“นางกาลกิณี” บทความดีๆ ที่ผู้หญิงทุกคนควรอ่าน

นางกาลกิณี…

เขาคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบให้กับเธอ “แต่งงานกับผมนะ ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้”

เธอรู้สึกตื้นตัน ตอบตกลงแต่งกับเขาในทันที “พ่อจ๋าแม่จ๋า ลูกตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมคะ?”

เธอแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า เอ่ยบอกวิญญาณพ่อแม่ในใจ ณ เวลานั้น เธออายุเพียง 23 ปี เป็นสาวงามที่สุดในตำบล

หลังจากแต่งงาน เธอย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามีซึ่งมีเพียงแม่สามีอยู่ด้วย พ่อสามีเสียชีวิตไปนานแล้วเช่นกัน แม่สามีไม่ค่อยชอบเธอมากนัก จึงตำหนิและต่อว่าเธออยู่เสมอ “แม่เลี้ยงผมมาจนโต คุณทำดีต่อแม่ผมไม่ได้เหรอ? ท่านเป็นแม่ของผมนะ!” สามีของเธอบอกกับเธอ เมื่อเธออธิบายเรื่องที่แม่ตำหนิเธอเมื่อหัวค่ำ เธอได้แต่ก้มหน้ายอมรับในความอดสูใจ

สามีของเธอทำงานในตัวเมืองและชอบเข้าบ่อน กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนตีหนึ่ง เธอทำงานบ้านตามที่แม่สามีบอกอย่างไม่มีปากเสียง เหนื่อยสายใจแทบขาด ใบหน้าของเด็กสาวกลายเป็นซีดเผือด วันหยุดหรือวันใดที่สามีของเธออยู่ติดบ้าน เธอจึงขอให้เขาช่วยแบ่งเบางานของเธอบ้าง กลับถูกแม่สามีเอ็ดเอาว่า “ลูกชายชั้น ชั้นเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเหนื่อยกับงานของเขาอยู่แล้ว วันหยุดต้องให้เขาพักผ่อน ไม่ใช่ให้เขามาทำงานบ้านแทนเธอ! เธอนี่เป็นเมียประสาอะไร!”

หลังจากอยู่กินกันได้ 1 ปี เธอก็ตั้งครรภ์ แม่สามีเห็นท้องเธอแหลม ก็เที่ยวป่าวประกาศว่านางจะได้หลานชาย สามีของเธอยังคงทำตัวเป็นปกติ ออกไปทำงานแต่เช้า กลับเข้าบ้านก็ดึกดื่นเที่ยงคืน
พอเขาเข้าห้องมา ก็ตรงมาลูบที่ท้องของเธอ “เป็นเด็กดีนะลูก!” จากนั้นก็ล้มหัวลงนอน

เธอแพ้ท้องหนักมาก ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นเวลาเกือบครึ่งปี บนใบหน้า ณ ตอนนี้ซีดเผือดไม่มีสีเลือดเลย ไม่หลงเหลือร่องรอยของเด็กสาววัยสดใสก่อนหน้านั้นเลย

ในวันคลอด คุณหมอบอกเธอว่าเธอได้ลูกสาว เด็กน้อยแก้มแดงสดใส เธอยิ้มทั้งน้ำตา “ลูกแม่ช่างน่ารัก น่าชังอะไรเช่นนี้”

“อะไรนะ? เด็กผู้หญิง! เป็นไปไม่ได้! บ้านเราสามรุ่นแล้วที่มีแต่ลูกชาย ลูกสะใภ้ของชั้นท้องแหลมขนาดนั้น จะเป็นเด็กผู้หญิงได้ยังไงกัน ฉันไม่เชื่อหรอก!”

