จากกรณีมาตรการบังคับใช้กฎหมาย
โดยให้ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งในรถทุกประเภท
ที่ทำการจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก ตามคำสั่งกฎหมาย ม.44
กรณีรถกระบะแบบมีแคปว่า สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้หรือไม่
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก
ได้อธิบายและชี้แจงตรงกันว่า ไม่ใช่แค่ห้ามนั่งท้ายกระบะ แต่ตรงช่วงแคป
ก็ห้ามนั่ง
โดยตามที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจงมาตราตามมาตรา 44 ฉบับที่ 14/2560 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฏหมายว่าการจราจรเพื่อควบคุมวินัยจราจรอย่างเข้มข้นนั้น เพื่อความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงขอชี้แจ้งเพิ่มเติมดังนี้
1. การนำรถปิกอัพขนน้ำไปสาดกันช่วงสงกรานต์ โดยมีการนั่งกระบะท้ายผ่านไปตามถนนหลวงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่สามารถอนุญาตได้ แต่พร้อมจะอะลุ้มอล่วย โดยให้รถบรรทุกน้ำและมีผู้โดยสารอยู่ที่กระบะท้ายได้ เฉพาะในกรณีที่อยู่ในพื้นที่โซนที่อนุญาตให้เล่นน้ำและให้รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆเท่านั้น
2.ขณะขนน้ำไป ขอให้นั่งในรถและเมื่อถึงที่แล้ว ขอให้จอดรถแล้วค่อยลงมาเล่นที่กระบะหลัง
3.หากจะเล่นสาดน้ำแบบวิ่งไปด้วย ก็ขอให้เล่นอยู่ภายในพื้นที่หมู่บ้าน หรือชุมชนอย่าขึ้นไปเล่นบนถนนหลวงสายหลัก จึงขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามตามกฎจราจรและมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางถนนของส่วนรวม จากการชี้แจงในประเด็นดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ ทำให้มองเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องการที่จะลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยผ่อนผันให้ทุกคนยังคงเล่นสาดน้ำ บรรทุกน้ำกันได้ตามบรรยากาศของสงกรานต์ในชุมชน หรือย่านใจกลางเมืองถนนสายหลัก ยกเว้นบนถนนหลวงที่รถใช้ความเร็วห้ามนั่งกระบะท้ายเล่นน้ำ หรือระหว่างขนน้ำ เพื่อความปลอดของตัวท่านเอง และไม่เสี่ยงต่อการขัดข้อกฎหมายช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีนี้
ล่าสุด ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Natee Ekwijit” หรือ “อุ๋ย บุดดาเบลส” ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า…กฎหมายห้ามนั่งกระบะหลังและห้ามนั่งในแคบเพราะกระบะจดทะเบียนเป็นรถ2ที่นั่งเนี่ย มันมีมานานมากแล้วแต่อลุ้มอล่วยกันมานานจนกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่กฎหมายใหม่ แต่ถ้ารัฐบาลและตำรวจจะมาบังคับใช้จริงๆเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชน ไปบังคับใช้กฏหมายลงโทษพวกเมาแล้วขับให้ได้จริงๆก่อนเถอะครับ น่าจะมีประโยชน์กว่า
http://www.siamvariety.com/view-17596.html
โดยตามที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจงมาตราตามมาตรา 44 ฉบับที่ 14/2560 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฏหมายว่าการจราจรเพื่อควบคุมวินัยจราจรอย่างเข้มข้นนั้น เพื่อความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงขอชี้แจ้งเพิ่มเติมดังนี้
1. การนำรถปิกอัพขนน้ำไปสาดกันช่วงสงกรานต์ โดยมีการนั่งกระบะท้ายผ่านไปตามถนนหลวงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่สามารถอนุญาตได้ แต่พร้อมจะอะลุ้มอล่วย โดยให้รถบรรทุกน้ำและมีผู้โดยสารอยู่ที่กระบะท้ายได้ เฉพาะในกรณีที่อยู่ในพื้นที่โซนที่อนุญาตให้เล่นน้ำและให้รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆเท่านั้น
2.ขณะขนน้ำไป ขอให้นั่งในรถและเมื่อถึงที่แล้ว ขอให้จอดรถแล้วค่อยลงมาเล่นที่กระบะหลัง
3.หากจะเล่นสาดน้ำแบบวิ่งไปด้วย ก็ขอให้เล่นอยู่ภายในพื้นที่หมู่บ้าน หรือชุมชนอย่าขึ้นไปเล่นบนถนนหลวงสายหลัก จึงขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามตามกฎจราจรและมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางถนนของส่วนรวม จากการชี้แจงในประเด็นดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ ทำให้มองเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องการที่จะลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยผ่อนผันให้ทุกคนยังคงเล่นสาดน้ำ บรรทุกน้ำกันได้ตามบรรยากาศของสงกรานต์ในชุมชน หรือย่านใจกลางเมืองถนนสายหลัก ยกเว้นบนถนนหลวงที่รถใช้ความเร็วห้ามนั่งกระบะท้ายเล่นน้ำ หรือระหว่างขนน้ำ เพื่อความปลอดของตัวท่านเอง และไม่เสี่ยงต่อการขัดข้อกฎหมายช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีนี้
ล่าสุด ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Natee Ekwijit” หรือ “อุ๋ย บุดดาเบลส” ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า…กฎหมายห้ามนั่งกระบะหลังและห้ามนั่งในแคบเพราะกระบะจดทะเบียนเป็นรถ2ที่นั่งเนี่ย มันมีมานานมากแล้วแต่อลุ้มอล่วยกันมานานจนกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่กฎหมายใหม่ แต่ถ้ารัฐบาลและตำรวจจะมาบังคับใช้จริงๆเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชน ไปบังคับใช้กฏหมายลงโทษพวกเมาแล้วขับให้ได้จริงๆก่อนเถอะครับ น่าจะมีประโยชน์กว่า
http://www.siamvariety.com/view-17596.html