Home »
Uncategories »
คนไทยไอเดียเจ๋งทำ เครื่องสูบน้ำ แบบไม่ใช้ไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน สูบได้ทั้งวันทั้งคืน
คนไทยไอเดียเจ๋งทำ เครื่องสูบน้ำ แบบไม่ใช้ไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน สูบได้ทั้งวันทั้งคืน
คนไทยไอเดียเจ๋งทำ เครื่องสูบน้ำ แบบไม่ใช้ไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน สูบได้ทั้งวันทั้งคืน
คนไทยเรามีคนเก่งๆ
เยอะนะหากได้รับการสนับสนุนที่ดีและมีงบในการพัฒนาเทคโนโลยี
สำหรับเรื่องราวน่ายินดีฝีมือคนไทยนี้เป็นเรื่องของ เครื่องสูบน้ำ
แบบไม่ใช้ไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน หรือ ตะบันน้ำ Hydraulic Ram
ซึ่งเป็นเป็นเทคโนโลยีการสูบน้ำอัตโนมัติที่ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยไม่อาศัยเชื้อเพลิงหรือไฟฟ้า
เพียงแค่ใช้พลังงานจากน้ำเป็นตัวขับเคลื่อนระบบ ก็สามารถสูบน้ำไปใช้ได้แล้ว
ทั้งยังประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการอีกด้วย
จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้างมาติดตามกันได้เลย
เรื่องนี้ได้ถูกถ่ายทอดโดย อ.ดร.จิระกานต์ ศิริวิชญ์ไมตรี
ภาควิชา วิศวกรรมชลประทาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
ให้ข้อมูลว่า เครื่องตะบันน้ำ เป็นเทคโนโลยีการสูบน้ำที่เป็นประโยชน์มาก
เนื่องจากไม่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงหรือไฟฟ้าให้สิ้นเปลือง
ซึ่งในต่างประเทศใช้กันมากว่า 200 ปีแล้ว
แต่สำหรับประเทศไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวค่อนข้างยุ่งยาก
และประสิทธิภาพการสูบน้ำค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเครื่องสูบน้ำที่ใช้เครื่องยนต์หรือมอเตอร์
แต่เชื่อว่าในอนาคตเครื่องตะบันน้ำจะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้นแน่นอน
และท่านก็ยังกล่าวว่า
“ตนเองได้ศึกษาวิจัยเครื่องตะบันน้ำมา 5-6 ปีแล้ว
ก็ได้พัฒนาเครื่องตะบันน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สูบน้ำได้ปริมาณที่มากขึ้น ทำให้คนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจ
แต่อย่างไรก็ตามเครื่องที่มีอยู่ยังเป็นเครื่องขนาดเล็กใช้ในระดับครัวเรือนเท่านั้น
ขณะที่ภาคการเกษตรต้องการน้ำในปริมาณมาก
ดังนั้นหากพัฒนาเครื่องตะบันน้ำที่มีขนาดใหญ่สูบน้ำได้ปริมาณมากขึ้น
เชื่อว่าทำให้มีเกษตรกรสนใจอย่างแน่นอน”
สำหรับหลักการทำงานของเครื่องตะบันน้ำ อ.ดร.จิระกานต์ อธิบายว่า
เริ่มจากน้ำจากแหล่งน้ำไหลเข้าสู่ท่อรับน้ำไปยังเครื่อง
ผ่านวาล์วทิ้งน้ำจนความเร็วของการไหลเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดแรงยกวาล์วทิ้งน้ำให้ปิด
ซึ่งการปิดวาล์วทิ้งน้ำทำให้เกิดความดันจำนวนมากในตัวเครื่อง
เรียกว่า ปรากฏการณ์ Water Hammer
ทำให้วาล์วกันน้ำกลับถูกยกขึ้น
น้ำส่วนหนึ่งจะถูกอัดเข้าไปเก็บในถังแรงดันและเข้าสู่ท่อจ่ายน้ำขึ้นไปยังถังพักน้ำ
ขณะเดียวกันความดันในตัวเครื่องจะลดลงทำให้วาล์วกันน้ำกลับปิดและวาล์วน้ำทิ้งเปิด
ตะบันน้ำก็เริ่มทำงานรอบใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้จุดที่ติดตั้งเครื่องตะบันน้ำ ต้องอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำอย่างน้อย
1.5 เมตร แต่ถ้าให้ดีควรต่ำกว่าประมาณ 2-3 เมตร
และท่อส่งน้ำมายังเครื่องต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 15 เมตร
