ตามส่องรถ ดอม โทเร็ตโต ใน Fast & Furious 8 หรือ The Fate of the
Furious (เร็วแรงทะลุนรก 8)
ไม่ว่าจะโผล่ที่ไหนก็ขอควบแต่อเมริกันคลาสสิกคาร์ล้วน ๆ
เรียกว่าแรงถล่มทลายของแท้สำหรับ The Fate of the Furious หรือ Fast & Furious 8 ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคล่าสุดเพราะเข้าฉายเพียง 3 วันแรกก็สามารถกวาดเงินไปได้ถึง 532 ล้านดอลลาร์ แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Star Wars : The Force Awakens ไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่อย่างไรก็ตามประเด็นความแรงของภาพยนตร์นั้นคงไม่สำคัญเท่ากับความแรงของตัวละครหลักในภาคนี้ซึ่งก็คือ ดอม หรือ โดมินิค โทเร็ตโต ที่เน้นแต่รถอเมริกันล้วนและไม่ว่าจะจับคันไหนก็ซิ่งระห่ำเกินหน้าเกินตาชาบ้านไปเสียหมด ส่วนรถเหล่านั้นจะเป็นรุ่นอะไรบ้างจริง ๆ แล้วแรงแค่ไหนตามมาดูกันเลย
Chevrolet Impala SS ปี 1961
เปิดฉากแรกมาแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ และเนิบ ๆ
ไม่ได้ซิ่งแต่ก็ไม่ธรรมดาด้วยอเมริกันคลาสสิกคาร์ขนาดฟูลไซส์อย่าง
Chevrolet Impala SS ปี 1961 เจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chevrolet Impala สีแดง
รูปแบบตัวถัง 2 ประตู แบบฮาร์ดท็อป (ไม่มีเสา B)
นิยมเรียกกันว่าหลังคาบับเบิลเพราะมีแนวกระจกโค้งและเด่นมากในยุคนั้นเพราะทำได้ยาก
ครีบตัวถังอลังการเริ่มถูกลดทอนลงมาจากยุคก่อน ๆ เป็นทรงกล่องมากขึ้น
โดยอักษรต่อท้าย SS นั้นหมายถึง Super Sport ใช้เครื่องยนต์ V8 บิ๊ก-บล็อก
ขนาดความจุ 6.7 ลิตร เทอร์โบ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ 4-บาเรล
ให้กำลังสูงสุดประมาณ 360 แรงม้า มีเกียร์ให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 4 สปีด
และเกียร์อัตโนมัติ Powerglide 2 สปีด
Chevrolet Fleetline ปี 1950
ตามเนื้อเรื่อง Chevrolet Fleetline ปี 1950 แม้จะไม่ได้เป็นรถของดอม แต่เมื่อดอมนั่งอยู่หลังพวงมาลัยแล้วก็ไม่ธรรมดาเพียงแค่ยัดไนตรัสออกไซด์ (NOS) เข้าไป แล้วใช้ทริคกับฝีมืออีกเล็กน้อย ก็ทำให้รถอเมริกันทรงก้อนหินอวบ ๆ โดยเทรนด์การดีไซน์นี้มาจากเครื่องบินอเมริกันรบสุดอึดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่าง P-51 Mustang ซึ่งขึ้นชื่อว่าอึดสุดโดนยิงไม่ตกเพราะเหล็กหนามากเลยต้องใช้กำลังเครื่องยนต์สูง
ต่างจากเครื่องบินฝ่ายศัตรูอย่างญี่ปุ่นที่กำลังน้อยเลยต้องออกแบบให้เบาเพื่อความคล่องตัว แต่โดนยิงทีก็ร่วงผล็อยเลย พอหลังอเมริกันชนะสงครามทหารและคนอเมริกันจึงชอบของใหญ่ (เพราะเชื่อว่าดี) จนทรงนี้เป็นที่นิยมมากในยุคนั้น ส่วนในโลกความเป็นจริงที่ไม่ใช่ Fast 8 นั้นขุมพลังของ Chevrolet Fleetline ปี 1950 มีกำลังแถว ๆ 90-100 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ 1-บาเรล เท่านั้น ถึงจะใส่ NOS ไปก็ไม่น่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้มากนัก
Dodge Challenger SRT Demon ปี 2017
