เช็ครถก่อนเดินทาง 13 สิ่งสำคัญ ที่จะมองข้ามไม่ได้เลย

เช็ครถก่อนเดินทาง 13 สิ่งสำคัญ ที่จะมองข้ามไม่ได้เลย

เราต่างก็เห็นกันบ่อย ๆ สำหรับ อุ บั ติ เ ห ตุ ที่เกิดจากรถยนต์ ทั้งความ ป ร ะ ม า ท และตัวรถเอง รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ แต่หากมีอะไรที่พอจะเตรียมพร้อมรับมือ เตรียมการเพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้รถมากที่สุด โดยเฉพาะตัวรถถ้าเราละเลยไม่เช็คความพร้อมมันอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาก็ได้ บทความนี้จะพาให้ผู้ใช้รถทุกท่านมา เช็ครถก่อนเดินทาง มีอะไรบ้างมาดูเลย

เช็ครถ

1. เช็คยางรถยนต์ให้เรียบร้อย

ถ้ายางไม่ดีการวิ่งรถบนถนนจะมีปัญหา โดยจะต้องเช็คทั้งภายนอกของตัวยาง ดอกยางยังดีอยู่ไหม ยางรถที่ดีดอกยางจะต้องเหลือ 3 มิลลิเมตรขึ้นไป มีรอยแตก ฉีก ขาด หรือไม่ เช็คลมยางยังพอดีหรือไม่ หากมีปัญหาแม้เพียงเล็กน้อยก็จะต้องรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด และจะต้องเช็คทุกล้อด้วยนะ

เช็ครถ

2. เช็คใบปัดน้ำฝน

แม้ไม่ใช่หน้าฝนก็ต้องดูเพราะว่าบางเวลาจะต้องใช้ ฉีดพ่นน้ำปัดกระจกเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วย และรู้ไหมว่าใบปัดน้ำฝนนั้นมันมีหมดอายุนะ ซึ่งมันมีอยู่ประมาณ 2 ปี แต่บ้านเรามันร้อนมันก็อาจเสื่อมสภาพเร็วหน่อย หากรู้สึกว่าเสื่อมสภาพแล้วควรหาที่เปลี่ยน

เช็ครถ

3. เช็คระบบเบรก

เป็นอะไรที่สำคัญมากเพราะถ้าเบรกมีปัญหารถไม่ควรขับเลยเพราะทำให้เกิดอัตรายแน่นอน ระบบเบรก ABS ในรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อค เมื่อเหยียบเบรกเต็มแรง ซึ่งมีประโยชน์มากบนถนนเปียกลื่น

เพราะผู้ขับขี่จะยังคงสามารถควบคุมทิศทางตัวรถเพื่อเลี่ยงสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้ วิธีการตรวจเช็ค คือ ให้ลองหาถนนโล่งๆ และปลอดภัย ขับรถด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. จากนั้นให้เหยียบเบรกเต็มแรง หากได้ยินเสียงดังจากช่วงล่าง และมีแรงสะท้านที่แป้นเบรกเป็นจังหวะถี่ๆ นั่นแสดงว่า ระบบเอบีเอสยังคงทำงานได้ดีอยู่ แต่หากได้ยินเสียงยางบดถนนดังเอี๊ยดยาวๆ นั้นก็แปลว่า ABS มีปัญหา ต้องแก้ไข

เช็ครถ

4. เช็คระบบไฟของรถยนต์

ทุกส่วนที่มีไฟจะต้องดู โดยเฉพาะไฟหน้ารถ ไฟเบรก ไฟท้าย ไฟเลี้ยวและทุก ๆ ไฟ จะต้องส่องสว่าง กลางวันอาจจะไม่เป็นปัญหามา แต่ถ้ากลางคืนหากขับรถมันจะต้องลำบากมากทีเดียว เสี่ยงเกิด อุ บั ติ เ ห ตุ ได้เลย

เช็ครถ

5. เช็คระบบปรับอากาศ

สภาพอากาศในบ้านเรา อากาศร้อนถึงร้อนมากโดยส่วนใหญ่ การเตรียมความพร้อมให้ระบบปรับอากาศสามารถทำความเย็นได้ตามปกติถือเป็นสิ่งที่ควรดูแลเป็นอย่างมาก โดยมากระบบปรับอากาศจะเริ่มอุดตันจากการไม่ได้ดูแลเรื่องกรองแอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถมีกลิ่นและไม่เย็นอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตรเช่นกัน จะทำให้แอร์เย็นและอากาศในรถสดชื่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การเปิดกระจกขณะขับรถ มีส่วนทำให้กรองแอร์ตันและสกปรกเร็วยิ่งขึ้น

