จากกระแสความฮอตของรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ของเมืองไทย ที่การแข่งขันจบลงแล้ว เมื่อ "หน้ากากทุเรียน" เป็นผู้ชนะในรอบ แชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ แต่จะยังไม่เปิดหน้ากาก เฉลยว่าเป็นใคร ให้รอรู้พร้อมกันในสัปดาห์หน้า (30 มีนาคม 2560) พร้อมโชว์พิเศษแบบจัดหนัก จัดเต็ม ให้สมศักดิ์ศรีการเปิดหน้ากากของแชมป์
ทั้งนี้ มีหลายคนที่ยังคงข้องใจกับกติกาของรายการ The Mask Singer เพราะมีการนำไปเทียบกับกติกาของรายการต้นฉบับอย่าง King of Mask Singer ของเกาหลีใต้ ที่จะไม่มีการถอดหน้ากากให้รู้ตัวจริงของแชมป์ จนกว่าจะมีผู้ท้าชิงมาโค่นบัลลังก์ได้สำเร็จ ทำให้ก่อนหน้านี้มีกระแสลุ้นว่า หรือแชมป์ The Mask Singer จะไม่เปิดหน้ากากจนกว่าจะมีแชมป์ซีซั่นหน้ามาโค่นบัลลังก์ !? ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องรอลุ้นกันไปอีกยาว ๆ เลยทีเดียว
งานนี้เราเลยขอนำข้อมูลกติกาการแข่งขันรายการ The Mask Singer ของไทย และ King of Mask Singer ของเกาหลีใต้ มาเทียบกันแบบชัด ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้หายข้องใจกันค่ะ
สำหรับรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง เป็นการจัดแข่งขันแบบ น็อกเอาท์ทัวร์นาเมนต์ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 32 คน 32 หน้ากาก 4 กลุ่มสาย (ตอนแรกมี 24 คน 3 สาย แต่มาเพิ่มกรุ๊ป D ในภายหลัง) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเมืองไทย มาจับคู่แข่งขันกัน ใครแพ้จะถูกคัดออก และต้องถอดหน้ากากในช่วงท้าย (ตัดสินจากผลโหวตของผู้ชมในสตูดิโอ) ขณะที่ผู้ชนะก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป
และเมื่อได้ผู้ชนะแต่ละสาย ก็แข่งกันต่อแบบแชมป์ชนแชมป์ จนสุดท้ายก็จะได้ผู้ชนะในรอบ แชมป์ ออฟ เดอะแชมป์ ที่ตัดสินจากผลโหวตสดจากผู้ชมทั่วประเทศ ซึ่งก็คือ "หน้ากากทุเรียน" ที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์ของ The Mask Singer ซีซั่น 1 นั่นเอง
โดยในรายการ The Mask Singer พิธีกรหนุ่ม กันต์ กันตถาวร ได้มีการแจ้งกติกาไว้ตั้งแต่แรก ตอนให้คนดูในสตูดิโอโหวตว่า "หน้ากากนักร้องคนไหน ที่คุณอยากฟังเสียงของเขาอีกครั้งหนึ่ง และเห็นใบหน้าของเขาเป็นคนสุดท้าย โหวตให้เขาครับ เพื่อให้เขาผ่านเข้าสู่รอบต่อไป" ซึ่งก็หมายความว่า ทางรายการตั้งใจจะเฉลยตัวจริงของผู้ชนะเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้ว
ขณะที่ในรายการ King of Mask Singer ของเกาหลีใต้ จะจัดการแข่งขันเป็นรุ่น รุ่นละ 8 คน แต่ละรุ่นจะออนแอร์ 2 เทป จับคู่แข่งขันแบบแพ้คัดออก ทั้งหมด 3 รอบ รอบแรกผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 คน จะร้องแบทเทิลในเพลงเดียวกัน ส่วนรอบที่ 2 และ 3 พวกเขาจะร้องเพลงเดี่ยวที่เตรียมมา ใครแพ้ก็จะต้องเปิดหน้ากากเปิดเผยตัวจริง ส่วนผู้ชนะเป็นคนสุดท้าย จะได้เป็นผู้ท้าชิง ไปแข่งกับ King of Mask Singer ที่เป็นแชมป์จากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งผู้ที่เป็นแชมป์จะไม่ถูกถอดหน้ากาก จนกว่าจะมีผู้มาโค่นบัลลังก์ได้
จะเห็นได้ว่า ระยะเวลาของการแข่งขันจนถึงรอบชิงแชมป์ของเกาหลีใต้ ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ของไทยจะใช้เวลายาวนานทั้งซีซั่น ซึ่งก็กินเวลาหลายเดือน ดังนั้นหากให้แชมป์ของไทยสวมหน้ากากไว้แล้วรอแชมป์ใหม่มาโค่น ก็อาจจะยาวนานเกินไป (หรือเปล่า) และอาจจะด้วยปัจจัยอื่น ๆ ทางรายการ The Mask Singer จึงได้ตัดสินใจจัดให้มีการเฉลยตัวจริงของแชมป์ในสัปดาห์สุดท้าย พร้อมโชว์พิเศษจากแชมป์ ร่วมด้วยการพาหน้ากากของซีซั่น 2 มาทักทายในรายการ ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอติดตามกันนะคะ
ข้อมูลจาก
คุณ Dark Pigeon สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, wikipedia