เป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์ยุคปัจจุบันที่ดอมใช้ขับในฉากสั้น ๆ
เพื่อทำภารกิจบางอย่างร่วมกับครอบครัวซึ่งสปอยล์ไม่ได้
แต่เอาเป็นว่ารถที่ว่าคือ Dodge Challenger SRT Demon ปี 2017
ที่แรงระเบิดระเบ้อตามสไตล์มัสเซิลคาร์และชื่อของมันบอกความโหดเป็นพิเศษ
ซึ่งคำจำกัดความของอเมริกันมัสเซิลคาร์ที่ถูกต้องแต่เดิมนั้นจัดว่าไม่ใช่ประเภทรถสปอร์ตแม้จะมีตัวถัง
2 ประตูและมักจะใช้พื้นฐานร่วมกับตัวถัง 4 ประตู ไม่เน้นความสวยงาม
หรือสัดส่วนสะโอดสะองมาเป็นข้อแรกแต่ที่สำคัญคือต้องวางเครื่องยนต์ใหญ่บิ๊ก-บล็อกให้กำลังสูงบ้าพลังอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นหากเลือกเครื่องสมอล-บล็อกก็จะเป็นรถตัวถัง 2 ประตู ทั่วไปแม้จะมีหน้าตาเหมือนกันและไม่เข้าข่ายมัสเซิลคาร์ (ถ้า Chevrolet Corvette C2 ของเล็ตตี้คันสีแดงในภาคนี้ถึงจะเรียกรถสปอร์ต เน้นออกแบบสวยงามตามจินตนาการของผู้ออกแบบและไม่เรียกมัสเซิลคาร์เช่นกันแม้จะมีกำลังสูงปรี๊ด) ทั้งนี้ Dodge Challenger SRT Demon ปี 2017 มีกำลังสูงสุดกว่า 800 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.2 ลิตร พ่วงด้วยซูเปอร์ชาร์จที่ส่งเสียงหวีดร้องแหลม ๆ ขณะที่กระทืบคันเร่งนั้นเป็นอะไรที่สะใจมาก และเห็นว่ารถรุ่นนี้จะผลิตเพียง 3,000 คัน เท่านั้น
Plymouth Road Runner GTX ปี 1971
Plymouth Road Runner GTX ปี 1971 ถือว่าเป็นรถที่เด่นที่สุดในฉากไล่ล่าในนิวยอร์กซึ่งเป็นซีนที่ใช้รถเปลืองและทิ้งขว้างมากที่สุดของ Fast 8 ซึ่งแน่นอนว่าขับโดยพี่ล่ำ ดอม โทเร็ตโต เจ้าเดิม โดย Plymouth Road Runner GTX เป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์ 2 ประตู แนวคัสตอมฝาแฝดกับรถในเครือ Chrysler อย่าง Dodge Challenger ที่ใช้ B-body แพลทฟอร์มเหมือนกันและจัดว่าเป็นรถดังที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากยุค 70 ซึ่งได้รับการปรับโฉมใหม่ในปี 1972 เดิมใช้เครื่องยนต์บิ๊ก-บล็อก V8 สูบ ขนาด 7.2 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ 4-บาเรล ให้กำลังสูงสุด 280-330 แรงม้า แต่คันของดอมมีการปรับแต่งใส่ NOS เข้าไปด้วยความแรงขนาดไหนก็เกินคาดเดา
Dodge Ice Charger
Dodge Ice Charger ที่ค่อนข้างจะฮาร์ดคอร์มาก ๆ เพราะเป็นการนำเอา Dodge
Charger R/T เจเนอเรชั่นที่ 2 (ปี 1968-1970) ตัวแรงพิเศษฝีมือ Mopar
(เหมือนแผนก M Performance ของ BMW) โดย R/T นั้นย่อมาจาก Road/Track
หมายถึงขับบนถนนก็ได้ซ่าในสนามก็ไม่หวั่น
มาดัดแปลงให้โหดเกินรถปกติที่มนุษย์ธรรมดาจะขับได้ไปมากเพราะทั้งกันกระสุนแถมวางเครื่องยนต์เจ็ตแก๊สเทอร์ไบน์ไว้ท้ายรถอีกต่างหากคือพูดง่าย
ๆ ว่าติดปีกก็คงบินได้เลยถ้าว่ากันตามเนื้อเรื่อง
แต่จะแรงแค่ไหนต้องลองไปชมให้เห็นกับตากันเอง
ส่วนคันจริงนั้นเห็นว่าด้านหน้ายังวางเครื่องยนต์ V8 ไว้ตามปกติ
Akula-Class nuclear Submarine
