อย่าไปเสียเวลาเปล่า กับการอธิบายคนที่ “เข้าใจคุณผิด”

ตาเหมือนกันยังมองไม่เหมือนกัน…

ปากเหมือนกันยังพูดไม่เหมือนกัน…

มีสมองเหมือนกันก็ยังคิดไม่เหมือนกัน…

เพราะฉะนั้น ย่อมมีคนที่เข้าใจคุณผิดได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว จงอย่าได้แคร์ และ อย่าได้เสียเวลาไปหาข้อแก้ตัว หรือ อธิบาย เพื่อให้เขาเข้าใจถูก ตราบใดที่ เรายังเป็นตัวเองที่ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน

คนทุกคนล้วนดื้อรั้น คนที่เข้าใจคุณ ก็จะเข้าใจคุณตั้งแต่แรก คนที่ไม่เข้าใจคุณ เขาก็จะเลือกที่จะไม่เชื่อคุณไปตลอด

อย่าเสียเวลาอธิบายกับคนที่จะฟังในสิ่งที่เขา.. อยากจะได้ยินเท่านั้น ควรรู้ไว้ว่า… การที่มีคนพูดถึงคุณ แสดงว่าคุณมีอิทธิพลต่อชีวิตเขา

ถ้าคุณกลัวมากไปว่า คนอื่นจะคิดยังไง คุณจะไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่พยายามเป็นอย่างที่คนอื่นชอบ คุณจะไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ

แล้วไปมัวทำแต่อะไร… ที่คนอื่นบอกว่าดี สุดท้ายคุณจะสูญเสียความเป็นตัวเองไป ควรฉุดคิดได้แล้วว่า… คนอื่นที่คุณพยายาม ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาชอบ

เขาไม่ได้ ‘แคร์’ คุณ เหมือนที่คุณ ‘แคร์’ เขา พวกเขามาวิจารณ์แล้วก็ไป แต่ทิ้งผลลัพธ์มากมายไว้ในชีวิตคุณ ทำให้คุณเสียความเป็นตัวเอง เสียความมั่นใจ เสียโอกาส เสียเวลา

ถ้าคุณกลัวมากไปว่า คนอื่นจะคิดยังไง คุณย่อมไม่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ และ คนอื่นที่คุณแคร์คำพูดเขา เขาก็ไม่ได้แคร์ชีวิตคุณ ‘พลาด’ มาก…!!

อย่าไปเสียเวลาอธิบายคนที่เข้าใจคุณผิด… สักวันความจริงย่อมปรากฎ มีหญิงสาวคนหนึ่งตั้งท้องโดยไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก พ่อแม่บังคับให้ลูกบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก

เด็กสาวทนแรงกดดันไม่ไหว จึงบอกว่า… “พ่อของเด็กเป็นพระอาวุโสรูปหนึ่งในวัดใกล้บ้าน” เมื่อเด็กคลอด คนที่บ้านก็เอาเด็กไปหาพระอาวุโสรูปนี้ พระบอกเพียงว่า “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” ก็รับเด็กไว้

ตั้งแต่นั้นมา… พระรูปนั้นก็พาเด็กไปบิณฑบาตทุกเช้า คนในหมู่บ้านต่า ตำหนิ นินทา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 1 ปี ผ่านไป… หญิงสาวรู้สึกผิด จึงสารภาพกับพ่อแม่ว่า พ่อที่แท้จริงเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับพระรูปนั้นเลย ครอบครัวนี้รู้สึกละอายใจมาก ไปพบพระอาวุโสรูปนั้น ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าครอบครัวนี้คือ พระท่านโทรมมาก แต่ลูกกลับอ้วน ๆ ขาว ๆ เป็นที่น่ารักมาก

หญิงสาวรู้สึกผิดมาก ขอโทษพระอาวุโสรูปนั้น ท่านพูดเพียงว่า…. “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” พระอาวุโสถูกกล่าวหาจนชื่อเสียงป่นปี้ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้แก้ตัวเลย เพราะอะไร…?

พระอาวุโสรูปบอกว่า…. ” บวชเป็นพระ ชื่อเสียงเงินทองต่างเป็นของนอกกาย คนเข้าใจผิด ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอาตมาช่วยแม่ และ ลูกให้พ้นวิกฤตได้ เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง “

ตอนคนอื่นเข้าใจเราผิด เราต้องใช้เวลามากในการอธิบาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเรา แต่ไม่มีประโยชน์อันใด…. ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเชื่อ คนเราจะเชื่อกับข้อมูลที่ได้รับมาครั้งแรก

โดยไม่ค่อยพิจารณาว่า ความจริงเป็นเช่นไร ใช้หลักจากการรับรู้ของตัวเองในการเข้าใจ และ ตัดสินไปก่อนแล้ว เพราะทุกคนล้วนเชื่อแค่ในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่อเท่านั้น จึงเกิดความเข้าใจผิดอยู่เรื่อยไป

ขอบคุณแหล่งที่มา : บทความจาก newface , เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล