เปิดประวัติ “เศรษฐีจิมมี่” หลังนั่ง2แถว ไปบริจาคเงิน10ล้าน

มากันแล้วล่ะจ้าาา วันนี้ก็กลับมาพบกับเจ๊ซาวบาทแห่งเพจอัพยิ้มอีกเช่นเคย เจ๊ซาวบาทอัพยิ้มเชื่อว่า หลายๆท่านคงจะเคยได้ยินข่าวว่านาย จิมมี่ ชวาลา มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ได้กำลังนั่งรถสองแถวกลับบ้าน เพื่อเดินทางไปมอบเงินบริจาคสมทบ จำนวน 10 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารสหไทย ศูนย์รังสีรักษา ภายในโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไปเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ คุณจิมมี่ไม่ได้มีการบอกกับทางสื่อแต่อย่างใด ล่าสุดเจ๊ซาวบาทอัพยิ้มจึงพามาดูประวัติของเขากัน ว่าจะรวยยังไงบ้าง ตามเจ๊ซาวบาทอัพยิ้มมาดูกันดีกว่า
คนทำความดีต้องสรรเสริญ
มาดูกันจ้า
เปิดหีบสมบัติความคิด”สิทธาเศรษฐี” หรือ “จิมมี่ ชวาลา” หรือ “ปาป้าจิมมี่” นายห้างค้าผ้าเชื้อสายอินเดียที่มาตั้งรกรากใน จ.นครศรีธรรมราช ค้าขายจนร่ำรวย แต่มีใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และมักจะไม่เปิดเผยให้ใครรู้ ล่าสุดชะตาชีวิตนำพามาพบกับ “ตูน บอดี้สแลม” ขณะตัวเองนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หลังช่วยคนติดไฟไหม้บนตึก ตัดสินใจเดี๋ยวนั้น บริจาค 16 ล้านบาท ได้เป็นเศรษฐีอีกรอบ

นายจิมมี่ ชวาลานั้น เกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2500 เป็นบุตรของนางยานกี เดวี ชวาลา กับนายราม ชวาลา อดีตนักชกมวยไทยชื่อ “รามซิงค์ ศิษย์สุริยะ” มีชื่อเสียงในช่วงปี 2493-2499 โดยเคยขึ้นชกที่เวทีราชดำเนินมาแล้ว และนำเงินที่ได้มาสมทบกับเงินที่บิดามารดาได้จากการเร่ขายผ้าตามตลาดนัดต่างๆ มาเช่าอาคารเปิดเป็นร้านขายผ้า แรกเริ่มตั้งชื่อว่า “ร้านนายชม” ตั้งตามชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียกนายเดสราช ชวาลา ปู่ของนายจิมมี่

ต่อมาในปี 2500 นายเดสราช ได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็น “ร้านจิมมี่” เพื่อเป็นของขวัญแด่ “จิมมี่ ชวาลา” หลานคนแรกที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกในปีนั้น กิจการร้านจิมมี่เติบโดตมาเรื่อยๆ และได้รับผลกระทบหนักจนกิจการเกือบจะไปไม่รอดในช่วงอุทกภัยปี 2531

ซึ่งปีนั้นแม้ร้านขายผ้าจะถูกน้ำท่วมสินค้าเสียหาย แต่จิมมี่ก็ยุ่งอยู่กับการแบกข้าวสารลงจากรถสิบล้อเพื่อนำไปช่วยเหลือคนอดอยากจากน้ำท่วม ข้าวสารบนรถคันนั้นมาถึงหน้าอำเภอนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครช่วยขนลงจากรถ จิมมี่จึงไปจ้างคนถีบสามล้อและตัวเขาเองขนข้าวสารลงจากรถจนหมดจึงได้นำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยที่กำลังหิวโหย ขณะที่ผ้าห่มสินค้าในร้านที่จมน้ำถูกซักจนสะอาดตากจนแห้งและมอบให้ผู้ประสบภัยใช้ห่มกันหนาว