เสียงของแม่สามีดังขึ้นหลังจากคุณหมอบอกนางว่าได้หลานสาว นางไม่ยอมรับ และรับไม่ได้ที่เธอคลอดลูกเป็นเด็กผู้หญิง เดินหัวเสียออกจากห้องไป “เธอท้องประสาอะไร! ทำไมไม่เป็นลูกชาย?” สามีของเธอโยนระเบิดลูกที่สองมาให้เธอ…..เธอได้แต่อุ้มลูกสาวแนบไว้กับอก น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด คุณหมอและนางพยาบาลต่างมองเธอด้วยความสงสาร

สามีของเธอยิ่งมายิ่งเล่นหนัก คืนๆหนึ่งหมดไปเป็นหมื่นๆ จนต้องบากหน้าไปกู้ยืมเงินจากเพื่อนบ้านมาเล่น เธอเห็นท่าไม่ดี เย็นนั้นจึงเอ่ยท้วงผู้เป็นสามี “พี่อย่าไปเล่นอีกเลย หยุดเถอะพี่!”

“เพี๊ยะ!”

เสียงฝ่ามือของผู้เป็นสามีกระทบลงบนใบ้หน้าของเธอจนทำให้เธอล้มลงก้นกระแทกกับพื้น แล้วสามีก็เดินออกจากบ้านไป แม่สามีเข้ามาตำหนิเธอว่า “ผัวเพียงคนเดียวเธอยังเอาไม่อยู่ แถมลูกก็มาเป็นผู้หญิงอีก วันหลังก็เก็บผ้าเตรียมตัวออกจากบ้านชั้นไปได้เลย”

สองวันแล้วที่สามีของเธอไม่กลับเข้าบ้าน ดึกของคืนนั้น สามีของเธอก็ถูกชายสองคนหิ้วปีกกลับมาที่บ้าน “ผัวของเธอเสียพนัน แถมยืมเงินของพวกเราไปเป็นแสน หากไม่หามาคืนภายในหนึ่งเดือน อย่าหาว่าใจร้ายนะ!” พูดเสร็จ ชายทั้งสองก็เก็บกวาดเอาทรัพย์สินที่มีค่าไป

“เธอนี่มันกาลกิณีจริงๆ ตั้งแต่แต่งเธอเข้าบ้าน ชั้นก็ทำมาหากินฝืดเคือง เล่นไม่เคยได้เหมือนเมื่อก่อน แถมยังมาท้องลูกผู้หญิงให้บ้านชั้นอีก มานี่ซิ! ”

เขาจับแขนของเธอแล้วก็ลงมือทุบตีและด่าทอ แม่สามีได้แต่ร้องไห้สงสารในโชคชะตาของลูกชาย โดยไม่ยอมช่วยปกป้องเธอเลยแม้แต่นิดเดียว “ไป๊ ออกจากบ้านชั้นไปเลย ไปทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ นังตัวซวย!”

เธอมองหน้าสามีอย่างไม่เชื่อในสายตา ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลงแล้ว เธอเดินเข้าห้อง เก็บเสื้อผ้าและสิ่งของที่จำเป็น จากนั้นก็เดินอุ้มลูกออกจากบ้านไป ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว เธอเดินฝ่าความมืดไปบ้านของน้าสาวที่อยู่ไม่ไกลนัก เด็กสาวอายุเพียง 25 ปีก็ต้องมาเป็นหม้าย จะบอกว่าเธอเลิกกับสามีก็ไม่ถูก ที่ถูกก็คือเธอถูกสามีไล่ออกจากบ้านต่างหาก

เช้าวันรุ่งขึ้น คนทั้งตำบลก็พากันเล่าความสืบข่าว คนกลุ่มหนึ่งนึกสงสารในโชคชะตาของเธอ คนกลุ่มหนึ่งก็บอกสมควรแล้ว เพราะเธอไม่คลอดลูกผู้ชายให้บ้านสามี ทำให้ครอบครัวของสามีตกต่ำ เธอรู้ว่าข่าวนี้มันแพร่สะบัดมาจากไหน แต่ก็ช่างเถอะ หลุดออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ก็ถือว่าบุญแล้ว ต่อไปเธอจะทำยังไง? ลูกของเธอจะอยู่กินยังไง? นี่ต่างหากที่เธอต้องขบคิด!