แรงดันน้ำถึงจะเพียงพอทำให้ระบบดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งปัจจุบันเครื่องตะบันน้ำที่พัฒนาขึ้นมาสามารถสูบน้ำได้มากกว่าระดับแรงดันตั้งต้นถึง
10 เท่า เช่น ถ้าแรงดันน้ำเริ่มต้นที่ 2 เมตร
(ความสูงจากผิวน้ำมาที่ตัวเครื่องตะบันน้ำ)
จะสูบน้ำไปใช้ในพื้นที่ที่สูงกว่าถึง 20 เมตรเลยทีเดียว
การสูบน้ำด้วยเครื่องตะบันน้ำ หากคิดปริมาณน้ำที่ผ่านเข้าเครื่องเป็น
100 เปอร์เซ็นต์ จะถูกใช้เพื่อเพิ่มแรงดันและทิ้งไปประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
ส่วนที่เหลือเป็นน้ำที่สูบขึ้นมาได้
ซึ่งปริมาณน้ำที่ได้ก็แปรผันกับความสูงที่ส่งน้ำขึ้นไป
ยิ่งสูงปริมาณน้ำที่ได้ก็จะน้อยลง
จากการทดสอบประสิทธิภาพในการสูบน้ำขึ้นไปที่ความสูง 6 เมตร จะได้น้ำประมาณ
6,800 ลิตรต่อวัน ซึ่งก็เพียงพอที่ใช้ในบ้านเรือน 1-3 หลัง
หรือสูบเพื่อไปกักเก็บไว้เตรียมใช้งานต่อไป
สำหรับพื้นที่ที่เหมาะกบการติดตั้งเครื่องตะบันน้ำ คือ ลำธาร
บริเวณเชิงเขาที่มีแหล่งน้ำ น้ำตก ฝาย ทำนบกั้นน้ำ
พื้นที่ติดคลองชลประทานหรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
ซึ่งแหล่งน้ำในลักษณะนี้ประเทศไทยมีอยู่จำนวนมากจึงสามารถนำเครื่องตะบันน้ำไปติดตั้งและใช้งานได้ไม่ยาก
5-6
ปีที่ผ่านมาได้มีผู้สนใจติดต่อขอซื้อเครื่องตะบันน้ำไปใช้งานอย่างต่อเนื่อง
รวมที่จำหน่ายไปแล้วกว่า 50 เครื่องแล้ว
มีที่หนึ่งที่ไปติดตั้งเป็นสวนยางพาราปลูกอยู่บนเนินเขาสูง
มีลำธารอยู่ต่ำกว่าพื้นที่สวนลงไปประมาณ 20 เมตร
ซึ่งหลักของเครื่องตะบันน้ำคือต้องมีแหล่งน้ำสูงกว่าบริเวณที่ติดตั้งเครื่อง
จึงได้ใช้วิธีทำเขื่อนกั้นลำธารไว้เพื่อทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น
เพียงเท่านี้ก็ทำให้ได้แรงดันน้ำที่มากพอสำหรับทำให้เครื่องตะบันน้ำทำงานได้สมบูรณ์และส่งน้ำขึ้นไปใช้ในสวนยางได้
อ.ดร.จิระกานต์ บอกว่าเจ้าของสวนยางพาราพอใจมาก
เพราะสูบน้ำขึ้นไปใช้ได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ที่สำคัญลงทุนไม่สูงมาก
ราคาเครื่องตะบันน้ำในปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาเครื่องปั้มน้ำแบบใช้ไฟฟ้า
ซึ่งในต่างประเทศเครื่องตะบันน้ำขนาดเดียวกันราคาสูงถึง 70,000-80,000 บาท
ขณะที่ของไทยราคาเพียง 7,000-8,000 บาทเท่านั้น
ทั้งยังมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าด้วย
“ปัจจุบันมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาสอบถามข้อมูลจำนวนมาก
แต่ส่วนใหญ่ต้องการเครื่องตะบันน้ำขนาดใหญ่เพื่อไปใช้ในภาคการเกษตร
ซึ่งทางคณะฯ ได้เร่งพัฒนาเครื่องตะบันน้ำที่สามารถสูบน้ำได้จำนวนมาก
เพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกร ซึ่งหากพัฒนาขึ้นได้
เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเกษตรกร” อ.ดร.จิระกานต์ กล่าวในที่สุด
หากมีการใช้ระบบสูบน้ำแบบนี้แพร่หลายลองคิดดูว่าจะดีมากแค่ไหน
ประหยัดทั้งไฟไม่เปลืองน้ำมันอีกด้วย
หากใครที่ทำเกษตรอยู่อยากจะหาตัวช่วยในการรดน้ำลองศึกษาและทำความเข้าใจกับระบบนี้ได้เลย
หรือสอบถามไปยังผู้รับผิดชอบโครงการนี้ได้เลย
และตอนนี้คนนิยมเยอะขึ้นเป็นผลดีต่อเกษตรกรในหลายพื้นที่แล้ว
แล้วคุณล่ะคิดว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยได้ดีแค่ไหนในอนาคตข้างหน้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Boon Sak , Liekr