เมื่อเร็วๆนี้สมาคมหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่า ภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วนเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเทียบเท่ากับปัจจัยเสี่ยง เช่น บุหรี่ ความดันเลือดสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง การขาดการออกกำลังกาย หมายความว่า โรคอ้วนเพียงประการเดียวก็สามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน (ต่อไปก็เรียกสั้นๆว่า โรคหัวใจ)ได้
ก่อนหน้านี้วงการแพทย์ยังถือว่า โรคอ้วนเป็นเพียงปัจจัยที่เสริมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ (เช่น บุหรี่ ภาวะไขมันในเลือดสูง) ในการทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่จากหลักฐานการศึกษาวิจัยในช่วงหลัง พบว่า โรคอ้วนมีอันตรายร้ายแรงเทียบชั้นกับบุหรี่ได้
สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาจึงได้ประกาศข่าวนี้ออกมาเพื่อเตือนภัยชาวอเมริกันที่มีภาวะน้ำหนักมากเกินกันมากมาย (พบว่า ในปัจจุบันผู้ใหญ่อเมริกันมีภาวะน้ำหนักตัวเกินถึงร้อยละ ๕๔ และเด็กอเมริกันมีภาวะน้ำหนักตัวเกินถึงร้อยละ ๒๕)
นายแพท์โรเบิร์ต เอกเคล รองประธานกรรมการฝ่ายโภชนาของสมาคมโรคหัวใจ แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “ความอ้วนนับว่าเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่อาจเป็นนานตลอดชีวิต มันไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาเรื่องความสวยงามหรือบุคลิกภาพเท่านั้น แต่มันกำลังกลายเป็นเสมือนโรคระบาดร้ายแรงชนิดหนึ่งไปเสียแล้ว”
สาเหตุของโรคอ้วน ก็คือ การบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง (เช่น ไขมัน แป้ง น้ำตาล ของหวาน) และการขาดการออกกำลังกาย อันตรายของโรคอ้วน นอกจากโรคหัวใจแล้ว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคของถุงน้ำดี โรคข้อเสื่อม และโรคมะเร็งบางชนิด
สำหรับคนไทยเรานั้นก็มีการสำรวจพบว่า คนที่มีอายุมากกว่า ๑๕ ปีขึ้นไป มีภาวะน้ำหนักตัวเกินร้อยละ ๒๐ และในคนที่มีอายุมากกว่า ๔๐ปีขึ้นไปมีถึงร้อยละ ๓๐-๓๕ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ คนไทยหันมานิยมบริโภค อาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ดตะวันตกกันมากขึ้น และมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น
เห็นทีจะต้องช่วยกันร้องเพลง “ไม่อ้วนเอาเท่าไร” พร้อมกับรณรงค์ให้หันกลับมากินอาหารไทย ซึ่งเป็นอาหารสุขภาพ และส่งเสริมการออกกำลังกายกันให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้วงการแพทย์ยังถือว่า โรคอ้วนเป็นเพียงปัจจัยที่เสริมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ (เช่น บุหรี่ ภาวะไขมันในเลือดสูง) ในการทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่จากหลักฐานการศึกษาวิจัยในช่วงหลัง พบว่า โรคอ้วนมีอันตรายร้ายแรงเทียบชั้นกับบุหรี่ได้
สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาจึงได้ประกาศข่าวนี้ออกมาเพื่อเตือนภัยชาวอเมริกันที่มีภาวะน้ำหนักมากเกินกันมากมาย (พบว่า ในปัจจุบันผู้ใหญ่อเมริกันมีภาวะน้ำหนักตัวเกินถึงร้อยละ ๕๔ และเด็กอเมริกันมีภาวะน้ำหนักตัวเกินถึงร้อยละ ๒๕)
นายแพท์โรเบิร์ต เอกเคล รองประธานกรรมการฝ่ายโภชนาของสมาคมโรคหัวใจ แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “ความอ้วนนับว่าเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่อาจเป็นนานตลอดชีวิต มันไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาเรื่องความสวยงามหรือบุคลิกภาพเท่านั้น แต่มันกำลังกลายเป็นเสมือนโรคระบาดร้ายแรงชนิดหนึ่งไปเสียแล้ว”
สาเหตุของโรคอ้วน ก็คือ การบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง (เช่น ไขมัน แป้ง น้ำตาล ของหวาน) และการขาดการออกกำลังกาย อันตรายของโรคอ้วน นอกจากโรคหัวใจแล้ว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคของถุงน้ำดี โรคข้อเสื่อม และโรคมะเร็งบางชนิด
สำหรับคนไทยเรานั้นก็มีการสำรวจพบว่า คนที่มีอายุมากกว่า ๑๕ ปีขึ้นไป มีภาวะน้ำหนักตัวเกินร้อยละ ๒๐ และในคนที่มีอายุมากกว่า ๔๐ปีขึ้นไปมีถึงร้อยละ ๓๐-๓๕ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ คนไทยหันมานิยมบริโภค อาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ดตะวันตกกันมากขึ้น และมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น
เห็นทีจะต้องช่วยกันร้องเพลง “ไม่อ้วนเอาเท่าไร” พร้อมกับรณรงค์ให้หันกลับมากินอาหารไทย ซึ่งเป็นอาหารสุขภาพ และส่งเสริมการออกกำลังกายกันให้มากขึ้น