อันนี้ขอแถมเพราะถ้าจะมีอะไรที่เด่นและเด็ดกว่ารถของ ดอม โทเร็ตโต ก็คงมีแต่เรือดำน้ำ Akula-Class ลำมหึมา ซึ่งเรือดำน้ำ (จริง ๆ ไม่เฉพาะเรือดำน้ำ) แต่ละชาติจะมีการแบ่ง Class เพื่อสร้างขึ้นตามเป้าประสงค์ของการใช้งาน โดย Akula-Class จะเป็นเรือดำน้ำล่าสังหารติดขีปนาวุธข้ามทวีปทางฝั่งรัสเซีย Akula ในภาษารัสเซียแปลว่า “ฉลาม” ขับเคลื่อนด้วยกังหันไอน้ำจากพลังงานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตา ติดหัวรบนิวเคลียร์เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจล่าสังหารโดยเฉพาะ ทั้งนี้เรือดำน้ำในชั้น Akula-Class อาจมีศักยภาพแตกต่างกันไปตามการสร้างในแต่ละครั้ง มีตั้งแต่ Akula-I, Akula-II และ Akula-III เป็นต้น หากสร้างตามแบบเดิมทุกประการจะเรียกว่า Akula-X ลำที่สอง สาม ต่อไปเรื่อย ๆ (จะไม่ใช่ Akula-II หรือ Akula-III) เป็นต้น แต่รวม ๆ แล้ว Akula-Class ก็เป็นเครื่องจักรสงครามที่น่าสะพรึงสุดสำหรับ Fast & Furious ภาคล่าสุดนี้
ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นสาวก Fast and Furious และ ดอม โทเร็ตโต แล้วใครไม่ได้ดูถือว่าพลาดมาก สนุกหรือเปล่าอันนี้บอกไม่ได้คงแล้วแต่บุคคล แต่ที่แน่ ๆ เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องนี่แหละประเด็น
ภาพจาก Facebook Fast & Furious
เรียกว่าแรงถล่มทลายของแท้สำหรับ The Fate of the Furious หรือ Fast & Furious 8 ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคล่าสุดเพราะเข้าฉายเพียง 3 วันแรกก็สามารถกวาดเงินไปได้ถึง 532 ล้านดอลลาร์ แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Star Wars : The Force Awakens ไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่อย่างไรก็ตามประเด็นความแรงของภาพยนตร์นั้นคงไม่สำคัญเท่ากับความแรงของตัวละครหลักในภาคนี้ซึ่งก็คือ ดอม หรือ โดมินิค โทเร็ตโต ที่เน้นแต่รถอเมริกันล้วนและไม่ว่าจะจับคันไหนก็ซิ่งระห่ำเกินหน้าเกินตาชาบ้านไปเสียหมด ส่วนรถเหล่านั้นจะเป็นรุ่นอะไรบ้างจริง ๆ แล้วแรงแค่ไหนตามมาดูกันเลย
Chevrolet Fleetline ปี 1950
ตามเนื้อเรื่อง Chevrolet Fleetline ปี 1950 แม้จะไม่ได้เป็นรถของดอม แต่เมื่อดอมนั่งอยู่หลังพวงมาลัยแล้วก็ไม่ธรรมดาเพียงแค่ยัดไนตรัสออกไซด์ (NOS) เข้าไป แล้วใช้ทริคกับฝีมืออีกเล็กน้อย ก็ทำให้รถอเมริกันทรงก้อนหินอวบ ๆ โดยเทรนด์การดีไซน์นี้มาจากเครื่องบินอเมริกันรบสุดอึดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่าง P-51 Mustang ซึ่งขึ้นชื่อว่าอึดสุดโดนยิงไม่ตกเพราะเหล็กหนามากเลยต้องใช้กำลังเครื่องยนต์สูง
ต่างจากเครื่องบินฝ่ายศัตรูอย่างญี่ปุ่นที่กำลังน้อยเลยต้องออกแบบให้เบาเพื่อความคล่องตัว แต่โดนยิงทีก็ร่วงผล็อยเลย พอหลังอเมริกันชนะสงครามทหารและคนอเมริกันจึงชอบของใหญ่ (เพราะเชื่อว่าดี) จนทรงนี้เป็นที่นิยมมากในยุคนั้น ส่วนในโลกความเป็นจริงที่ไม่ใช่ Fast 8 นั้นขุมพลังของ Chevrolet Fleetline ปี 1950 มีกำลังแถว ๆ 90-100 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ 1-บาเรล เท่านั้น ถึงจะใส่ NOS ไปก็ไม่น่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้มากนัก
Dodge Challenger SRT Demon ปี 2017
เพราะฉะนั้นหากเลือกเครื่องสมอล-บล็อกก็จะเป็นรถตัวถัง 2 ประตู ทั่วไปแม้จะมีหน้าตาเหมือนกันและไม่เข้าข่ายมัสเซิลคาร์ (ถ้า Chevrolet Corvette C2 ของเล็ตตี้คันสีแดงในภาคนี้ถึงจะเรียกรถสปอร์ต เน้นออกแบบสวยงามตามจินตนาการของผู้ออกแบบและไม่เรียกมัสเซิลคาร์เช่นกันแม้จะมีกำลังสูงปรี๊ด) ทั้งนี้ Dodge Challenger SRT Demon ปี 2017 มีกำลังสูงสุดกว่า 800 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.2 ลิตร พ่วงด้วยซูเปอร์ชาร์จที่ส่งเสียงหวีดร้องแหลม ๆ ขณะที่กระทืบคันเร่งนั้นเป็นอะไรที่สะใจมาก และเห็นว่ารถรุ่นนี้จะผลิตเพียง 3,000 คัน เท่านั้น
Plymouth Road Runner GTX ปี 1971
Plymouth Road Runner GTX ปี 1971 ถือว่าเป็นรถที่เด่นที่สุดในฉากไล่ล่าในนิวยอร์กซึ่งเป็นซีนที่ใช้รถเปลืองและทิ้งขว้างมากที่สุดของ Fast 8 ซึ่งแน่นอนว่าขับโดยพี่ล่ำ ดอม โทเร็ตโต เจ้าเดิม โดย Plymouth Road Runner GTX เป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์ 2 ประตู แนวคัสตอมฝาแฝดกับรถในเครือ Chrysler อย่าง Dodge Challenger ที่ใช้ B-body แพลทฟอร์มเหมือนกันและจัดว่าเป็นรถดังที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากยุค 70 ซึ่งได้รับการปรับโฉมใหม่ในปี 1972 เดิมใช้เครื่องยนต์บิ๊ก-บล็อก V8 สูบ ขนาด 7.2 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ 4-บาเรล ให้กำลังสูงสุด 280-330 แรงม้า แต่คันของดอมมีการปรับแต่งใส่ NOS เข้าไปด้วยความแรงขนาดไหนก็เกินคาดเดา
Dodge Ice Charger
Akula-Class nuclear Submarine
อันนี้ขอแถมเพราะถ้าจะมีอะไรที่เด่นและเด็ดกว่ารถของ ดอม โทเร็ตโต ก็คงมีแต่เรือดำน้ำ Akula-Class ลำมหึมา ซึ่งเรือดำน้ำ (จริง ๆ ไม่เฉพาะเรือดำน้ำ) แต่ละชาติจะมีการแบ่ง Class เพื่อสร้างขึ้นตามเป้าประสงค์ของการใช้งาน โดย Akula-Class จะเป็นเรือดำน้ำล่าสังหารติดขีปนาวุธข้ามทวีปทางฝั่งรัสเซีย Akula ในภาษารัสเซียแปลว่า “ฉลาม” ขับเคลื่อนด้วยกังหันไอน้ำจากพลังงานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตา ติดหัวรบนิวเคลียร์เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจล่าสังหารโดยเฉพาะ ทั้งนี้เรือดำน้ำในชั้น Akula-Class อาจมีศักยภาพแตกต่างกันไปตามการสร้างในแต่ละครั้ง มีตั้งแต่ Akula-I, Akula-II และ Akula-III เป็นต้น หากสร้างตามแบบเดิมทุกประการจะเรียกว่า Akula-X ลำที่สอง สาม ต่อไปเรื่อย ๆ (จะไม่ใช่ Akula-II หรือ Akula-III) เป็นต้น แต่รวม ๆ แล้ว Akula-Class ก็เป็นเครื่องจักรสงครามที่น่าสะพรึงสุดสำหรับ Fast & Furious ภาคล่าสุดนี้
ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นสาวก Fast and Furious และ ดอม โทเร็ตโต แล้วใครไม่ได้ดูถือว่าพลาดมาก สนุกหรือเปล่าอันนี้บอกไม่ได้คงแล้วแต่บุคคล แต่ที่แน่ ๆ เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องนี่แหละประเด็น
ภาพจาก Facebook Fast & Furious