เช้าวันหนึ่ง เธอเดินเข้าไปของานทำในร้านขายน้ำเต้าหู้ตอนเช้าของป้าคนหนึ่ง เธอบอกกับป้าเจ้าของร้านว่า เธอเพิ่งเลิกกับสามีและมีลูกน้อยติดมาด้วย “หากคุณป้าเมตตารับหนูเข้าทำงาน หนูขอเอาลูกมาอยู่ด้วยได้ไหมค่ะ?”

“ฉันก็พอได้ยินเรื่องราวของเธอมาบ้าง เดิมทีฉันทำกันสองคนแม่ลูกก็พอไหวอยู่ แต่เอาเถอะ เรามันผู้หญิงเหมือนกัน มีเธอเข้ามาอยู่ด้วยอีก2คน บ้านจะได้ครึกครื้น!” เธอก้มลงกราบคุณป้าเจ้าของร้านด้วยความซาบซึ้งใจ

เธอช่วยทำงานทุกอย่างในบ้านด้วยความขยัน อีกทั้งฝีมือการทำปาท่องโก๋ของเธอที่ถูกปากลูกค้า ทำให้ใครต่อใครต่างก็ช่วยกันโฆษณาให้ร้านน้ำเต้าหู้ที่เธอทำอยู่ จึงทำให้กิจการของบ้านนี้ดีวันดีคืน

ลูกชายเจ้าของบ้านเป็นคนซื่อ กลับถูกชะตาเธอเป็นอย่างยิ่ง ส่วนป้าเจ้าของร้านก็ถูกอกถูกใจเธอเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน นางคิดในใจ 

“นี่หรือหญิงกาลกิณีที่ใครๆเขาเล่าลือกัน ตั้งแต่มีเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน กิจการก็ดีเอาๆ แถมลูกชายของเราก็พลอยมีชีวิตชีวาไปด้วย เราจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”

เช้าวันหนึ่ง หลังจากขายน้ำเต้าหู้จนหมดเกลี้ยงแล้ว ลูกชายคนซื่อของนาง ก็ได้นำน้ำเต้าหู้แก้วหนึ่งคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว “แต่งงานกับผมนะ ผมไม่ค่อยฉลาดทันคนเขาเท่าไหร่นัก ผมไม่ค่อยมีเงินเหมือนคนอื่น แต่สาบานได้ว่าความรักของผมที่มีต่อคุณและลูกสู้ใครคนอื่นได้ขาดลอยก็แล้วกัน”

เธอมองหน้าชายหนุ่มคนซื่อที่ตอนนี้กำลังคุกเข่ายื่นน้ำเต้าหู้แก้วนั้นให้กับเธอ จากนั้นก็หันไปมองหน้าแม่ของเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก นางพยักหน้ารับและบอกเป็นนัยๆ ว่าให้ตอบตกลง
เธอรับแก้วน้ำเต้าหู้มาทั้งน้ำตา ชายคนนี้และหญิงบ้านนี้นี่แหละที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจและรู้สึกมีคุณค่าตั้งแต่ได้ก้าวเข้ามาพักอาศัย

“ตกลงค่ะ ฉันของฝากชีวิตของฉันและลูกสาวไว้กับคุณด้วยนะคะ”

เสียงปรบมือของเจ้าของบ้านวัยเกือบชราดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มที่ลุกขึ้นโอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน เธอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอีกครั้ง “พ่อคะแม่คะ ลูกขอให้การตัดสินใจครั้งนี้ขอลูกเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดนะคะ”

การแต่งงานครั้งแรกของเธอ สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นก็คือดอกกุหลาบช่อใหญ่ช่อนั้น และคำพูดหวานหูที่ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน 

