"พิมฐา" เน็ตไอดอลแนะมนุษย์โซเชียลฯ ออกสู่โลกจริง เจอสิ่งใหม่ด้วยตาตัวเอง

 สาวน้อยคนเหนือวัย 25 ปี "พิม" ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล หรือนามที่ชาวโซเชียลมีเดียคุ้นชิน “พิมฐา” บินจากเชียงใหม่ไปศึกษาระดับมัธยมปลายที่ Fairfield High School ประเทศออสเตรเลีย 

และเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากสาขาวิชา Environment Development/Tourism คณะ Asia Pacific studies มหาวิทยาลัย Ritsumeikan Asia Pacific ประเทศญี่ปุ่น

เธอเริ่มเข้าโลกโซเชียลฯ เซลฟี่ตัวเองตามประสาเมื่อ 9 ปีที่แล้ว กระทั่ง 5 ปีหลังมานี้ยอดติดตามพีคพุ่งกระฉูดหลายล้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอศึกษาในดินแดนอาทิตย์อุทัย ลงภาพวิถีการดำเนินชีวิต สไตล์ฮิปสเตอร์ในแบบพิมฐา

เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาไปเรียนต่อ ณ ดินแดนปลาดิบ ไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ชอบการเดินทางท่องเที่ยว เธอไม่ได้แชะโชว์รูปแบ๊วน่ารักอย่างเดียว หากส่องเธอในเฟซบุ๊กก็ดี ยูทูบก็ดี จะเห็นว่าเธอรีวิวการใช้ชีวิตในหอพักนักศึกษาต่างชาติ ป่วยแล้วต้องนอนในโรงพยาบาลต่างประเทศจะเจออะไร เตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นควรซื้อพ็อกเก็ตไวไฟอะไร ใช้แอปอะไรเพื่อภาพถ่ายสวยละมุน เธอรีวิวแม้กระทั่งช่วงเวลาไหนที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูป ฯลฯ

        เนื้อหาที่เธอนำเสนอล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัวคนรุ่นใหม่ พวกเขาอยากได้รับการชี้แนะจากบุคคลตัวอย่างที่ดีและมีประสบการณ์จริง จึงไม่แปลกที่ยอดผู้ติดตามเธอในโลกโซเชียลฯ พุ่ง แบรนด์ต่างๆ วิ่งเข้าหาเธอ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับผู้บริโภค เธอคือเน็ตไอดอลที่เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า ตั้งแต่การโพสต์สินค้าลงอินสตาแกรมทั่วไป จนถึงขั้นถ่ายโฆษณามากมาย

        พัฒนาขึ้นเป็น Net Influencer ดังไปทั่วเอเชีย ได้รับรางวัล Influence Asia 2017 คนดังที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชีย สาขา Lifestyle การท่องเที่ยว-สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นจ้างเธอเป็นพิธีกร สื่อโซเชียลฯ ยืนหนึ่งของจีน “เหว่ยป๋อ” (微博) ขอสัมภาษณ์

        หลังสำเร็จการศึกษาจากญี่ปุ่น เธอกลับมาพำนักที่บ้านเกิดเมืองเชียงใหม่อย่างถาวร ร่วมกับบล็อกเกอร์เพื่อนซี้ “เมอา” (เม-พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม) ทำคลิปไลฟ์สไตล์ออกยูทูบอย่างต่อเนื่อง แถมจะเปิดตัวโฟโต้บุ๊กเร็วๆ นี้

รู้สึกอย่างไรที่เป็น Net Influencer ?

        พิมฐา : รู้สึกแปลกใหม่ค่ะ เพราะเราก็ไม่เคยคิดว่า สิ่งนี้จะสามารถมาต่อยอดได้เป็นอาชีพหนึ่งได้จริงๆ ค่ะ รู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นกับสิ่งที่นำเสนอ คอยปรับตัวเรื่อยๆ ค่ะ

คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ตรงไหน ทำไมผู้คนถึงนิยมชมชอบมากขนาดนี้ ?

        พิมฐา : (หัวเราะ) ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ แต่คิดว่าคนเริ่มติดตามตั้งแต่ตอนที่เราเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในฐานะนักศึกษาไทยผ่านทางรูปภาพมั้งคะ ซึ่งช่วงนั้นโชคดีที่พี่บูม (แฟนหนุ่ม) เริ่มสนใจการถ่ายภาพ เราก็เลยได้ภาพสวยๆ มาลงในอินสตาแกรมด้วย เลยคิดว่าคนน่าจะชอบสไตล์ภาพถ่าย ก็เลยติดตามมาเรื่อยๆ ค่ะ

สไตล์การแต่งหน้า อะไรที่ขาดไม่ได้ อะไรที่ไม่ทำเลย ?

        พิมฐา : ที่ขาดไม่ได้น่าจะเป็นลิปสติกค่ะ ส่วนอะไรที่ไม่แต่งเลยก็ได้ น่าจะเป็นตา คือ ไม่กรีดอายไลน์เนอร์ ไม่ปัดขนตาเลยได้ค่ะ (หัวเราะ) ชอบตัวเองหน้าจืดๆ เหมือนกันค่ะ

ถนัดแต่งตัวแบบไหน ?

        พิมฐา : อะไรก็ได้ที่ใส่สบาย มิดชิด (หัวเราะ) รู้สึกไม่มั่นใจถ้าต้องโชว์รูปร่าง ชอบใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ค่ะ ไม่เน้นสวย เน้นสบายค่ะ (หัวเราะ)

ขอเคล็ดลับการโพสท่าค่ะ เพราะเป็นธรรมชาติเหลือเกิน ?

        พิมฐา : ไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ภาพที่ชอบจะเป็นภาพที่ไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้คนถ่ายภาพเลยค่ะ

การถ่ายรูปให้ความสุขอย่างไร ?

        พิมฐา : เหมือนเป็นการเก็บ moment ที่เราอาจจะหลงลืมไปบ้าง แต่พอย้อนกลับมาดูรูปเมื่อใด ก็รู้สึกว่ามันมีความหมาย อบอุ่นดีค่ะ

แนะนำสาวๆ ที่ชอบถ่ายรูปว่าควรมีสิ่งสำคัญอะไรบ้าง ?

        พิมฐา : ไม่รู้จะแนะนำอะไรจริงๆ เพราะแต่ละคนน่าจะมีสไตล์เป็นของตัวเองหลากหลายกันไปค่ะ เอาเป็นว่าถ่ายทอดผลงานสวยๆ ออกมา อยากให้เน้นเรื่องความเหมาะสมและกาลเทศะกันค่ะ

ผิวใสมาก เคล็ดลับวิธีดูแลผิวค่ะ ?

        พิมฐา : จริงๆ ไม่มีอะไรพิเศษเลยค่ะ เหมือนสาวๆ ทั่วไป เผลอๆ อาจจะน้อยกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ (หัวเราะ) ปกติทาครีมบ่อยๆค่ะ แล้วก็ต้องทากันแดด สำคัญมาก

ชอบกินอะไรคะ และอะไรที่ไม่กินเลย ?

        พิมฐา : ชอบกินชาบูค่ะ สาหร่าย และผลไม้อบแห้ง ที่ไม่กินเลย ก็น่าจะผักชี คื่นช่าย (ผักที่มีกลิ่นฉุน) แล้วก็ทอดมัน (ปลากราย)

ไลฟ์สไตล์ตัวตนจริงๆ เป็นอย่างไร ?

        พิมฐา : เอาจริงๆ เป็นคนชอบมีเวลาอยู่กับตัวเองค่ะ ไม่ค่อยชอบออกไปไหน ไม่ค่อยชอบไปที่เสียงดังๆ คนเยอะๆ ค่ะ อยู่บ้านก็เล่นโซเชียลฯ ปกติค่ะ เบื่อก็เลี้ยงจิ๋ว (แมว)

อยู่เมืองไทยถาวรแล้วใช่มั้ยคะ ปัจจุบันทำอะไรบ้าง และวางแผนอยากทำอะไรที่สุด ?

        พิมฐา : อยู่เมืองไทยถาวรค่ะ ณ ตอนนี้ยังไม่มีแพลนไปเรียนต่อที่ไหนนะคะ ปัจจุบันเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ ทำงานโฆษณา Influencer  แผนในอนาคตก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเองค่ะ

เห็นเป็นยูทูปเบอร์กับน้องเมอา อะไรจูงใจให้ทำด้วยกัน ?

        พิมฐา : ส่วนตัวเป็นแฟนคลับของเมอาอยู่ห่างๆ มาตลอดเลยค่ะ รู้สึกว่าเขาเป็นคนเก่ง พูดเก่ง ทัศนคติดี มีความคิดหลายๆอย่างที่ตรงกัน 

        พอมีโอกาสได้มาร่วมงานกันก็เลยลื่นไหล รู้สึกว่าได้เพื่อนคนหนึ่งที่จะอยู่ในชีวิตเราไปอีกนานค่ะ รู้สึกว่าทำงานด้วยกันได้ง่าย เพราะต่างคนต่างเปิดรับความเห็นคนแต่ละคนมากๆ ค่ะ

มีงานบันเทิงติดต่อเข้ามาเยอะมั้ยคะ ?

        พิมฐา : ค่ะ อย่างที่บอกว่าตอนนี้เราทำงานฟรีแลนซ์ ก็จะสามารถรับงานในวงการบันเทิงได้อย่างกว้างขวางเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานคอนเทนต์ในอินสตาแกรม ออกงานอีเว้นต์ งานโฆษณาพรีเซนเตอร์ ปกติแล้วพยายามเปิดรับทุกโอกาสที่เข้ามา แต่ว่าในบางงานเรารู้สึกว่าเราทำได้ไม่ดี เลยอาจจะมีบ้างที่ขอผ่านไปก่อน หวังว่าในอนาคตเราจะเพิ่มทักษะทางด้านนี้และพร้อมกับโอกาสใหม่ๆ ค่ะ

ส่องความเห็นแฟนคลับอยากเห็นน้องเล่นละครมาก จะมีไหมคะ ?

        พิมฐา : (หัวเราะ) อย่างที่บอกค่ะ ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงอยากลองแหวกไปทำในส่วนบันเทิงที่อาจจะไม่ใช่งานแสดงละคร ส่วนตัวเคยลองไปทำทางนั้นแล้ว แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวหรืออะไรก็ไม่แน่ใจ รู้สึกว่าทำได้ไม่ดี ออกแนวจะฝืนๆ ตัวเองหน่อย ก็เลยขอพักไปก่อนค่ะ แต่ในอนาคตถ้ามีบทที่ไม่เกินความสามารถของเรามาก ก็ยินดีนะคะ

แม้เธอจะเกิดมาจากโซเชียลฯ แต่ก็อดห่วงใยไม่ได้ว่า..

        “โลกโซเชียลฯ เหมือนดาบสองคม อยากจะฝากถึงคนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกโซเชียลฯ หรือให้เวลากับมันมากๆ อยากให้ลองนึกถึงสิ่งรอบข้างในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีเวลาเป็นตัวกำหนด อยากให้ลองออกไปเที่ยวไปเจอสิ่งใหม่ๆ ด้วยตาตัวเองบ้าง บางทีชีวิตไม่ได้ต้องการความหวือหวาหรือเสียงคอมเม้นท์จากคนรอบข้างเสมอไปค่ะ กลับมาสนใจตัวเองและคนรอบข้างบ้าง”

        ท้ายสุด เธอนิยาม “เน็ตไอดอล” ว่าสื่อถึงบุคคลที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีไลฟ์สไตล์ทัศนคติที่สร้างสรรค์ ดึงดูดผู้คนให้สนใจและชื่นชมในสิ่งที่ตัวเองเป็น ดังนั้นเธอจึงยืนหยัดความคิดว่า

        “เรามีโอกาสแสดงจุดยืนในโลกโซเชียลฯ เมื่อเรามองเห็นแล้วว่ามีคนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจเรา เราก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เรานำเสนอด้วยค่ะ ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี คิดให้รอบคอบก่อนจะนำเสนออะไรออกไปค่ะ”

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก khaosod, Instagram pimtha