นมาก อบอุ่นจริงๆ จนงงเลยว่าจะมีน้ำหอมขวดไหนที่ทำให้คนใช้สามารถเป็นคนที่ดูสุภาพชนและ gentlemen ไปมากกว่าน้ำหอมขวดนี้อีกมั้ย ลักษณะของกลิ่นนั้นเป็นเหมือนกับคนที่เป็นกันเอง สบายๆ ชิลๆ กำลังเริ่มจีบใครสักคนอยู่โดยการค่อยๆทำดีไปเรื่อยๆโดยไม่หวังผลตอบแทน เหมือนกับการกระจายกลิ่นที่ค่อยๆกระจายจนคนรอบข้างหลงรักคุณจากความสุภาพ 555555 แต่พอจีบติดปุ๊บก็จบเกม เหมือนกับปลายกลิ่นที่มีความหนังไหม้ๆนิดๆที่ทำให้มีความเย้ายวนๆหน่อยแบบประมาณว่าหากคุณตกหลุมรักผมแล้วถอนตัวไม่ขึ้นแน่ๆอะไรประมาณนี้เลย 5555555 ไปลองกันเลยครับชอบมากกลิ่นนี้

       12. Eclat D'arpege Pour Homme, Lanvin (นุ่มนวลเบาสบายสะอาดเหมือนกำลังอยู๋ในฝันเลย)

       อันนี้เป็นรุ่นของผู้ชายนะครับ แต่จริงๆ Lanvin ตัวนี้ดังมาจากน้ำหอมของผู้หญิงที่คนในคณะและเพื่อนรอบๆตัวผมใช้กัน ลักษณะขวดมันจะเป็นกลมๆอะครับ ตัวนั้นหอมแบบสะอาดน่าทะนุถนอมมาก จนมารู้ว่า Lanvin ก็ปล่อยน้ำหอมกลิ่นผู้ชายไลน์เดียวกันกลับของผู้หญิงออกมา

       บอกตามตรงก็คือคาดหวังเอาไว้สูงเลย ว่าต้องดีเหมือนของผู้หญิงแน่เลยแต่มันดันไปเหมือนกันในเรื่องความเบาสบาย เบาเกินครับ กลิ่นมันเบาจนต้องฉีดเยอะมาก (แอบเปลือง ซึ่งปกติดผมก็ฉีดเยอะอยู่แล้วนะในแต่ละวัน พอมาเป็นตัวนี้เยอะกว่าปกติถึงจะได้กลิ่น) อาจจะเป็นเรื่องการกระจายกลิ่นที่ไม่ได้เอ้ะอะ มันเลยเหมือนเป็นออร่าอยู่แค่รอบตัวเรา ไม่ได้กระจายเผือแผ่ไปให้ชาวบ้านได้กลิ่นด้วย

       แต่ก็ต้องยอมรับครับว่ากลิ่นมันสะอาดและดูเป็นคนปลอดภัยมากจนเคยคิดว่ากลิ่นนี้มันสะอาดแบบขวัญใจมหาชนของจริง หวานแบบมีชั้นเชิงสามารถที่จะฉีดตั้งแต่เด็กมัธยมจนสูงวัยคือฉีดได้หมดเอาอยู่เลย เพราะกลิ่นมันเบาๆสบายๆซึ่งเหมาะกับอากาศบ้านเรามากครับ โดยตัวของกลิ่นน้ำหอมขวดนี้มันช่างนุ่มสดชื่นไม่แสบจมูกเหมือนตัวอื่นๆที่ผมใช้แล้วแสบ (ขนาดฉีดเยอะเต็มตัวฟุ้งขนาดไหน) แต่กลิ่นก็โชยมาให้ได้กลิ่นอยู่ตลอดทั้งวัน คือมันแบบอวลๆรอบๆตัวเราดูแบบกลิ่นฝันๆ

      Allure Homme Sport เป็นน้ำหอมที่ผมใช้ประจำวันได้ทุกงานเลย ส่วน Bleu จะใช้ในงานกลางคืนครับ

      เป็นยังไงกันบ้าง น้ำหอมสำหรับๆ หนุ่ม ชอบกลิ่นแบบไหน สไตล์ไหน ก็ลองไปหามาใช้กันด้วย เดินผ่านสาวๆบอกเลยว่ามีติดใจ 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Yajirobe