แต่การแต่งงานครั้งนี้ของเธอ ไม่มีดอกกุหลาบ ไม่มีคำหวานหู ไม่มีความโรแมนติก มีเพียงน้ำเต้าหู้ธรรมดาๆ เพียงหนึ่งแก้ว กับผู้ชายธรรมดาซื่อๆ คนหนึ่ง กับคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธอ “ผมจะไม่ทำให้คุณและลูกหิวเป็นอันขาด” สิ่งเหล่านี้ ทำให้เธอซาบซึ้งใจ

หลังจากแต่งงานกัน เธอและสามียิ่งขยันขันแข็งในการทำงาน เธอขอร้องให้ป้าเจ้าของร้านที่ตอนนี้เลื่อนฐานะมาเป็นแม่สามีให้พักผ่อนให้มากขึ้น แม่สามีก็ไม่ขัดน้ำใจลูกสะใภ้ จึงขันอาสารับหน้าทีดูแลหลานสาวตัวน้อยให้แทน นางไม่คิดรังเกียจลูกที่ติดลูกสะใภ้มาเลย หนำซ้ำยังรักและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษอีกต่างหาก

สามีทำงานเก่ง เธอเก็บเงินและทำงานบ้านเก่ง แขกไปใครมาจึงได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากบ้านหลังนี้เป็นระยะเสมอ จากร้านน้ำเต้าหู้เล็กๆ บัดนี้ได้ขยายกิจการไปอีกหลายร้านและมีลูกน้องมากมาย ไม่ถึงสองปี เขาก็เปิดโรงงานทำน้ำเต้าหู้บรรจุขวดขนาดย่อม ส่วนเธอ ก็ได้ให้กำเนิดลูกชายให้เขาและแม่ได้ชื่นชม

เย็นวันหนึ่ง อดีตแม่สามีของเธอได้เจอกับแม่สามีคนปัจจุบันของเธอโดยบังเอิญที่สวนสาธารณะ 

“ลูกชายของคุณนี่ช่างมีวาสนานะ ทำงานก็เก่ง ตอนนี้กิจการใหญ่โตเชียว ฉันละดีใจแทนคุณจริงๆ” อดีตแม่สามีเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน

“ไม่ใช่ลูกชายของฉันหรอก ลูกสะใภ้ต่างหากล่ะที่เก่ง ตั้งแต่แต่งเธอเข้าบ้านมา เธอก็ช่วยเป็นธุระอะไรแทนฉันและลูกชายได้ทุกอย่าง ลูกชายของฉันนะมันมีแต่ความขยันเพียงอย่างเดียว ที่พอลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะลูกสะใภ้นั่นแหละที่เป็นคนเก็บเงินเก่ง!”

“อะไรนะ ลูกชายคุณเป็นคนทำงาน ส่วนเงินให้ลูกสะใภ้เก็บเหรอ? คุณยอมให้ลูกเธอลำบากได้ยังไงเนี่ย!” อดีตแม่สามีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่นางได้ยิน

“ฉันเลี้ยงลูกชายชั้นมาตั้งแต่มันยังเล็ก วันหนึ่งมีคนมาช่วยดูแลมันแทนฉัน ฉันก็สบายใจ อีกอย่าง เด็กผู้ชายทำงานหนักหน่อยไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว หากทนงานหนักไม่ได้แล้วจะเป็นเจ้าคนนานคนได้ยังไง อีกอย่าง ลูกสะใภ้ของฉันก็เป็นคนดีจริงๆ เป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือน ฉันละภูมิใจนัก”

อดีตแม่สามีได้แต่อ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงหันไปหยอกเด็กน้อยในรถเข็นเด็ก “หลานชายของคุณน่ารักน่าชังเชียว นี่ชั้นจะบอกให้ ตอนที่อยู่บ้านชั้นเธอกลับคลอดลูกสาวนะ ทำให้ครอบครัวของเราตกต่ำย่ำแย่ไปนานเลย”