จิมมี่ ชวาลา ช่วยคนตกทุกข์ได้ยากมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ปริปากบอกใคร เขาทำอยู่เงียบๆ กับคนในครอบครัวและลูกน้อง ที่มารดาของเขาสอนว่าต้องปฏิบัติกับคนเหล่านั้นแบบ “ลูก” กับ “น้อง” การช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากของจิมมี่ อาทิ บริจาคเงินต่อเนื่องเพื่ออาหารกลางวันสำหรับนักเรียนที่ผู้ปกครองยากจนจำนวนหลายโรงเรียน บริจาคเงินจำนวน 28 ล้านบาทสมทบทุนซื้อทองคำบูรณะปลียอดพระบรมธาตุ บริจาคให้ตูนบอดี้สแลม 16 ล้านบาททั้งสองรายการทำในนามชาวนครศรีธรรมราช

นอกจากนี้ยังบริจาคเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลประจำจังหวัดเพื่อซื้อเครื่องฉายแสงและสนับสนุนงบประมาณในการสร้างห้องฉายแสงไม่ให้ผู้ป่วยต้องเดินทางไกลไปรักษาถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยังช่วยเหลือชาวบ้านเป็นรายบุคคลอีกหลายกรณีที่ไม่เปิดเผย หลายกรณีแม้กระทั่งผู้ได้รับความช่วยเหลือก็ยังมารู้ทีหลัง

ล่าสุดนี้เอง อาคารร้านค้าของนายจิมมี่ ชวาลา ถูกไฟไหม้ เขาช่วยทุกคนออกมาจากตึกที่ไฟกำลังไหม้ แต่พบว่ายังเหลืออีกคนติดอยู่บนชั้น 5 ของอาคาร คืออาสาว น้องของนายราม ชวาลา บิดาของจิมมี่ จิมมี่จึงแจ้งกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง แต่เพลิงกำลังลุกไหม้หนัก เจ้าหน้าที่ห้ามว่าไม่ควรมีใครขึ้นไปข้างบนอีก

แต่จิมมี่ ชวาลา อาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ไม่เห็น วิ่งขึ้นไปช่วยอาลงมาได้อย่างปลอดภัยโดยมีลูกน้องตามมาช่วยเหลือด้วย แต่จิมมี่สำลักควันไฟต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจนกว่าจะปลอดภัย ขณะที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาได้ยินข่าวโครงการก้าวคนละก้าว จึงตัดสินใจในเวลานั้น บริจาคเงินจำนวน 16 ล้านบาทสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาล 11 แห่ง

ในหนังสือนวนิยายเรื่อง “สิทธาเศรษฐี” เขียนโดย “จำลอง ฝั่งชลจิตร” นักเขียนรางวัลรพีพร ชาว จ.นครศรีธรรมราช ที่เขียนขึ้นจากอัตชีวิประวัติของจิมมี่ ชวาลา พบว่าชีวิตของจิมมี่ มีเรื่องราวที่คล้ายเป็นบททดสอบชีวิตหลายเหตุการณ์ ดังกรณีล่าสุดที่เขาเข้าโรงพยาบาลเพราะเหตุไฟไหม้

และขณะที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลกลับมีข่าวชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งทางไกล เพื่อขอเงินคนไทยคนละ 10 บาทเพื่อช่วยซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาล 11 แห่ง ซึ่งเรื่องราวชีวิตของเขาเต็มไปด้วยเหตุบังเอิญเช่นนี้เสมอมา และหนังสือ “สิทธาเศรษฐี” ขณะนี้จัดพิมพ์เป็นครั้งที่ 12 ในเวลาเพียง 7 ปี หลังจากพิมพ์ครั้งแรก

จิมมี่ ชวาลา จบการศึกษาจากโรงเรียน Bishop Cotton ประเทศอินเดีย พ่อเขาส่งไปเรียนเพื่อให้รู้จักแผ่นดินฝังรากเหง้าที่ครอบครัวอพยพจากมา แต่ขณะเรียนอยู่ที่นั่น จิมมี่บอกกับทุกคนว่าเขาเป็นคนไทย

เป็นอย่างไรกันบ้างละคะ กับเรื่องราวที่เจ๊ซาวบาทอัพยิ้มนำมาเสนอในวันนี้ สำหรับจิมมี่แล้วล่ะก็ เจ๊คิดว่าเป็นแบบอย่างที่ดีได้ต่อทุกคนเลยนะคะ คนทำความดีแบบไม่ต้องปริปากบอกแบบนี้ ต้องยกย่องหน่อยแล้ว