เช็ครถ

6. เช็คอะไหล่สำรอง

แม้จะยังไม่เคยใช้งาน มันเป็นอะไหล่สำรองเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉิน เราก็ต้องเช็คว่ามันยังสภาพดีพร้อมใช้งานดีหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่เช็คเลยแล้วพอถึงคราวจำเป็นต้องใช้มันขึ้นมาจริง ๆ จะแย่เอา

เช็ครถ

7. ระดับน้ำระบบต่างๆ

ระดับน้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง หม้อน้ำควรดูว่าด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติดอยู่ ดูท่อยางว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกขาดหรือหลวม

8. เช็คแบตเตอรี่และสายไฟ

ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนด ดูเปลือกแบตเตอรี่ว่า มีร่องรอยเสียหายหรือไม่ ตรวจดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่

เช็ครถ

9. เข็มขัดนิรภัย

ให้ตรวจเช็คหัวเข็มขัดนิรภัย ที่สามารถล็อคตัวคุณได้อย่างเรียบร้อยดี สายเข็มขัดอย่าให้มีรอยฉีกขาด ระบบล็อคยังสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี

เช็ครถ

10. เช็คแตร

ลองกดดู ให้แน่ใจว่าเสียงแตรดังชัดเจนดีหรือไม่

11. เช็คน้ำมันเครื่อง

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับเครื่องยนต์ นั่นคือ น้ำมันเครื่อง ถือเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก โดยให้ดึงก้านเช็คน้ำมันเครื่องในขณะที่ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับที่ก้านระบุไว้

โดยสามารถเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มลงไปได้หากน้อยกว่าที่ระบุ นอกจากนี้ น้ำมันเครื่อง ควรทำการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 1 หมื่นกิโล เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และถนอมส่วนประกอบต่างๆภายในเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ เสื้อสูบ ข้อต่อต่างๆ

เช็ครถ

12. เช็คน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกจะช่วยหล่อลื่นส่วนต่างๆ ในระบบเบรก เนื่องจากต้องมีการเสียดสีของส่วนต่างๆในระบบเบรก ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ ลูกยาง ภายในแม่ปั๊มเบรก ลูกปั๊มเบรก ถ้าหากน้ำมันเบรกรั่ว หรือไม่เพียงพอ จะเกิดการสึกหรอ จนกระทั่งไม่สามารถเบรกได้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า “เบรกแตก

เช็ครถ

โดยมากกระบอกเก็บน้ำมันเครื่องจะอยู่บริเวณตอนหน้าของห้องเครื่อง เราสามารถสังเกตได้จากภายนอกว่าน้ำมันเบรกขาดหรือไม่ โดยควรให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า Min หากน้ำมันเบรกเริ่มน้อยลง มีความเป็นไปได้ถึงผ้าเบรกเริ่มสึกหรอลง ควรตรวจสอบผ้าเบรกด้วยว่ายังเหลือเพียงพอหรือไม่

13. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้เสมอ

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อฉุกเฉิน เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรที่จะต้องมี หากเกิด อุ บั ติ เ ห ตุ หรืออัตรายต่างๆ เราสามารถโทรเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการขับขี่รถยนต์ของเรานั่นคือการเคารพกฎจราจรที่ได้ตั้งเอาไว้ การระมัดระวังในการขับขี่ การมีน้ำใจบนท้องถนน หากคุณมีสิ่งเหล่านี้ อุ บั ติ เ ห ตุ ต่างๆก็สามารถเกิดขึ้นได้น้อยลง และก็จะเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากขึ้น

เช็ครถ

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ควรทำให้เป็นประจำและเคยชิน ไม่ว่าจะเดินทางในระยะใกล้หรือไกลรถที่พร้อมสำหรับการใช้งานจริง ๆ จะดีกว่า ปลอดภัยต่อชีวิตของผู้ใช้รถมากกว่า การทำแบบนี้ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เยอะมากเลย ที่เหลือก็ให้ใช้รถด้วยความไม่ประมาท จะทำให้ทุกวันในการใช้รถผ่านไปได้ด้วยดี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Kaijeaw