“แต่หลานสาวที่บ้านของชั้นเป็นเด็กดีและน่ารักมากๆ เพราะหลาวสาวเป็นเด็กดีบ้านเราก็เลยได้หลานชายมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่เพราะหลานสาวเราก็คงไม่ได้หลานชาย” ได้ยินอดีตแม่ผัวของลูกสะใภ้กล่าวหาหลานสาวคนดีของนางว่าทำให้บ้านโน้นตกต่ำ นางจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง มีอย่างที่ไหนมาว่าหลานรักของนาง นางจึงจัดไปชุดใหญ่

“แม่ครับ/ค่ะ กลับบ้านได้แล้วค่ะ” เสียงลูกชายลูกสะใภ้ดังขึ้นพร้อมกัน

เมื่ออดีตแม่สามีหันไปมอง ก็เห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังจูงลูกสาวเดินตรงเข้ามา ใบหน้าของหญิงสาวที่สวยผุดผ่อง กลับคืนสู่ใบหน้าที่สดใสสมวัยอีกครั้งของอดีตลูกสะใภ้

“ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านคนมีเงิน ดูเธอสวยกว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านชั้นเยอะเลยนะ” อดีตแม่สามีเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาสวัสดีเธอ

“ชั้นจะบอกเธอให้เอาบุญนะ ผู้ชายนะเป็นดิน ผู้หญิงนะเป็นดอกไม้ ผู้หญิงคนใดแต่งงานกับผู้ชายเลวๆ ก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ต้นไม้ที่ออกดอกงดงามรังแต่จะถูกเผาให้วายวอด อย่าเอาแต่กล่าวโทษลูกสะใภ้ว่าไร้วาสนา ต่อให้ไฉซิ้งเอี้ยที่ประทานเงินทองเก่งแค่ไหน ก็คงอยู่กับบ้านคนเลวๆไม่ได้หรอก ”

พูดเสร็จ นางก็หันไปอุ้มหลานสาว จากนั้นก็บอกให้ลูกชายเข็นรถหลานชายตามไป “กลับบ้านเถอะลูก ฝนใกล้จะตกแล้ว”นางเอื้อมมือไปแตะบ่าลูกสะใภ้ จากนั้นก็พากันเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้าน ทิ้งให้อดีตแม่สามีของเธอทั้งอายและทั้งเคืองอยู่ตรงนั้นคนเดียว

ผู้ชายคือคราด ผู้หญิงคือตู้เซฟ

ผู้ชายทำงาน ไถคราดเอาเงินทองเข้าบ้าน

ผู้หญิงดูแลบ้าน ดูแลทรัพย์สิน ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย

ผู้ชายคือดิน ผู้หญิงคือดอกไม้

ผู้หญิงต้องการการดูแลจากผู้ชาย

ผู้ชายต้องการความภาคภูมิใจในตัวของผู้หญิง

ผู้ชายเลวๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากทราย ลมพัดทีก็ปลิวว่อน

คำหวานหูจะมีประโยชน์สาระอะไร ต่อให้เป็นพันธุ์ไม้งามเพียงใด ปลูกลงไปก็รังแต่จะเหี่ยวเฉาและแห้งตาย

ผู้ชายดีๆ ก็เหมือนกับดินดำ หนักแน่น

ดูไปเหมือนไร้คุณค่า แต่ทำอะไรจริงจังสัตย์ซื่อ เขาอาจไม่ได้พูดว่า “ผมรักคุณ”

แต่เขามีรับผิดชอบต่อครอบครัว ต่อให้เป็นพันธุ์ไม้ที่ไม่สมบูรณ์

แต่เพราะถูกปลูกในดินที่ดี ย่อมผลิดอกเบ่งบานให้ชื่นชมได้ในที่สุด

อย่าได้ผลักความไม่เจริญในครอบครัวไปที่ผู้หญิงแต่เพียงฝ่ายเดียว

อะไรคือหญิงกาลกิณี? อะไรคือหญิงที่ทำให้ชายตกต่ำ?

ชายที่ไม่รักภรรยานั่นแหละคือกากเดน อย่าได้แต่โทษว่าภรรยาเป็นตัวซวยอีกเลย…….

ขอบพระคุณแหล่งที่มา : Nusonbook