ศาลทหารให้ประกันตัว หมวดแบงค์ คดีทำร้ายร่างกาย น้องจูน
ด้านทนายขอเงินเยียวยา-คุ้มครองพยาน เหตุครอบครัวฝ่ายหญิงเคยโดนข่มขู่
แม่วอนผู้ใจบุญช่วยรักษาใบหน้าลูกสาว
คดีน้องจูน กำลังเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจในชั่วโมงนี้ หลังจากที่มีข่าวทหารทำร้ายร่างกาย น.ส.สุกฤตา สุภานิล หรือ น้องจูน สาววัย 23 ปี ซึ่งถูก ร.ต. ภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์ อายุ 24 ปี อดีตสามี ลงมือทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกส่วนหน้าแตกยุบ เบ้าตาด้านซ้ายแตก ต้องเจาะคอเพื่อช่วยชีวิต สมองบวม ส่งผลให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งและสลบไป 3 เดือน กลายเป็นคนพิการและเสียโฉม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านเพิ่มเติม : ทหารหนุ่มโหดทุบหน้าแฟนสาวจนเสียโฉม-พิการ หลังถูกจับได้ว่ามีสาวอื่น)
ในเวลาต่อมา ร.ต. ภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์
พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ และทนายความส่วนตัว
ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.ปราณบุรี
เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาพยายามฆ่าอดีตภรรยา หลังคดีไม่คืบมานาน 9 เดือน โดย
ร.ต. ภาณุพงศ์ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันคำให้การเดิมว่า
เป็นเพียงการทำร้ายร่างกาย ไม่ได้พยายามฆ่า
ซึ่งเบื้องต้นทางคณะพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว (อ่านเพิ่มเติม : หมวดแบงค์ ทหารโหดทุบหน้าแฟน ปัดข้อหาพยายามฆ่า
ยันแค่ทำร้ายร่างกาย)
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 22 มีนาคม 2560 ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 พิจารณาอนุญาตให้ ร.ต. ภาณุพงศ์ ได้รับการประกันตัว โดยตีราคาประกันจำนวน 400,000 บาท หลังจากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสอบสวนผลัดแรกจำนวน 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม - 2 เมษายน 2560
ด้าน พล.ต.ต. ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ ผู้บังคับการ (ผบก.) ประจำกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาการ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังผู้ต้องหาได้ประกันตัว ทางพนักงานสอบสวนได้นำอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ที่ยึดจากผู้ต้องหา เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ตนได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือให้ผู้เสียหายและมารดา ติดต่อแจ้งเหตุได้ตลอดเวลาหากมีการคุกคามข่มขู่ รวมถึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจไปติดตั้งตู้แดงที่บ้านพักผู้เสียหายโดยไปตรวจเยี่ยมทุก 2 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และน้องจูน ได้เข้ายื่นหนังสือกับนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับเงินเยียวยาและคุ้มครองพยาน พร้อมเผยว่า ที่ผ่านมาคู่กรณีได้โทรศัพท์ข่มขู่ผู้เสียหายให้เปลี่ยนคำให้การ ซึ่งน้องจูนเกรงว่ามารดาจะได้รับความเดือดร้อนจึงเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนใหม่ว่ามีคนทำร้ายเพียงคนเดียว ทั้งที่เคยให้ปากคำไว้ว่ามีคนทำร้ายหลายคน ซึ่งได้คำตอบว่าจะมีการพิจารณาเรื่องเงินเยียวยา แต่ยังไม่ได้สั่งคุ้มครองพยานเพราะคดียังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ น.ส.สุนทรี เถาวัลย์ แม่ของ น้องจูน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่กล้าใช้โทรศัพท์เพราะถูกข่มขู่ในลักษณะที่มีการอ้างว่า มีกล้องวงจรปิดว่า หมวดแบงค์ ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุและถ้าไม่แก้คำให้การจะฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 5-6 ล้านบาท ส่วนในเรื่องอาการบาดเจ็บนั้น ตนและน้องจูนขอความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่หรือสถานพยาบาลใจบุญ ช่วยผ่าตัดใบหน้าลูกสาวด้วย เพราะกระดูกใบหน้าแตกทั้งหมด โดยมีโครงเหล็กดามอยู่ข้างใน และเบ้าตาด้านซ้ายก็ยุบเข้าไปด้านใน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
AMARIN TVHD
คดีน้องจูน กำลังเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจในชั่วโมงนี้ หลังจากที่มีข่าวทหารทำร้ายร่างกาย น.ส.สุกฤตา สุภานิล หรือ น้องจูน สาววัย 23 ปี ซึ่งถูก ร.ต. ภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์ อายุ 24 ปี อดีตสามี ลงมือทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกส่วนหน้าแตกยุบ เบ้าตาด้านซ้ายแตก ต้องเจาะคอเพื่อช่วยชีวิต สมองบวม ส่งผลให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งและสลบไป 3 เดือน กลายเป็นคนพิการและเสียโฉม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านเพิ่มเติม : ทหารหนุ่มโหดทุบหน้าแฟนสาวจนเสียโฉม-พิการ หลังถูกจับได้ว่ามีสาวอื่น)
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 22 มีนาคม 2560 ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 พิจารณาอนุญาตให้ ร.ต. ภาณุพงศ์ ได้รับการประกันตัว โดยตีราคาประกันจำนวน 400,000 บาท หลังจากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสอบสวนผลัดแรกจำนวน 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม - 2 เมษายน 2560
ด้าน พล.ต.ต. ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ ผู้บังคับการ (ผบก.) ประจำกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาการ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังผู้ต้องหาได้ประกันตัว ทางพนักงานสอบสวนได้นำอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ที่ยึดจากผู้ต้องหา เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ตนได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือให้ผู้เสียหายและมารดา ติดต่อแจ้งเหตุได้ตลอดเวลาหากมีการคุกคามข่มขู่ รวมถึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจไปติดตั้งตู้แดงที่บ้านพักผู้เสียหายโดยไปตรวจเยี่ยมทุก 2 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และน้องจูน ได้เข้ายื่นหนังสือกับนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับเงินเยียวยาและคุ้มครองพยาน พร้อมเผยว่า ที่ผ่านมาคู่กรณีได้โทรศัพท์ข่มขู่ผู้เสียหายให้เปลี่ยนคำให้การ ซึ่งน้องจูนเกรงว่ามารดาจะได้รับความเดือดร้อนจึงเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนใหม่ว่ามีคนทำร้ายเพียงคนเดียว ทั้งที่เคยให้ปากคำไว้ว่ามีคนทำร้ายหลายคน ซึ่งได้คำตอบว่าจะมีการพิจารณาเรื่องเงินเยียวยา แต่ยังไม่ได้สั่งคุ้มครองพยานเพราะคดียังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ น.ส.สุนทรี เถาวัลย์ แม่ของ น้องจูน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่กล้าใช้โทรศัพท์เพราะถูกข่มขู่ในลักษณะที่มีการอ้างว่า มีกล้องวงจรปิดว่า หมวดแบงค์ ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุและถ้าไม่แก้คำให้การจะฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 5-6 ล้านบาท ส่วนในเรื่องอาการบาดเจ็บนั้น ตนและน้องจูนขอความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่หรือสถานพยาบาลใจบุญ ช่วยผ่าตัดใบหน้าลูกสาวด้วย เพราะกระดูกใบหน้าแตกทั้งหมด โดยมีโครงเหล็กดามอยู่ข้างใน และเบ้าตาด้านซ้ายก็ยุบเข้าไปด้านใน
ภาพจาก AMARIN TVHD
AMARIN TVHD